The Monkey King

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

ว่ากันว่า The Monkey King ของเน็ตฟลิกซ์ไม่มีอะไรใหม่

มีอยู่บ้างนะครับ ดังที่เรารู้กันว่าบทประพันธ์ไซอิ๋วถูกเขียนใหม่มากมายหลายครั้ง ทั้งที่ดูเหมือนวรรณกรรมไปจนถึงนิทานประกอบภาพ ภาพเขียนวิจิตร หนังสือการ์ตูนคอมิกส์ หนังสือกราฟิกโนเวล หนังการ์ตูนตั้งแต่สมัยใช้พู่กันวาดบนแผ่นเซลมาจนถึงซีจีแอนิเมชั่น ไม่นับไลฟ์แอ๊กชั่นมูวี่อีกหลายเวอร์ชั่น ผู้สร้างแต่งเติมกันได้ตามสบาย

เรื่องนี้ก็เหมือนกัน มีจุดเล็กจุดน้อยที่น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่ผู้สร้างเป็นฝรั่ง แอนโทนี สตักชี จาก The Boxtrolls ปี 2014 ให้เสียงพากย์โดย จิมมี โอ หยาง สแตนด์อัพคอเมดี้ชาวฮ่องกง-อังกฤษที่หลายคนชอบ

มิหนำซ้ำยังเติมตัวละครเด็กหญิงหลินที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในไซอิ๋วฉบับใดๆ เลยให้มาเป็นไซด์คิกของซึงหงอคงเสียอีก

แนะนำให้ดูเสียงจีนแมนดารินนะครับ มิเช่นนั้นอาจจะแปลกๆ มาก

หนังเปิดเรื่องอย่างที่เรารู้ และเรียกเจ้าลูกลิงเกิดใหม่ว่า “เจ้าตัวปัญหา” ก็เล่นตีตราเด็กเกิดใหม่เสียขนาดนี้จะไปเหลืออะไร

ลองเรียกลูกหลานเกิดใหม่ของเราแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดูสิครับ เราจะได้เห้งเจียมาตัวหนึ่งค่อนข้างแน่นอน ซึ่งจะทำลายทั้งนรกและสวรรค์หมดสิ้นก่อนที่ใครจะเอาอยู่

มีข้อสังเกตที่อยากชี้ชวนให้ดูนั่นคือเจ้าตัวปัญหานี้เป็น “ไข่ในหิน” ด้วยนะครับ ซึงหงอคงเรื่องอื่นๆ มักเกิดจากหินที่ถูกลมฟ้าอากาศสลักเสลาจนได้ลิงมาหนึ่งตัว

แต่เรื่องนี้เป็นลูกลิงที่ได้รับการฟูมฟักดั่งไข่ในหิน ลองนึกภาพมดลูกที่แข็งเป็นหินดูเถิด เด็กน้อยจะขาดความอบอุ่นเพียงใด จึงไม่น่าแปลกใจที่ฉากต่อมาลูกลิงน้อยจะวิ่งหาแม่ลิงตัวแรกที่เห็นแต่ก็ถูกดีดกระเด็นออกไปอย่างโหดร้าย (ก็เล่นโยนลูกเขาออกไปก่อนนี่น่า)

ย้อนไปตอนต้นนิดหนึ่ง คำบรรยายเปิดเรื่องว่าโลกเคยอยู่ในสมดุล มีนรกและสวรรค์ มีปีศาจและเทพยดา มีมังกรดูแลน่านน้ำและบาดาล ฟังดูเหมือนไตรภาคีหรือไตรภูมิที่เรียบร้อยดี บ้านมีพ่อ มีแม่ และมีทรัพยากรพอกินพอใช้ (คือแหล่งน้ำ)

