จุดเปลี่ยน-ความทรงจำน่าประทับใจใน ‘ยุค 90’ : ข่าวกีฬาช่อง 7, เพลงฮิตฮอตเวฟ และปลาบู่ทอง

คนมองหนัง

หมายเหตุ ขออนุญาตคัดสรรเนื้อหาน่าสนใจจากกิจกรรมทอล์กในสวน ที่งาน “FEED RETRO #90sไม่นานมานี้” ซึ่งมีประเด็นว่าด้วยวงการข่าวโทรทัศน์, วงการเพลง และวงการบันเทิงไทย ผ่านสายตาและประสบการณ์ของมืออาชีพ 3 รายในยุค 90 มาเผยแพร่ซ้ำอีกครั้ง ณ พื้นที่นี้

ขอบคุณภาพถ่ายจาก FEED

จักรพันธุ์ ยมจินดา

อดีตผู้บริหารฝ่ายข่าว-ผู้ประกาศข่าวช่อง 7

ช่อง 9 “อาจารย์ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล” อ่านข่าวคู่กับ “พี่แอ้-กรรณิการ์ ธรรมเกษร” เรตติ้งกระฉูดขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง “คุณชาติเชื้อ กรรณสูต” ปรึกษาผมบอกว่า “จักร เอายังไงดี? (ถึง) จะสู้กับช่อง 9 ได้” ผมบอกเรามีละครเป็นจุดแข็งหลังข่าวอยู่แล้ว ซึ่งเรตติ้งดี ถ้าเราทำข่าวกีฬาให้ดี และทำข่าวอื่นๆ ให้ดี เรตติ้งมันจะพ่วงกันและดีขึ้น

(ชาติเชื้อถาม) “แล้วทำไง?” ผมเลิกพากย์หนัง ไปคุมข่าว (ชาติเชื้อบอก) “เฮ้ย รายได้พากย์หนังมันเยอะนะ” คุณตั้ว (ชาติเชื้อ) ก็ทดแทนมาให้ผมสิครับ พากย์หนังแต่มาคุมข่าวแทนก็ให้เงินผมตรงนั้นแทน

คุณตั้วก็เลยตัดสินใจให้ผมมาคุมข่าว ดูข่าวตั้งแต่เช้า เป็นหัวหน้าพร้อมๆ กับ “คุณหว่อง-พิสิทธิ์ กิรติการกุล” แล้วอีกคนคือลูกชายคุณตั้ว คุณเอ็ด (ชาญชัย กรรณสูต) ก็คุมข่าวด้วยกัน

พอเข้ามาถึงปั๊บ ผมรื้อเรื่องข่าวกีฬาก่อน โดยตอนนั้นมี “โต้ง-จิระศักดิ์ สนธิวรชัย” เป็นผู้สื่อข่าว แล้วก็มีช่างภาพ

ผมบอกว่าช่างภาพที่ไปถ่ายฟุตบอลทำอย่างนี้ไม่ได้ ต่อไปไปถ่ายฟุตบอล ฟุตบอลเตะเข้าประตู คุณต้องถ่ายลูกเข้าประตูมาให้ได้ และให้รู้ด้วยว่าใครยิง ลูกมันส่งผ่านมาจากไหน ไม่ใช่ว่าคุณถ่ายอะไรก็ได้ วิ่งกันไปวิ่งกันมา แล้วมาให้ผมบรรยาย ผมไม่เอาแล้วนะ

นั่นคือการปฏิวัติครั้งแรก ช่างภาพ ผมสั่งเลยว่าถ้ามันมีการยิงประตู แต่คุณไม่มีภาพการยิงประตูมาให้ผม คุณไม่ต้องเอามา

นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราบรรยายข่าวกีฬาของช่อง 7 ในลักษณะ “ภาพกับเสียงตรงกัน” ทำให้เรตติ้งคนดูขยับขึ้น เพราะคนดูดูข่าวกีฬาสนุก

นี่คือจุดเริ่มต้นของข่าวกีฬา แล้วหลังจากนั้น เราก็มาปฏิวัติข่าวอื่นๆ

ขอบคุณภาพถ่ายจาก FEED

วิศวะ กิจตันขจร (ดีเจเป้)

ผู้จัดรายการวิทยุ

พี่เป้กับพี่โป้ง (ณัฐพงษ์ แตงเกษม) ตอนนั้นจัดรายการต่อกัน แล้วทีนี้ เทปคาสเส็ตสมัยก่อนมันจะมากันเป็นกอง สมัยก่อนเราเปิดจากเทปคาสเส็ต

แต่ว่าเพลงที่เขาส่งมาให้เราเปิดในรายการวิทยุ มันจะไม่ได้มาแบบหน้าหนึ่งห้าเพลง เขาจะมาหนึ่งม้วนต่อหนึ่งเพลง เพื่อให้ง่ายต่อการเปิด เปิดเสร็จแล้วก็ต้องกรอกลับ เพื่อที่จะเปิดใหม่ได้ทัน เพราะฉะนั้น เขาก็จะส่งมาแต่ละเพลงๆ

