ชีวิต (คนแก่) ที่ไม่แต่งงาน

ธงทอง จันทรางศุ

หลังลับแลมีอรุณรุ่ง | ธงทอง จันทรางศุ

 

ชีวิต (คนแก่) ที่ไม่แต่งงาน

 

กิจกรรมอย่างหนึ่งของผู้ที่เป็นนักเรียนเก่าของโรงเรียนต่างๆ คือนานปีทีหนก็ต้องจัดงานเลี้ยงรุ่นเพื่อให้เพื่อนฝูงมาพบหน้ากัน

แต่น่าเสียดายที่สถานการณ์โรคโควิดระบาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้งานเลี้ยงรุ่นแบบที่ว่านี้ต้องห่างหายไปเป็นอันมาก

ในสถานการณ์ปกติผมมีความรับผิดชอบต้องจัดงานเลี้ยงรุ่นให้เพื่อนที่เรียนจบชั้นมัธยมมาจากโรงเรียนสาธิตปทุมวันด้วยกันอยู่เสมอ ประมาณสองปีครั้ง แต่นี่เว้นวรรคมาหลายปีแล้วครับ ปีนี้กลับมาได้ฤกษ์จัดงานเลี้ยงรุ่นกันเสียที

งานกำหนดจะมีขึ้นปลายเดือนกันยายน ที่ต้องบอกกล่าวเนิ่นๆ เพื่อทุกคนสามารถจัดตารางชีวิตของตัวเองได้ลงตัว บางคนอยู่ต่างประเทศก็จะขวนขวายมาเมืองไทยให้ตรงกำหนดเวลางานเลี้ยงรุ่นที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี จะได้รื้อฟื้นความหลังกันบ้าง

สองสามวันที่ผ่านมาใน LINE กลุ่มของเพื่อนสาธิตปทุมวันไม่มีอะไรมากกว่าการจองและจ่ายเงินว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงรุ่น เลยเถิดไปจนถึงการไต่ถามสุขทุกข์อื่นๆ ด้วย

 

ผมเห็นได้ชัดทีเดียวว่าเพื่อนฝูงของผมเป็นตัวอย่างของสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ เพราะมีความหลากหลายมากในกลุ่มตัวอย่างนี้

บางคนอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น ในบ้านเดียวกันอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ซึ่งอายุมากกว่าเราเสียอีก ลงไปจนถึงรุ่นลูกและรุ่นหลาน

ในขณะที่บางคนก็อยู่แต่โดยลำพัง ถึงมีลูก ลูกเขาก็มีครอบครัวเป็นอิสระไปแล้ว เราผู้เป็นพ่อหรือแม่ต้องยังชีพอยู่ได้ด้วยตัวเอง

เพื่อนบางคนอยู่กันสองสามีภริยา ต่างคนต่างผลัดกันพาไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัด

เพื่อนบางคนยังแข็งแรงและมีศักยภาพทำให้มีคนชวนไปทำงานอย่างโน้นอย่างนี้อยู่

ขณะที่บางคนบอกว่ายังไม่แน่ใจเลยว่าจะมาเลี้ยงรุ่นได้หรือไม่ เพราะโรคต่างๆ รุมเร้าเหลือเกิน ปวดหลังปวดเอวไปหมด

เห็นไหมครับว่าแค่ในจำนวนเพื่อนฝูงเพียง 100 คนเศษ เพียงที่เล่ามาข้างต้นก็เรื่องเยอะแล้ว

ถ้าสอบถามให้ครบทุกคน เราก็จะเห็นสถานการณ์การใช้ชีวิตของคนอายุ 68 ปีได้อีกหลายแง่มุม

 

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้เข้าร่วมประชุมกรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

วาระการประชุมเรื่องหนึ่งได้พูดคุยกันถึงเรื่องการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสังคมผู้สูงวัยของเมืองไทย

มหาวิทยาลัยเองก็ต้องปรับตัวให้รับกับเรื่องดังกล่าว ตั้งแต่เรื่องง่ายที่สุดคือคนไทยมีอัตราการเกิดในแต่ละปีโดยเฉลี่ยลดน้อยถอยลงเป็นอันมาก ลูกหลานที่จะเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยจึงลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย แล้วมหาวิทยาลัยจะต้องทำอย่างไร

