เข็นท่องเที่ยวไทยให้ถึงฝัน 40 ล้านคน โจทย์ใหญ่ ‘เที่ยวไทยปลอดภัยเต็มร้อย’ ปลดล็อกความกังวลปลุกอารมณ์เดินทาง

ตลอดปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวไทย ถูกดึงมายืนแถวหน้า ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ที่หน่วยงานรัฐตั้งเป้าขยายตัวเศรษฐกิจปี 2566 นี้ให้ได้เกิน 3% หลังจากการส่งออก ผลักดันให้เป็นบวก 1-2% มีโอกาสพลาดเป้า

ซึ่งไม่ว่าจะรัฐบาลชุดเก่า หรือชุดใหม่ “เศรษฐา 1” ก็ให้ความสำคัญระดับสูงสุดต่อทุกวิธีที่จะผลักดันภาคท่องเที่ยว และยังคงให้ปี 2566 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย

ดังนั้น ทำให้ทุกแสงสปอตไลต์ฉายไปยังภาคการท่องเที่ยวไทยแบบเต็มๆ

รัฐบาลใหม่ทยอยประกาศแผนสนับสนุนต่างๆ อย่างนโยบายในการประกาศให้ประเทศไทยเป็นแดนสวรรค์ของการท่องเที่ยว การกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยผ่านการออกวีซ่าฟรี ยกเว้นการขอวีซ่าเข้าไทยให้กับจีนและคาซัคสถาน ที่ถือเป็นฐานตลาดท่องเที่ยวของไทย และมีศักยภาพในการเติบโตได้สูงมาก

แต่เพียงสัปดาห์เดียว ก็เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นใจกลางเมืองกรุงเทพฯ เมืองหลักหัวใจแหล่งนิยมของนักกิน นักช้อป และหาความบันเทิง ในชีวิตประจำวันของคนไทยและต่างชาติที่อยู่พำนักในไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องแวะเวียนมา ถึงขนาดว่ามีคำคมพูดติดปาก ‘กรุงเทพฯ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว’

แต่พอเกิดเหตุการณ์กราดยิงกลางห้างสรรพสินค้าขึ้น คำถามถึงคุณภาพชีวิตของทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยว ว่าเป็นชีวิตดีๆ ที่ลงตัวจริงหรือไม่ รวมถึงความปลอดภัย

ตามมาด้วยความจำเดิมๆ หวนกลับมาอีกครั้ง แม้หลายเรื่องผ่านไปแล้วหลายปีแล้ว ถึงภาพในลักษณะที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งทุกครั้งถือเป็นความรุนแรง หรือเหตุอาชญากรรมทั้งสิ้น

 

ตัวอย่างหนึ่ง หลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง หลังเกิดการระบาดโควิด-19 จนต้องปิดประเทศไปเกือบ 2 ปี โดยจัดทำเป็นโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ขึ้น เพื่อให้จังหวัดที่มีความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวก่อน ผ่านพ้นการเฉลิมฉลองความสำเร็จไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ ก็เจอเหตุการณ์คนร้ายฉุดนักท่องเที่ยวสาวไปข่มขืนและปลิดชีพทิ้งกลางป่า ซึ่งสร้างผลกระทบแบบกระเทือนภาพลักษณ์ไทยให้ถูกพูดถึงกินเวลาเป็นเดือนๆ

ย้อนไปไกลหน่อย เกิดระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ กลางกรุงเทพมหานคร ใกล้กับศาลท้าวมหาพรหม ในปี 2558 หรือเหตุเรือล่มกลางทะเลในปี 2561 ซึ่งในหลายเหตุการณ์มีนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่ในนั้น โดยวงการท่องเที่ยวออกมายืนยันทุกครั้งที่เกิดเหตุ จะทำให้เกิดการลังเลเข้ามาเที่ยวในไทย บางเหตุการณ์ก็ใช้เวลา 1-2 เดือนจึงจะฟื้นตัว บางเหตุการณ์ใช้เวลา 3-4 เดือน ครั้งล่าสุดกราดยิงในห้างกลางกรุงเทพฯ เบื้องต้นก็มองว่าคงใช้เวลา 1-2 เดือน อาจกระทบนักท่องเที่ยวหายไป 1 ล้านคน และสูญรายได้จากท่องเที่ยวที่ควรได้อีก 5 หมื่นล้านบาท

แล้วจากนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวจะเป็นอย่างไร

 

ภาคการท่องเที่ยวไทยนั้นมีหน่วยงานด้านตลาดเป็นหลักอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้หัวเรือใหญ่อย่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นผู้วางเป้าหมายและกำหนดกลยุทธ์ เพื่อเดินไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่หากมองเป้าหมายที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าไม่ได้มีไว้พุ่งชน แต่ส่วนใหญ่เป้าหมายจะวิ่งหนีมากกว่า

