อีกงานใหญ่ที่ต้องจับตา ล้างหนี้นอกระบบ | วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ถ้าพูดถึงภัยที่คุกคามประชาชนจนสูญเสียเงินทองมากมาย นอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงทางออนไลน์ทั้งหลายแล้ว อีกภัยใหญ่ที่ทำให้คนในสังคมไทยต้องหมดเนื้อหมดตัว ก็คือ แก๊งเงินกู้นอกระบบ มีคนจำนวนมากที่หน้ามืดตามัว หลงไปกู้เงินจากแก๊งนอกระบบ ลงเอยเหมือนตกนรก ทั้งชีวิตพังทลาย ลามไปถึงครอบครัวลูกเมียอีกด้วย

เงินกู้นอกระบบ ถือเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่ทำให้ชีวิตคนในสังคมไทย ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส

ส่วนใหญ่เมื่อเงินทองฝืดเคือง เศรษฐกิจไม่ดี รายได้ไม่เพียงพอ หาทางออกไม่ได้ ก็เผลอไปกู้ยืมเงินกับนายทุนเงินกู้ที่คิดดอกมหาโหด เพราะกู้ได้ง่ายรวดเร็ว ไม่ต้องมียื่นเรื่องยื่นเอกสาร ไม่มีการประเมินทรัพย์สิน ไม่มีตรวจสอบประวัติบัตรเครดิต

แต่ได้เงินเร็ว ก็มีดอกตามมารวดเร็วและเป็นตัวเลขที่สูงมาก ไปๆ มาๆ ผ่อนได้แต่ดอกไปเรื่อยๆ จนเริ่มผ่อนดอกก็ไม่ไหว กลายเป็นถูกตามทวงหนี้ ถูกทำร้าย ทำให้อับอาย และคุกคามไปจนถึงคนในครอบครัว เดือดร้อนกันไปหมด

การกู้เงินตามระบบตามกฎหมายกำหนด ดอกเบี้ยแค่ 1 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ต่อเดือน

แต่กู้นอกระบบ ดอกเบี้ย 10 เปอร์เซ็นต์บ้าง 20 เปอร์เซ็นต์บ้าง ต่อเดือน แค่จ่ายดอกก็ไปไม่รอดแล้ว

*นี่คืออีกปัญหาใหญ่ของสังคมไทยจริงๆ*

ดังนั้น ที่รัฐบาลโดยนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ประกาศว่า เตรียมแถลงใหญ่ถึงแผนการล้างหนี้นอกระบบให้กับประชาชนคนไทย ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้

จึงเป็นข่าวใหญ่ ที่คนไทยเงี่ยหูรอฟังกันจริงจัง

ถ้ารัฐบาลทำได้จริง ก็คือการปลดทุกข์ครั้งใหญ่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ

โดยมาตรการที่เปิดเผยในเบื้องต้น คือ ใช้กลไกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับตำรวจ ลงเจาะกลุ่มเจ้าหนี้และลูกหนี้นอกระบบ ในทุกพื้นที่

เพื่อจัดโต๊ะเปิดเจรจา ใช้ข้อกฎหมายเข้ามาเป็นกรอบ เพื่อหาทางออกที่เป็นการจบปัญหาให้ได้

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย ได้อธิบายถึงแผนล้างหนี้นอกระบบที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า เป็นไปตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ เศรษฐา ใช้กลไกของฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานงานร่วมกัน

เพราะปัญหานี้ เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่ครอบคลุมไปทั่วสังคมไทย

โดยขณะนี้ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ได้ลงสำรวจข้อมูล และนำลูกหนี้เงินกู้นอกระบบมาขึ้นทะเบียน เพื่อเตรียมการไปสู่การเจรจาหาทางยุติหนี้สิน

พร้อมๆ กัน จะพบว่านายทุนเงินกู้นอกระบบ จะมาพร้อมการกดขี่ ข่มขู่ ดังนั้น จึงต้องมีตำรวจเข้ามาดูแลในด้านนี้ จะต้องไม่มีอิทธิพลนอกระบบมารังแกชาวบ้านที่เป็นลูกหนี้

ทั้งบอกด้วยว่า นี่คือกุศโลบายของนายกรัฐมนตรี ที่จะนำมาแก้ไขปัญหาใหญ่ของประชาชน

เท่ากับว่ากลไกหลักในภารกิจนี้ ก็คือ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ร่วมกับนายตำรวจระดับผู้กำกับหรือหัวหน้าโรงพักในแต่ละอำเภอ

ขณะที่นายกฯ เศรษฐาย้ำว่า ในวันที่ 28 พฤศจิกายน จะแถลงแจกแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบครั้งใหญ่

