E-DUANG : สถานะ ภายใน รัฐบาลพิเศษ เป็น เพื่อไทย กุมการนำ หรือ

พลันที่แถลงการเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อประสานเข้ากับแถลงของพรรคพลังประชารัฐโดย นายไผ่ ลิกค์ ภาพแห่ง”รัฐบาลพิเศษ”ก็ปรากฏขึ้น

เป็นความพิเศษบนฐานแห่ง”ก้าวข้ามความขัดแย้ง”เพื่อจัดการกับ”วิกฤตการเมือง”ซึ่งยืดเยื้อเรื้อรัง

อย่าได้แปลกใจหาก”ติ่ง”เพื่อไทยจำนวนหนึ่งสรุปปรากฏการณ์นี้ว่า “เอาศัตรูมาสยบแทบเท้าได้โดยไม่ต้องรบ คือสุดยอดการรบ คือชัยชนะของพรรคเพื่อไทย”

เพราะไม่เพียงแต่ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทยจะมีความเหนือกว่า ทั้ง 40 เสียงของพรรคพลังประชารัฐ และ 36 เสียงของ พรรครวมไทยสร้างชาติ

หากแม้กระทั่ง 40 เสียงของพรรคพลังประชารัฐ จะผนวกเข้า กับ 36 เสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น 76 เสียงก็ยังน้อยกว่า 141 เสียงอันพรรคเพื่อไทยมีอยู่ในมือ

เมื่อมองตามนิยามแห่งปฏิบัติการตามบทสรุปของ นายสุทิน คลังแสง ที่ว่าพรรคเพื่อไทยมิได้ก้าวไป หากแต่พรรครวมไทยสร้าง ชาติ พรรคพลังประชารัฐที่เป็นฝ่ายก้าวเข้ามา

ความหมายจึงหมายความเป็นรูปธรรมแห่ง”ชัยชนะ”งดงาม

 

ภายในชัยชนะภายในความสำเร็จของพรรคเพื่อไทยก็มีรายละเอียดที่ต้องติดตามจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการแบ่งสันปันส่วน”กระทรวง”

คำถามก็คือ พรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่าย”กำหนด” หรือว่าอีกฝ่ายเป็นผู้”กำหนด” เป็น”ผู้เลือก”

อย่างเช่นหลักการที่เคยเสนอว่ากระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวง หลักๆจะต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่ากระทรวงการคลัง ไม่ว่ากระทรวงคมนาคม ไม่ว่ากระทรวงพลังงาน

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยยืนยันตลอดเวลาว่าต้องการกระทรวงคมนาคม ขณะที่พรรคพลังประชารัฐมองไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติมองกระทรวงพลังงาน

หลักการแบ่งกระทรวงนี้น่าสังเกตว่าพรรคเพื่อไทยให้กระทำ หลังการโหวตนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกฝ่ายไม่ยอม

 

อำนาจในการเลือก อำนาจในการกำหนดกฎกติกาต่างหากที่เป็นปัจจัยชี้ขาดสถานะในทางการเมืองภายในพลัง 314 เสียงที่มีอยู่ในทางเป็นจริง นั่นก็คือ เป็นคำตอบว่าใครกันแน่ที่กุมชัยชนะ กุมการนำ

เนื่องจากในความเป็นจริง 141 ของพรรคเพื่อไทย อาจมากแต่เมื่อนำมาเรียงอยู่เคียงข้างกับ 188 ที่เคยผนึกกันอย่างเหนียว แน่นอีกฝ่ายก็ครองความเหนือกว่า

ทั้งเป็นความเหนือกว่าโดยมี 250 สว.เป็นฐานอย่างเป็นจริงในการชี้ขาด

ชัยชนะที่พรรคเพื่อไทยได้มาจึงยังไม่แน่ว่าเป็นความสำเร็จ