ในขณะเดียวกันกับที่มีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น หลักสูตรหรือการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยจะเตรียมทั้งความรู้และบุคลากรไปทำงานรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร

ในการนำเสนอเรื่องการใช้ชีวิตของคนสูงอายุยุคปัจจุบันในการประชุมวันนั้นมีประเด็นเรื่องหนึ่งที่ผมสะกิดใจเป็นพิเศษ

คำถามหนึ่งที่มนุษย์เช่นผมถูกถามมาตลอด คือชีวิตที่ไม่ได้แต่งงานอย่างผมนั้น เมื่อแก่ตัวไปแล้วจะอยู่กับใคร เพราะลูกก็ไม่มี คู่สมรสก็ไม่มี

เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นว่าใครจะแต่งงานหรือไม่แต่งงาน แต่ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า ตามความเป็นจริงแล้วสำหรับชีวิตแต่งงานหรือชีวิตคู่นั้น ใครจะรับประกันได้ว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปจนตลอดชีวิต

สัญญาได้ไหมว่าจะตายพร้อมกัน

แน่ใจใช่ไหมว่าจะมีลูกที่เป็นโซ่ทองคล้องใจ และลูกนั้นจะเป็นลูกที่อยู่กับเราในวัยที่เราแก่เฒ่า

ถ้าจะให้เด็ดกว่านั้น ก็ต้องถามต่อไปว่าแน่ใจนะ ว่าลูกจะไม่ติดยาบ้า และเป็นภาระให้พ่อแม่ต้องไปเลี้ยงดูส่งเสียถึงในคุก

 

เราจะพบว่าในชีวิตจริงแล้ว การใช้ชีวิตของผู้ใหญ่วัยสูงอายุ (อย่างผมและเพื่อน) มีรูปแบบที่หลากหลายมาก เช่น อยู่คนเดียวเป็นโสดถาวรมาช้านานตั้งแต่ต้น เป็นหม้ายเพราะคู่สมรสอีกฝ่ายตายก่อน เป็นหม้ายเพราะหย่าร้าง หรือบางกรณี เป็นหม้ายมาแล้วแต่สมรสใหม่ หรืออย่างผมเป็นโสดก็จริงแต่อยู่กับครอบครัวคือน้องชายน้องสะใภ้และลูกชายหญิงของเขา

นอกจากรูปแบบครอบครัวแล้ว ฐานะทางเศรษฐกิจหรือความจำเป็นในการยังชีพก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิต

ผู้สูงวัยบางคนมีรายได้เป็นน้ำบ่อทราย เช่น เป็นข้าราชการบำนาญ มีบำนาญพอเลี้ยงชีพแบบไม่ฟุ่มเฟือย บางคนมีเงินสะสมตอนที่ขยันทำงานไว้เป็นจำนวนมากพอสมควร แบบนี้นอกจากพอกินแล้วยังเหลือไว้ใช้จ่ายเพื่อบำรุงความสุขของตัวเองเช่นไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ได้ตามใจชอบ

คนแก่ชนิดนี้น่าอิจฉาแกมหมั่นไส้ครับ ฮา!

 

ในขณะที่ผู้ร่วมวัยชรากับผมอีกหลายคน อยู่ในฐานะกระเบียดกระเสียรหรือแย่ยิ่งกว่านั้นคือเป็นหนี้เป็นสิน ลูกหลานถึงมีก็ไม่สามารถอาศัยเป็นที่พึ่งพาได้ อย่าให้เขาหวนกลับมาพึ่งเราก็เก่งแล้ว

อีกเรื่องหนึ่งซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน คือเรื่องสุขภาพอนามัย อย่างที่พูดกันมาแต่ไหนแต่ไรว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ในวัยนี้แล้ว ใครเลยจะไม่มีโรคได้