แล้ววันหนึ่งทุกคนก็เผลอมีลูก พอมีลูกทุกบ้านก็เสียสมดุลนับแต่นั้น

จะเห็นว่าไซอิ๋วซ่อนสาระของพุทธะไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่ต้องรอพระถังซำจั๋งมาโปรดในตอนจบเหมือนตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้แต่อย่างใด

เมื่อลูกลิงน้อยถือกำเนิด มันพ่นแสงพิฆาตจากดวงตาได้เหมือนเอ๊กซ์เมน แล้วก็พ่นไปเรื่อยจนถึงสวรรค์รบกวนเง็กเซียนฮ่องเต้ที่กำลังจะจัดงานปาร์ตี้ ก่อนที่เง็กเซียนฮ่องเต้จะพิฆาตลูกลิงน้อยแต่ต้นมือจะได้จบเรื่อง ไตรภาคีจะได้ไม่เสียสมดุลตั้งแต่แรก

เป็นว่าพระยูไล (คือพุทธะ) พลันปรากฏตัวห้ามไว้

จะห้ามทำไม คำอธิบายคือถึงอย่างไรไตรภูมิก็จะไปถึงความเสื่อม เป็นไปตามสัจธรรมที่ว่าสังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง สูงสุดถึงสวรรค์หรือจักรวาลย่อมมีวันสิ้นสุด

พระยูไลทรงเห็นหนทางที่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ นรก หรือบาดาลสามารถหลุดพ้นได้ด้วยกันหมดทั้งสิ้น

เครื่องมือหนึ่งที่ต้องมีคือปัญญา และเห้งเจียคือปัญญา พระถังซำจั๋งเป็นได้แค่ศรัทธา ศรัทธาที่ไม่มีปัญญากำกับย่อมนำไปเข้ารกเข้าพงได้เสมอ

หากช่างสังเกตจะเห็นว่าตอนที่ลูกลิงน้อยยิงแสงเลเซอร์แดงขึ้นสวรรค์นั้น ลูกแมวของเง็กเซียนฮ่องเต้ไล่ตะปบแสงไฟฉายเหมือนแมวทั่วไปจนตกสวรรค์หายไปเลย

แต่ถ้าดูฉากต่อมาเมื่อปีศาจใต้น้ำตกออกมาฉกลูกลิงไปกิน ที่เห็นคือปีศาจแมว เป็นไปตามกฎของสวรรค์หากผู้ใดจุติก่อนกำหนดเพราะความลุ่มหลง (แสงไฟฉาย) ย่อมเกิดเป็นปีศาจ

ลูกลิงน้อยพบลิงอาวุโสกำลังสอนหนังสือ สิ่งใดที่เอื้อมถึงย่อมเอื้อมถึง (หมายถึงมะพร้าว) โลกต้องมีกฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์คือลิงห้ามออกนอกเขตเงา เมื่อลูกลิงน้อยฝ่าฝืนจึงถูกขับไล่ มันไปฝึกวิชาขว้างลูกมะพร้าวอยู่ตัวเดียวจนเติบใหญ่ก่อนที่ปีศาจแมวจะออกจากม่านน้ำตกมาลักลูกลิงไปอีกแล้ว

ลูกลิงน้อยซึ่งบัดนี้เติบใหญ่แล้วรู้ว่าสู้ปีศาจแมวไม่ได้จึงเดินทางไปเมืองบาดาลเพื่อหากระบองวิเศษตามท้องเรื่องเดิม

แต่ฉากชิงกระบองซึ่งเป็นอัลติเมทเวพ่อนสุดยอดศัสตราวุธครั้งนี้จากเล่งอ๋องพญามังกรออกจะง่ายไปหน่อย ต้นฉบับเดิมยาวกว่านี้มาก ไม่นับว่าดีไซน์พญามังกรดูเหมือนจระเข้มากกว่ามังกรจริงๆ โดยที่คนดูหารู้ไม่ว่าท่านจะรับบทเด่นไปตลอดทั้งเรื่องอย่างเหนือความคาดหมาย