จากนั้นในวันที่ 8 ธันวาคม จะเรียกประชุมนายตำรวจระดับผู้กำกับทั่วประเทศ โดยจะเป็นผู้กำกับใหม่ เนื่องจากสิ้นเดือนนี้จะมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ โดยประชุมตำรวจระดับผู้กำกับ ร่วมกับนายอำเภอทั่วประเทศ เพื่อติวเข้มแผนปฏิบัติการครั้งนี้

นอกจากนี้ นายกฯ เศรษฐายังจะให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่ต่างๆ ร่วมขับเคลื่อนแผนล้างหนี้นอกระบบ สนับสนุนการทำงานของมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อช่วยแก้ปัญหาใหญ่ให้กับประชาชนคนไทย

แน่นอนว่า แผนล้างหนี้นอกระบบของรัฐบาล เป็นการตอกย้ำนโยบายเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน อันถือเป็นจุดแข็งของรัฐบาลเพื่อไทย ประสานกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจก 1 หมื่นบาท ให้ประชาชนราว 50 ล้านคน เพื่อหวังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ความที่รัฐบาลเพื่อไทยเน้นประนีประนอมกับเครือข่ายผู้มีอำนาจในทางการเมือง ไม่แตะต้องโครงสร้างการเมือง เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ นำมาสู่ความราบรื่นทางเสถียรภาพ ไม่โดนร้องไม่โดนยุบ

จึงต้องมาโหมผลงานด้านเศรษฐกิจปากท้องประชาชน เพื่อสร้างผลงานให้ได้!

 

ภายใต้ความพยายามแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน เพื่อลบกระแสโจมตีในทางการเมือง อาจจะสรุปได้ว่า ปลายเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงเดือนธันวาคม รัฐบาลเศรษฐาจะจุดพลุแผนปฏิบัติการแก้หนี้นอกระบบให้กับประชาชน

อาจจะชูเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยอะไรทำนองนั้น

จากนั้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ถ้าหากผ่านด่านตรวจสอบต่างๆ ได้ ก็จะเริ่มโครงการใหญ่ คือ ดิจิทัลวอลเล็ต แจก 1 หมื่นบาท ให้คนไทยที่อายุ 16 ปีขึ้นไป มีเงินเดือนต่ำกว่า 7 หมื่นบาท และมีเงินฝากในธนาคารไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งน่าจะมีราว 50 ล้านคน

หวังจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เกิดการจับจ่ายไปในทุกอำเภอ

ด้านหนึ่งเสียงวิจารณ์คัดค้านก็ยังดัง อีกด้านระดับเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ออกมาสนับสนุนให้เดินหน้าโครงการ ยืนยันว่ากระตุ้นได้ถูกจุด ไปจนถึงผู้ประกอบการร้านค้า ยันรถพุ่มพวง ที่เป็นกลไกการค้าในชนบท ในหมู่บ้านต่างๆ ล้วนหวังในโครงการนี้ทั้งสิ้น

ถ้าหากผ่านการพิจารณาข้อกฎหมายโดยกฤษฎีกาได้ และผ่านการพิจารณาของรัฐสภาได้ เมื่อ พ.ร.บ.เงิน 5 แสนล้านบาท ไม่ล้มคว่ำ ดีเดย์แจก 1 หมื่นก็จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567

ทั้งล้างหนี้นอกระบบ และแจกดิจิทัลวอลเล็ต จึงเป็นความหวังของรัฐบาลเศรษฐา ในการปลุกเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน

เมื่อผสมผสานเข้ากับการดึงนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่จากสหรัฐ ที่นายกฯ เศรษฐาเดินทางไปเจรจาเองถึง 2 ครั้ง 2 หน รวมไปถึงอภิมหาโปรเจ็กต์แลนด์บริดจ์เชื่อมอ่าวไทยกับอันดามัน

จึงเป็นความหวังอย่างมากของรัฐบาล เพื่อเป้าหมายพลิกฟื้นเศรษฐกิจ แก้ปากท้องให้ชาวบ้าน

เพราะหมายถึงการยืนยันแนวทางของพรรคเพื่อไทย ของรัฐบาลเศรษฐา ไม่แตะต้องโครงสร้างการเมือง เน้นพลิกชีวิตความเป็นอยู่การค้าของประชาชน

ใช้ช่วง 4 ปีของรัฐบาล พิสูจน์แนวทางนี้

เพราะการเมืองไทยในยุคนี้และสมัยหน้า คงจะต้องปะทะกันครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเน้นแก้ปากท้อง กับพรรคเน้นแก้การเมือง!