มันก็มากันเยอะมาก กองเทปเป็นตั้งๆๆๆ พอมันมาเยอะ บางทีเราก็ฟังเพลงกันไม่ทัน ในยุคนั้น ก็มีเทปคาสเส็ตอันหนึ่งที่เราไปรื้อๆ ค้นๆ กันมา พี่เป้จัดกับพี่โป้ง นั่งจัดรายการต่อกัน แล้วเราก็เลยไปรื้อเทปกองนั้นมาฟังกันว่า โห มันมีเพลงอีกเยอะมากที่เรายังไม่ได้เปิดแนะนำ

แล้วเราก็ไปเจอหน้าปกอันหนึ่ง เขียนชื่อวงว่า “สไมล์บัฟฟาโล่” โอ้โห สะดุดเรา ควายยิ้ม บ้าหรือเปล่า? วงบ้าอะไรวะ? ชื่อวงควายยิ้ม แต่ก็ต้องลองฟังเนอะ มันสะดุดแล้ว เราก็มาเปิดฟัง ฟังเสร็จปุ๊บมันก็เป็นเพลงนี้แหละครับ “ดีเกินไป” ขึ้นมาจังหวะกลองนะ แค่นั้น ทั้งกลองทั้งเบสมันโดนใจพวกเรามาก เรารู้สึกว่า เฮ้ย เพลงนี้มันโดนว่ะพี่โป้ง มันต้องเอามาเปิดแล้วล่ะ

หลังจากนั้น ผมก็เลยเปิดทันที แค่ฟีดแบ็กในวันแรกที่เปิด คือทุกคนมาแบบ เฮ้ย เพลงนี้ของใคร? จนดีเจท่านอื่นๆ ที่เขามาจัดต่อหลังๆ ที่เขายังไม่รู้จักเพลงนี้ เขาก็จะบอกว่า ทำไมคนฟังขอเพลงนี้เยอะจังวะ? จนเพลงนั้นเริ่มดัง แล้วมันก็ดังจริงๆ

ขอบคุณภาพถ่ายจาก FEED

ทราย เจริญปุระ

นักแสดง

คือคนจะรู้สึกว่าไอ้เครดิตในอาชีพคุณมันมาไกลขนาดนี้แล้ว มันเหมือนจะลดเกรดตัวเองลงไปเล่นหนังจักรวงศ์ทำไม? ส่วนใหญ่เขาเล่นเป็นบทเปิดตัว (ตอน) เพิ่งเริ่มสร้างชื่อในวงการอะไรแบบนี้

แต่ทรายไม่ได้รู้สึกแบบนั้น คืออาหรั่ง (ไพรัช สังวริบุตร) เป็นคนชวนไปเล่น ตอนแรกบอกให้ไปเล่นรับเชิญ ช่วยน้องหน่อย นางเอกเรื่องนั้นคือ “น้องมิน-พีชญา (วัฒนามนตรี)” เรื่องแรกในชีวิตของน้อง (ทราย) เล่นเป็นแม่น้อง มันจะเริ่มจากเด็ก แล้วน้องมินเขาเล่นตอนโตเป็นสาว ในโปรเจ็กต์เรื่อง “ปลาบู่ทอง” (พ.ศ.2552)

รับเชิญห้าตอนเท่านั้น ทรายก็ (บอก) แบบเล่นน้อยจังน่ะอา หนูเล่นเยอะก็ได้นะ หนูไม่ซีเรียส (ไพรัชบอก) “โอ๊ย ห้าตอนนิดหน่อยก็พอ เอามาเปิดหัว” เล่นคู่กับ “พี่หลุยส์-อัมรินทร์ (สิมะโรจน์)” (แต่สุดท้ายแล้ว) จบไปที่ประมาณ 50 ตอน มันเยอะมาก มันยืดยาวมาก

แต่ว่าตัวทรายชอบมากๆ คือเราในตอนเด็ก เราก็โตมากับหนังจักรวงศ์ เราก็ดูหนังจักรวงศ์ เราก็ดูน้าผีมา เราก็มาดูสี่ยอดฯ (กุมาร) มา เราก็ดูขวานฟ้าหน้าดำมา “สุริยา ชินพันธุ์” ช่อง 3 ฉันก็ดูมาหมด ทำไมฉันจะเล่นไม่ได้วะ?

แต่ว่าคนถามเยอะมากว่า “เฮ้ย ทำไมลดเกรดตัวเองวะ?” ซึ่งทรายไม่ได้มองว่าลดเกรดเลย งานก็คืองาน เล่นแล้วก็คือเล่น แล้วอยากเล่นด้วย มันสนุกนะ

ทุกวันนี้ คนก็ยังเอามา (ล้อ) แบบพี่ทรายเป็นปลาบู่ คือให้อำว่าเราเป็นปลาบู่ เรายังขำกว่าบางทีที่แบบว่ามีคนมาถามเรื่อง (ผลงานเพลง) อัลบั้มแรก เรายังทำหน้าไม่ถูกนะ แต่ว่าถ้าบอกว่าเป็นปลาบู่ทองนี่ จะแบบว่า เย่ ใช่ ฉันเป็นปลาบู่ทอง แล้วฉันเป็นต้นมะเขือด้วยนะ เป็นต้นโพธิ์ด้วย

มันสนุก แล้วทรายก็ว่ามันมีลักษณะเฉพาะของมันมากๆ ในการเล่าเรื่องของความเป็นหนังจักรวงศ์ •

 

| คนมองหนัง