ที่ปรามาสว่าชิงกระบองวิเศษง่ายไปจึงไม่จริง เพราะที่แท้แล้วการรักษากระบองไว้ไม่ถูกชิงคืนยากกว่าเยอะ ต้องตามดูกันจนจบเรื่องเลยนั่นเชียว

เมื่อได้กระบองมา เจ้าศิลาวานรก็ใช้กระบองนั้นผ่านม่านน้ำตกเข้าไปปราบปีศาจแมวจนสำเร็จได้เป็นอ๋องของหมู่ลิงในถ้ำหลังน้ำตกนั้น ส่วนนี้สลับกับในตำราเล็กน้อยว่าที่จริงแล้วศิลาวานรทะลวงฝ่าม่านน้ำตกเป็นอย่างแรกแล้วได้เป็นอ๋องก่อนที่จะไปได้กระบองภายหลัง

ปีศาจแมวที่ถูกพญาวานรฟาดกลับขึ้นสวรรค์ไปพบว่าเง็กเซียนฮ่องเต้เลี้ยงแมวตัวใหม่เรียบร้อยแล้วมิหนำซ้ำยังเป็นพันธุ์เดิมหน้าตาเหมือนเดิมเสียอีก ลึกลงไปถึงบาดาลเจ้าบาดาลก็ยึดมั่นถือมั่นในอำนาจของตัว บริพารถวายความเห็นผิดใจก็กินเสียต่อหน้า สูงขึ้นไปจนถึงสวรรค์จ้าวสวรรค์ก็ลุ่มหลงในโลกิยะ วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากจัดงานปาร์ตี้และเป็นทาสแมว

เพราะไตรภาคีเป็นเช่นนี้เองจึงถึงเวลาของพุทธะเสียที

บัดนี้พญาวานรเป็นใหญ่แล้วแต่นั่นยังไม่พอ ผู้อาวุโสแนะนำว่าจะใหญ่จริงต้องปราบปีศาจให้ได้หนึ่งร้อยตนจึงจะได้เป็นเซียนเข้าตาสวรรค์

ภาพลายเส้นสีสดใสฉวัดเฉวียนปราบปีศาจประกอบเพลงเร้าใจตอนนี้น่าดูชมนะครับ สวยมากๆ

หากตาแหลมจะพบเห็นปีศาจควายและปีศาจกระดูกขาวในภาพเขียนวิจิตรช่วงนี้ด้วย

แต่นั่นยังไม่พอ ฉากถัดมาเมื่อพญาวานรควงกระบองไปถึงเมืองร้างเพื่อปราบปีศาจตนที่หนึ่งร้อย ฉากนี้เราจะได้พบเจ๊สี่จาก Kungfu Hustle 2004 เหตุเพราะโจวชิงฉือเป็นผู้อำนวยการสร้างนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังเป็นฉากเปิดตัวเด็กหญิงโนเนมจากตำราเล่มไหนก็ไม่รู้เข้ามาเสนอตัวเป็นผู้ช่วยพญาวานร จนแม้กระทั่งพญาวานรยังต้องถามว่าแกเป็นใครซึ่งกว่าจะรู้ก็ตอนจบ

ปีศาจนัมเบอร์หนึ่งร้อยนี่น่าสนใจมาก บทพูดอังกฤษว่า Red Girl บทพูดไทยว่า หงไหเอ๋อร์ ใส่การันตร์ซะด้วย เราจะรู้ดีว่านี่คือ อั้งไฮ่ยี้ ปีศาจเด็กร้ายกาจที่กินเด็กเป็นอาหารซึ่งเป็นหนึ่งในศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของเห้งเจียในภายหลัง แต่การ์ตูนนำเสนออกมาเลยตั้งแต่ครึ่งเรื่องแรก

สนุกนะครับ มิได้ถึงกับว่าไม่มีอะไรใหม่ •

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์