Metamorphogenesis คัมแบ๊กอัลบั้มของ NOTEP ที่พาเราหวนคืน สู่ธรรมชาติและจิตวิญญาณของมนุษย์

นท พนายางกูร เริ่มต้นอาชีพนักร้องด้วยการเข้าประกวดรายการ เดอะ สตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปีที่ 7 และคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศมาได้

หลังจากนั้นเธอก็ก้าวขึ้นมาป๊อปสตาร์เต็มตัวกับอัลบั้มเดี่ยวที่ออกกับค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนประตูบานใหญ่ที่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำงานที่หลากหลายมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นศิลปินที่มีผลงานนิทรรศการศิลปะเป็นของตัวเอง หรือแม้กระทั่งนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม

แต่สิ่งที่เธอรักมากที่สุดก็คือ การได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและการทำงานเพลงในฐานะศิลปินอิสระภายใต้ชื่อ NOTEP (No-Tep)

ล่าสุด เธอเพิ่งจะปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกในรอบ 10 ปีกับงานเพลงที่มีชื่อว่า Metamorphogenesis

“ช่วงที่หายไปก็ไปค้นหาตัวเองว่า สิ่งที่เราอยากทำจริงๆ คืออะไร ก็กลับไปทำงานศิลปะก่อน เพราะว่าดนตรีกับศิลปะเป็นตัวตนของเรามาตั้งแต่จำความได้แล้ว พอได้ทำงานศิลปะก็ต้องหาประเด็นที่เราสามารถพัฒนาต่อได้ ก็เลยเลือกประเด็นเรื่องพลังงานบำบัด (Energy Healing) เราก็เริ่มเรียนคลาสเรกิ, Crystal Healing ไปจนถึงเรื่องจักระตัวเองด้านจิตวิญญาณ จนมาเจอเรื่อง Sound Healing (การใช้คลื่นเสียงธรรมชาติเพื่อปรับธาตุภายในร่างกาย) ตอนที่ไปเนปาลค่ะ”

นท พูดถึงประสบการณ์ชีวิตที่เธอได้ค้นพบหลังจากที่เริ่มหมดไฟจากการร้องเพลง

“การเรียนรู้เหล่านี้ทำให้เรารู้ว่ามันไม่ใช่แค่เสียง แต่มันเป็นความสั่นสะเทือนด้วย เพราะเครื่องดนตรีเหล่านี้ถูกออกแบบมาว่าเวลาที่เล่นมันรักษาคนได้ถึงระดับเซลล์เลย ไม่ใช่แค่เสียงที่ฟังแล้วเพราะแล้วเพลิดเพลิน” นท เผยเพิ่มเติม ซึ่งการให้ความสำคัญเรื่องเสียง ความถี่และแรงสั่นสะเทือนจากมวลของสรรพสิ่งที่ให้เสียงที่แตกต่างกันออกไป

ทำให้นึกถึง ริวอิจิ ซาคาโมโตะ ศิลปินผู้ล่วงลับที่ในขณะที่เป็นโรคมะเร็งเขาได้เดินทางไปในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อ “ฟัง” เสียงของเมืองที่แตกต่างกันออกไป และเสียงเหล่านั้นก็มีบทบาทสำคัญในการทำอัลบั้มชุดสุดท้ายในชีวิตที่มีชื่อว่า 12

ผมมองว่าการศึกษาเรื่องเสียงเพื่อนำมาใช้ในการบำบัดจิตใจมนุษย์และเพื่อที่จะเข้าใจตัวของเราเองผ่านงานเพลงของ นท และ ริวอิจิ ซาคาโมโตะ มีความเชื่อมโยงกันอยู่

ซึ่งนทแสดงความเห็นว่า

“ซาวด์มีพลังมากกว่าที่เราคิดมาก มันรักษาเราได้ด้วย ร่างกายมนุษย์ 70% คือน้ำ และมันถูกรบกวนจากเสียงที่เป็น Noise Pollution ในชีวิตประจำวันด้วย มีการวิจัยมาแล้วว่าการได้ยินของมนุษย์เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดที่สมองต้องประมวลผลเลยด้วยซ้ำ เราก็เลยอยากเอาซาวด์ต่างๆ ที่เรามองว่ามันช่วยรักษาเราได้มาใส่ไว้ในอัลบั้ม ซึ่งก็ทำให้เราไปอยู่กับธรรมชาติอย่างทะเล ภูเขา หรือว่าสวนหลังบ้าน เราก็อัดเสียงเหล่านั้นมาปรับเปลี่ยนรูปแบบของเสียงเพื่อให้กลายเป็นเครื่องดนตรีในแบบของเรา” เสียงที่ว่ามานี้มีเสียงอะไรบ้างนะ ผมสงสัย

