ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
ต้นปีนี้ วงการกีฬาโลกต้องสั่นสะเทือนเมื่อนักธุรกิจชาวออสเตรเลียนาม อารอน ดิโซซ่า เสนอแนวคิดสุดท้าทายศีลธรรมและความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการแข่งขันกีฬา กับไอเดียการแข่งขัน เอ็นฮานซ์เกมส์ (Enhanced Games) มหกรรมกีฬาที่อนุญาตให้นักกีฬาใช้สารต้องห้าม หรือ “โด๊ปยา” ได้อย่างอิสระ!
แนวคิดของดิโซซ่าตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่า ปัจจุบันมีนักกีฬาโด๊ปยามากถึง 44 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด
การจะกวาดล้างหรือตรวจสอบให้วงการกีฬาใสสะอาดบริสุทธิ์ปราศจากการใช้สารกระตุ้นไปเลยนั้นเป็นไปได้ยาก
การที่ตรวจไม่พบไม่ได้หมายความว่าไม่มี ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้แข่งขันกันอย่างมีข้อกังขา ก็เปิดโอกาสให้นักกีฬาแต่ละคนสามารถใช้สารต้องห้ามได้อย่างอิสระ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้เชี่ยวชาญ
โดยไม่ฝืนโด๊ปจนเป็นอันตรายต่อร่างกายไปเลยดีกว่า
เท่านั้นไม่พอ เจ้าของไอเดียเอ็นฮานซ์เกมส์ยังเสนอว่าจะเฉลิมฉลองให้กับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในการยกระดับศักยภาพเพื่อท้าทายขีดจำกัดของมนุษย์
ด้วยการตั้งเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (36 ล้านบาท) ให้กับนักกีฬาที่สามารถทำลายสถิติโลกได้สำเร็จ และมีแนวคิดที่จะมอบเงินสนับสนุนให้แก่นักกีฬาที่เข้าร่วมอีกด้วย
การเสนอเงินรางวัลให้กับนักกีฬาดังกล่าวนั้น คือประเด็นสำคัญที่ดิโซซ่าและเอ็นฮานซ์เกมส์พยายามจี้จุด โดยย้ำว่านักกีฬาต้องทุ่มเทพยายามฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ที่ 4 ปีจะมีสักครั้ง ความสำเร็จในสนามแข่งขันย่อมนำมาซึ่งเกียรติยศชื่อเสียงและความภาคภูมิใจทั้งต่อตัวเองและประเทศชาติ
แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น นักกีฬาหลายคนไม่ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินอย่างเพียงพอ
การที่เอ็นฮานซ์เกมส์ทำการแข่งขันกันในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ไม่มีการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ จะช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องทุนรอนให้นักกีฬาได้ไม่มากก็น้อย
ปรากฏว่าประเด็นนี้ทำเอาคนที่ต่อต้านแนวคิดของเอ็นฮานซ์เกมส์ถึงกับอึกอัก
เช่น สตีฟ แพร์รี่ อดีตเหรียญทองแดงว่ายน้ำ ผีเสื้อ 200 เมตรชาย โอลิมปิกเกมส์ 2004 ของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของเอ็นฮานซ์เกมส์เพราะขัดกับหลักการที่ตัวเองยึดถือปฏิบัติ รวมถึงขัดกับแก่นของโอลิมปิกด้วย
อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยกับเรื่องรายได้ข้อนักกีฬา แต่คิดว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่าง ถ้าถามนักกีฬาโอลิมปิกว่าทำไมถึงทุ่มเทฝึกซ้อม เชื่อว่า “เงิน” ไม่ใช่คำตอบอย่างแน่นอน
“แก่น” ของโอลิมปิกที่แพร์รี่เอ่ยถึงนั้น คือหลักการดั้งเดิมเมื่อครั้ง บารอน ปิแอร์ เดอ คูแบร์แตง บิดาแห่งโอลิมปิกเกมส์สมัยใหม่มอบไว้เมื่อตอนผลักดันให้เกิดการแข่งขันครั้งแรกที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อปี 1896
บารอนเดอ คูแบร์แตง ต้องการให้โอลิมปิกเป็นมหกรรมกีฬาของนักกีฬา “สมัครเล่น” ไม่ใช่มืออาชีพที่มีเงินรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน
เพราะมองว่าโอลิมปิกเกมส์ยุคโบราณก็เป็นเวทีแข่งขันของนักกีฬาสมัครเล่นเช่นกัน จึงมอบคอนเซ็ปต์โรแมนติกให้กับโอลิมปิกเกมส์ยุคใหม่ว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่ชัยชนะ แต่เป็นการทุ่มเทพยายามฝ่าฟันเพื่อไปสู่เป้าหมายต่างหาก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โอลิมปิกเกมส์จึงเป็นมหกรรมกีฬาที่ตัวการแข่งขันไม่มีค่าตอบแทนให้นักกีฬา
ส่วนประเทศบ้านเกิดของนักกีฬาคนนั้นๆ จะตกรางวัลสำหรับความสำเร็จเป็นเงินอัดฉีดหรือสิ่งของใดๆ ก็สุดแล้วแต่แต่ละชาติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ สหพันธ์กรีฑาโลก ได้ทำลายหลักการอันเป็นแก่นของโอลิมปิกเกมส์ที่ว่า ด้วยการประกาศเป็นสหพันธ์กีฬานานาชาติแห่งแรกของโลกที่จะมอบเงินรางวัลให้กับนักกีฬา ประเดิมครั้งแรกใน โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กลางปีนี้
ทั้งนี้ นักกรีฑาที่คว้าเหรียญทองจาก “ปารีส 2024” จะได้รับเงินรางวัลเหรียญละ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.8 ล้านบาท) รวมเงินรางวัลทั้งสิ้น 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (86.4 ล้านบาท)
โดยงบประมาณก้อนนี้แบ่งสรรมาจากงบฯ อุดหนุนที่สหพันธ์ได้รับจาก คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เป็นประจำทุก 4 ปี
สหพันธ์กรีฑาโลกระบุว่า เหตุผลที่มอบเงินรางวัลเพื่อเป็นการแสดงออกให้นักกีฬาได้รับรู้ว่าพวกเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การแข่งขันประสบความสำเร็จ และมีแผนที่จะพิจารณาเพิ่มเงินรางวัลสำหรับคนที่ได้เหรียญเงินและเหรียญทองแดงในการแข่งขันครั้งต่อๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะขานรับการตัดสินใจของสหพันธ์กรีฑาโลกด้วยดี
โดยเฉพาะบรรดาสหพันธ์กีฬานานาชาติที่รุมจวกกรีฑาโลกว่าทำอะไรไม่ปรึกษากัน เพราะแต่ละสหพันธ์ย่อมโดนเปรียบเทียบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
จึงพุ่งเป้าโจมตีว่าไม่ควร “ประเมินค่า” เหรียญทองโอลิมปิกแบบนี้
บ้างถึงขั้นคาดว่า ลอร์ด เซบาสเตียน โค ประธานสหพันธ์กรีฑาโลก อาจจะทำเพื่อหาเสียงเตรียมชิงตำแหน่งประธานไอโอซีที่จะว่างลงในปีหน้าก็เป็นได้
เรียกว่าจากเรื่องหนึ่งนำไปสู่อีกเรื่องหนึ่ง กลายเป็นประเด็นถกเถียงวุ่นวายช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายก่อนโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีสจะเปิดฉากไปเสียแล้ว! •
Technical Time-Out | SearchSri
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022