อย่างในปี 2565 ททท.กำหนดเป้าหมายไว้ 1.5 ล้านล้านบาท แต่รายได้จากการท่องเที่ยวที่ทำได้จริง อยู่ที่ 1.23 ล้านล้านบาทเท่านั้น แม้ไม่ได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้มากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลุดเป้าอยู่ดี สาเหตุเพราะการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และนักท่องเที่ยวระยะไกลยังไม่เดินทาง ขณะที่คนไทยเที่ยวไทยเหลือ 120 ล้านคน-ครั้ง จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง

ขณะที่ในปี 2566 ตั้งเป้าสร้างรายได้ 80% จากปี 2562 หรือเป็นเม็ดเงินอยู่ประมาณ 2.38 ล้านล้านบาท แต่คาดว่าจะสามารถทำได้ 2.167 ล้านล้านบาท หรือ 91.76% จากเป้าหมายเท่านั้น ถือเป็นการหลุดเป้าแบบ 2 ปีซ้อน

ส่วนในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 100% ของปี 2562 เพื่อให้กลับมามีรายได้ 3 ล้านล้านบาท

 

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เป็นเพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวระยะใกล้ รวมถึงสถานการณ์การบินที่ยังไม่กลับมาปกติ มีจำนวนเที่ยวบินน้อยกว่าก่อนโควิด-19 อย่างมาก ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา 11 ล้านคนในปี 2565 สร้างรายได้ได้เกือบครึ่งหนึ่งของปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 40 ล้านคน หากเปรียบเทียบในตอนนั้นต้องใช้นักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 20 ล้านคน จึงจะได้รายได้จำนวนนี้ แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนสูงขึ้น

ส่วนในปี 2566 ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท แต่คาดว่าจะสามารถทำได้ 2.167 ล้านล้านบาท เป็นผลมาจากสถานการณ์ด้านการบินยังไม่กลับมาเป็นปกติ และต้องมาดูว่าเป้าหมายที่หลุดนั้นมากน้อยเท่าใด ทำให้ปี 2567 ททท.ต้องบริหารความเสี่ยง โดยนำประสบการณ์ในปีที่ผ่านมามาพิจารณา

ททท.มีแผนฟื้นฟูความเชื่อมั่น ที่จะสื่อสารต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวใน 3 ระดับ ได้แก่ ระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยจะมีการหารือมาตรการต่างๆ ผ่านศูนย์ Situation Command Center จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจสำหรับรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น โดย ททท.จะเร่งดำเนินการร่วมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่เพื่อยกระดับความปลอดภัยทุกพื้นที่

รวมถึงการสื่อสารภาพลักษณ์และความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติในแง่ความปลอดภัยมากที่สุด

 

หันมาสำรวจภาคเอกชนกัน

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) มองว่า สิ่งที่รัฐบาลควรต้องเร่งทำ หากไม่อยากให้เป้าหมายวิ่งหนีแบบนี้ทุกครั้งไป คือ การสื่อสารสร้างความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในไทยเท่านั้นด้วย ทำให้รัฐบาลต้องเร่งสร้างการรับรู้ถึงความปลอดภัยในการเข้ามาท่องเที่ยวไทย รวมถึงต้องพัฒนายกระดับเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของประชาชนที่หมายรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวไทยด้วย โดยอยากให้ใช้โอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนจีน ใช้โอกาสสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีกระแสพูดถึงผ่านโลกออนไลน์ของจีน อย่างโต่วอิน ที่เหมือนแอพพลิเคชั่นติ๊กต็อกเวอร์ชั่นในไทย ที่แพร่ออกไปทำให้ประชาชนจีนได้รับรู้นั้นมีแต่ด้านลบทั้งนั้น

“ธุรกิจและผมเอง อยากให้รัฐบาลเร่งฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา เพราะตั้งแต่ต้นปีผ่านมา ไทยมีแต่ข่าวในแง่ลบกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องดีๆ กลับไม่มีออกไปบ้าง ทั้งที่ความจริงหากมีเรื่องไม่ดีแล้วมีกระแสของเรื่องดีๆ กลับไปก็อาจทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยไม่ลบเท่าตอนนี้” ศิษฎิวัชร กล่าวตบท้าย

 

ล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุรุนแรง การปะทะโจมตีอย่างหนักในอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

แม้จะไกลเมืองไทย และหลายฝ่ายมองว่าไม่ตรงต่อการท่องเที่ยว แต่หากเหตุการณ์ยังยืดเยื้อหรือขยายวงกว้างไม่ว่าจะมิติใด การท่องเที่ยวที่ถูกติดกับอารมณ์ อาจเสี่ยงอีกครั้ง ที่จะทำให้คนเดินทางท่องเที่ยวลดลงได้

มรสุมที่โหมกระหน่ำใส่ภาคการท่องเที่ยวไทยไม่หยุดหย่อนนี้ ทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงต้องจับมือกันให้แน่น ที่จะฝ่ามรสุมลูกแล้วลูกเหล่าให้ผ่านพ้นไป จนความฝันทวงคืนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยทะลุ 40 ล้านคนอีกครั้ง