จับตาผลรัฐกระตุ้นอสังหาฯ

(Photo by Mladen ANTONOV / AFP)

แรกๆ รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ พยายามหลีกเลี่ยงจะใช้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทุกรัฐบาลมักใช้กัน ด้วยเกรงจะถูกครหา

แต่ในที่สุดก็ต้องใช้ เพราะเครื่องจักรระบบเศรษฐกิจเดินอยู่เครื่องเดียวคือการท่องเที่ยว เครื่องจักรตัวอื่นๆ เช่น งบประมาณรัฐปี 2567 ซึ่งควรจะออกใช้ตั้งแต่ตุลาคม 2566 ก็ติดขัดจะใช้ได้ 1 พฤษภาคม 2567 เสียเวลาไป 7 เดือน

การบริโภคภาคประชาชนมีปัญหารายได้ไม่เพิ่ม หนี้สินครัวเรือนสูง ทำให้กำลังซื้อแผ่ว

การส่งออกเจอปัญหากำลังซื้อตลาดโลกอ่อนและอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกหลายกลุ่มล้าหลัง

การลงทุนจากต่างประเทศ เป็นปัญหาเงินทุนไหลออกเสียมากกว่า

 

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองก็อ่อนเปลี้ยเต็มที่ ข้อมูลจากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC รายงานว่าดีมานด์หรือยอดขายใหม่อสังหาฯ ที่อยู่อาศัยไตรมาส 4/2566 ลดลงในอัตราสูงกว่าซัพพลายใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตลาด

ส่งผลให้จำนวนยูนิตเหลือขายในตลาดเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 ไตรมาส

สถิติอัตราดูดซับ (จำนวนยูนิตขายได้ หารจำนวนยูนิตรวม คูณ 100) ที่สะท้อนกำลังซื้อของตลาดก็ลดลงต่อเนื่องปี 2565 ร้อยละ 3.8 ปี 2566 ลดเหลือร้อยละ 2.7 และปี 2567 มีแนวโน้มลดลงเหลือร้อยละ 2.4

มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รอบนี้ครอบคลุมส่วนใหญ่ของตลาดที่อยู่อาศัย

1. กลุ่มระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท มีสัดส่วน 70-80% ของตลาด ได้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอน 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.1%

2. กลุ่มระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีสัดส่วนประมาณ 50% ของตลาด ได้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารอาคารสงเคราะห์

3. กลุ่มบ้านบีโอไอ ปรับระดับราคาที่ได้รับการส่งเสริมด้วยมาตรการภาษีโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จาก 1.2 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท กลุ่มนี้มีสัดส่วนในตลาดประมาณ 10%

4. บ้านที่สร้างโดยธุรกิจบริการรับสร้างบ้าน ก็ได้รับสิทธินำวงเงินไปหักลดหย่อนภาษีได้

 

ผลของมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ REIC เดิมที่คาดการณ์ว่าอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยปี 2567จะมีอัตราเติบโตการโอนกรรมสิทธิ์ 3.9% เมื่อมีมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว คาดการณ์ใหม่ว่าจะมีการเติบโต 5-10%

โดยจะเห็นผลความคึกคักมีการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ชัดเจนในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้

ถ้ามีแรงส่งจากงบประมาณรัฐบาลปี 2567 ที่มาเริ่มใช้จ่าย 1 พฤษภาคม 2567 และงบประมาณปี 2568 จะเริ่มใช้จ่าย 1 ตุลาคม 2567 ห่างกัน 5 เดือน และปลายปีเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาท ครอบคลุม 50 ล้านคนเป็นเงิน 500,000 ล้านบาท

ก็หวังได้ว่าครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก •

 

 

ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.