ผมเองก็มีนิดหน่อยพอเป็นเครื่องประดับชีวิต ได้แก่ โรคความดันสูงเล็กน้อย และโรคกรดไหลย้อนซึ่งเป็นมาหลายสิบปีแล้ว โรคแบบนี้ไม่ถึงล้มถึงตาย แต่ต้องกินยาเป็นประจำสม่ำเสมอ วันละสองเม็ดสามเม็ดพองาม

อาศัยว่าตัวเองเป็นข้าราชการบำนาญ เรื่องเจ็บป่วยจึงอยู่ในวิสัยที่จะเบิกหลวงท่านได้ รอดไปครับ

แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีความพร้อมและความสามารถที่จะเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้เสมอหน้ากันเสียเมื่อไหร่ ยิ่งอายุมากขึ้น โรคภัยอีกหลายอย่างก็มาถึงตัวโดยไม่ต้องเรียกหา แบบนี้เขาต้องพึ่งพา 30 บาทรักษาทุกโรคกันไป

เห็นไหมครับว่าการที่ผู้สูงวัยจะรับมือกับชีวิตที่ยืนยาวขึ้นเช่นนี้ มีมิติอีกหลายอย่างที่ต้องดูแล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพอนามัย เรื่องการบริหารจัดการการเงิน ซึ่งมีรายละเอียดกระจุกกระจิกอีกมาก แถมยังต้องเตือนกันว่ามีเงินมากก็ต้องระวังถูกหลอกอีกนะครับ

 

แต่ข้อที่ผมเห็นว่าสำคัญมาก และอาจจะมากที่สุดเสียด้วยซ้ำ คือการเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกับความจริงของชีวิต ว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน

คำถามที่เคยมีคนถามผมว่าทำไมถึงไม่แต่งงาน แก่ตัวลงแล้วจะอยู่กับใคร

พูดอย่างกับว่าจะมีใครอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิตเสียเมื่อไหร่

เวลาเกิดก็ต่างคนต่างเกิด เวลาตายก็ต่างคนต่างตาย

ชีวิตคู่ที่เป็นสามีภริยา หรือสมัยนี้อาจจะเรียกให้กว้างขวางครอบจักรวาลว่าเป็นคู่ชีวิต ตอนอยู่ด้วยกันแสนจะมีความสุข แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องแยกจากกันจนได้

บางกรณีแย่กว่านั้น คืออยู่ด้วยกันและมีความสุขแบบกระท่อนกระแท่น หรือถ้าจะให้แย่หนัก ก็ต้องอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขเพราะระหองระแหง เช่น มีเรื่องตบตีทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอ ผัวติดยาเมียติดการพนัน

ถ้าต้องมีชีวิตคู่ที่ทรมานทรกรรมแบบนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนคงเห็นด้วยกับผมว่าอยู่ตัวคนเดียวดีกว่า

 

เรื่องทั้งหมดที่กล่าวถึงมานี้ ลงท้ายก็ต้องหมุนเข้าหาคำสอนในพระพุทธศาสนา ว่าทุกสิ่งทุกอย่างข้อสำคัญที่สุดคือใจของเราเอง ตัวของเราเอง

ไม่ต้องดูอื่นไกลครับ แค่พระพุทธพจน์ที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน หรือ อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ถ้าทำได้จริงอย่างท่านว่า เราก็ตัวเบาขึ้นเยอะแล้ว

ในเมื่อชีวิตเลือกไม่ได้ ก็จงเป็นสิ่งที่เราเป็นอยู่ให้ดีที่สุด จะเป็นโสดก็ให้เป็นโสดคุณภาพ จะเป็นหม้ายก็ให้เป็นหม้ายที่มีความสุข อย่ามัวโศกตรมกับชีวิตที่ผ่านมาโดยลืมปัจจุบันและอนาคต

ถ้ามหาวิทยาลัยไหนคิดจะสอนวิชาการดูแลคนแก่แล้ว ชวนคนแก่คนนี้ไปพูดหน่อยนะครับ มีอะไรอยากจะพูดให้คนแก่ได้คิดเยอะเลย

วันนี้แค่ฉายหนังตัวอย่างนะเออ!