“ก็จะมีเสียงปลาวาฬตอนที่ไปดำน้ำที่ตองกา, เสียงน้องหมาที่บ้านก็เอามาทำเป็นเสียงซินธิไซเซอร์ในแนวเบรกบีต, เสียงคุณยายก็นำมาใช้เป็นเพลง Outro ในอัลบั้ม”

ชื่ออัลบั้มที่สื่อถึงการเติบโต เปลี่ยนแปลง และการเกิดใหม่ในระดับเซลล์ที่เป็นชีววิทยามากๆ

อะไรที่ทำให้นทวางคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่มีความลึกซึ้งแบบนี้

“นทรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของนทคนเดียว แต่เป็นเรื่องของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ การเติบโตในระดับเซลล์ไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่าเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ถ้าเราเข้าใจมันได้เราจะเข้าใจชีวิต ตัวเอง และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ก็สื่อถึงตัวนทเองด้วยว่า 10 ปีที่ผ่านมาเราไปเติบโตมายังไงบ้าง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้เหมือนการเกิดใหม่ของนทเหมือนกันนะ”

 

Metamorphogenesis เป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่มีการแบ่ง 15 เพลงออกไปเป็นพาร์ตที่มีสัดส่วนอย่างชัดเจนซึ่งสะท้อนถึงธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ

การเรียงแต่ละเพลงในอัลบั้มจึงต้องสอดคล้องกับแต่ละธาตุด้วย

นทมีวิธีการจัดหมวดหมู่ได้อย่างไร

“เราอยากเล่าเรื่องของเราผ่าน 4 ธาตุของธรรมชาติ คือใช้คุณสมบัติของแต่ละธาตุเป็นตัวเล่าเรื่อง นทเริ่มต้นด้วยน้ำ เพราะอยากให้ทุกคนมาหลอมรวมไปด้วยกันเพื่อความเข้าใจกัน, ดิน ทำให้เรามีสติมากขึ้น, ไฟ มีบีตมีความฉูดฉาดมากขึ้น มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จบด้วยลมที่ใช้เป่าให้คนเย็นและสงบลง กลับมาสู่ลมหายใจตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไป แต่จริงๆ แล้วมันอยู่กับเราตลอดเวลา”

เพลงอย่าง Guided Breathing, Moonlit Flow, Solar Salutation มีการสอนเรื่องการกำหนดลมหายใจเข้าออก เสียงลม เสียงนก มีเสียงเครื่องดนตรีตะวันออก ถ้าฟังอย่างมีสมาธิจะรู้สึกเย็นจิตใจเย็นและสบลงจริงๆ นทมองว่าพลังของเสียง ดนตรี และธรรมชาติลึกๆ เป็นสิ่งเดียวกันหรือเปล่า

“ดีใจมากเลยค่ะที่ได้ยินฟีดแบ็กนี้ เพราะนทตั้งใจให้เป็นแบบนั้นเลย นทคิดว่าเสียงที่รักษาใจเราได้จริงๆ คือเสียงที่อยู่รอบข้างเรานี่แหละ เพราะเป็นคลื่นเสียงที่เป็นสัจธรรมมาก มนุษย์อาจจะลืมไปว่าก่อนที่เราจะมาอยู่ในเมือง เราเคยอยู่ในป่าเคยอยู่ใกล้ทะเล เราเลยรู้สึกสบายใจเวลาที่เราได้กลับบ้าน บ้านก็คือธรรมชาติ นทก็เลยอยากให้อัลบั้มชุดนี้ทำให้ผู้คนกลับไปเชื่อมโยงกับตัวเองและธรรมชาติอีกครั้ง”

จังหวะ (BPM) ส่วนใหญ่ของอัลบั้มชุดนี้ค่อนข้างช้า แต่ก็ยังมีเพลงอย่าง Formulaic Ripples, Let GoOoOoo~, Zap Zap ที่เป็นเพลงหมอลำและเป็นเพลงเร็วเข้ามาสร้างสีสันด้วย เพลงเหล่านี้เหมือนสะท้อนให้เห็นว่าจังหวะของชีวิตมนุษย์ก็มีทั้งความสงบ สนุกและผ่อนคลาย นทตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

ซึ่งนทก็ตอบทันทีว่า

“ใช่ค่ะ ถูกต้องเลยชีวิตนท 10 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่แค่เพลงสไตล์เดียวอยู่แล้ว อัลบั้มนี้นทรู้สึกอย่างไรก็จะทำตามความรู้สึกนั้นออกมาโดยไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย และถึงแม้ว่าจะเป็นอะไรที่ใหม่ แต่เราก็อยากจะสร้างแนวเพลงที่เป็นตัวเราเองจริงๆ”

 

งานเพลงชุดนี้มีทั้งแนวเบรกบีต, เทคโน, แอมเบียนต์, โปรเกรสซีฟ เฮาส์ และอื่นๆ แต่ผมมองว่านี่คืออัลบั้มแนวนิวเอจ (แนวเพลงที่ใช้ดนตรีในการบรรยายธรรมชาติ) อย่างเต็มตัวเลย

“เพลงของนทเป็นอิเล็กทรอนิกส์ แต่แนวที่แยกย่อยลงมาคือนิวเอจ ตอนงานเปิดอัลบั้มมีดีเจเรียกเราว่าเป็น Experimental Pop Star ซึ่งเราชอบคำนี้นะเพราะเป็นแนวนั้นจริงๆ นทจะบอกคนอื่นเสมอว่านี่ไม่ใช่อัลบั้มที่เป็นบทสรุป แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่จะนำไปสู่การสร้างอะไรที่ใหญ่กว่านี้”

อัลบั้มชุดนี้มีศิลปินหลายคนที่มามีส่วนร่วมด้วย อยากให้พูดถึงหน่อย

“ศิลปินส่วนใหญ่อาจจะไม่เคยออกเพลงมาก่อนด้วยซ้ำ ศิลปินที่มาช่วยทำจะเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรามากกว่า มีศิลปินแค่ 3 คนที่มีชื่อเสียงอย่าง Valentina Ploy ที่มาช่วยนทเขียนเนื้อเพลงให้บางเพลง มีพี่ปกป้อง จิตดี ที่มามิกซ์เพลงและให้คำปรึกษาในเรื่องโปรดักชั่นของเพลง มีพี่ต้น – ต้นตระกูล มาเล่นพิณให้ในเพลง Zap Zap นอกนั้นก็เป็นคุณยาย, Batju หมาที่บ้าน CJK คือแฟนของนทเองที่ช่วยทำวิชวลให้ DKF คือเพื่อนสนิทของนทเองที่อัดเสียงร้องให้”

“ส่วนสิ่งที่อยากทำหลังจากนี้นอกจากการเล่าเรื่องก็คือ การเล่นสดเยอะๆ เพราะการแสดงโชว์ (Performance) มันมีทั้งภาพ (Visual) และการแสดงออกทางด้านการเคลื่อนไหวด้วย ซึ่งนทยังไม่เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในไทยมากนัก”

สุดท้ายแล้วนทอยากจะบอกแฟนๆ เกี่ยวกับอัลบั้มชุดนี้ว่า

“ฝากอัลบั้ม Metamorphogenesis เอาไว้ด้วย ชื่ออาจจะฟังทดลองนิดหนึ่ง แต่มีตั้ง 15 เพลง ซึ่งนทเชื่อว่าอย่างน้อยคงมีสักเพลงในนั้นที่จะเข้าถึงใจคนฟังได้ อยากให้ลองเปิดใจฟังดู จริงๆ ก็มีเพลงป๊อปฟังง่ายๆ อยู่ในนั้นด้วย ถ้าได้ลองฟังดู คุณอาจจะเจออะไรบางอย่างที่คุณกำลังตามหาอยู่หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องการก็ได้”

“ถ้าฟังได้ก็อยากให้ฟังตั้งแต่เพลงแรกถึงเพลงสุดท้ายแบบเรียงไปเลยค่ะ”