สิ่งที่“ครูบาศรีวิชัย”ไม่ฉันเด็ดขาด กับผักที่งดแล้วบำเพ็ญก้าวหน้า-ถืออาคมขลัง

อ่านเป็นภาษาล้านนาว่า ของคูบาบ่อฉัน แปลว่า อาหารหรือสิ่งที่ครูบาไม่ฉัน

ครูบา ในที่นี้หมายเอาเฉพาะ ครูบาศรีวิชัย

ครูบาศรีวิชัย เป็นผู้มีศีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด ฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักจะเป็นผักต้มใส่เกลือและพริกไทย ท่านงดการเสพหมาก เมี่ยง บุหรี่ ท่านงดฉันเนื้อสัตว์ ตั้งแต่เมื่ออายุได้ 26 ปี บางครั้งก็ไม่ฉันข้าวทั้ง 5 เดือน นอกจากนี้ท่านยังงดฉันสิ่งต่างๆ ตามวันทั้ง 7 คือ

วันอาทิตย์ ไม่ฉันฟักแฟง

วันจันทร์ ไม่ฉันแตงโมและแตงกวา

วันอังคาร ไม่ฉันมะเขือ

วันพุธ ไม่ฉันใบแมงลัก

วันพฤหัสบดี ไม่ฉันกล้วย

วันศุกร์ ไม่ฉันเทา (สาหร่ายน้ำจืด)

วันเสาร์ ไม่ฉันบอน

ครูบาศรีวิชัยท่านจะฉันผักพื้นบ้านตามปกติทั่วไปเหมือนชาวล้านนา มีเพียงแต่น้ำเต้า ที่ครูบาศรีวิชัยจะงดฉันอย่างเด็ดขาด เพราะตอนที่ท่านคลอด บิดาของท่านได้เอากระดองน้ำเต้าแห้งมาใส่รกนำไปฝังไว้ใต้ต้นพิกุลตามประเพณีความเชื่อของชาวล้านนา เมื่อมีเด็กคลอดใหม่

เหตุที่จะต้องใส่น้ำเต้าแห้งนั้น เป็นเพราะความยากจนของครอบครัว ที่ทั้งบ้านไม่มีหม้อดินจะใส่รกของท่าน เมื่อครูบาศรีวิชัยเติบใหญ่ขึ้นมาท่านมองเห็นพระคุณของน้ำเต้าที่เปรียบดังครรภ์ของมารดาที่หุ้มห่อท่านไว้ ดังนั้น ท่านจึงไม่ฉัน

ส่วนเหตุที่ท่านละเว้นเนื้อสัตว์มาจากตอนที่ครูบาศรีวิชัยอายุได้ 26 ปี ท่านได้ฉันแหนม อาจจะเป็นเพราะความไม่สะอาดของเนื้อสัตว์และส่วนผสม เป็นเหตุให้ครูบาศรีวิชัยได้อาพาธเกิดอาการเวียนหัว ทั้งได้อาเจียนและอุจจาระร่วงพร้อมกันอย่างรุนแรงคือ ออกทั้งปากและทวารหนัก จนท่านเกือบจะมรณภาพ

แม้เมื่อท่านรักษาตัวจนหายดีแล้วลองฉันเนื้อสัตว์ ก็อาพาธแบบเดิมอีก ท่านจึงเลิกฉันเนื้อสัตว์ทุกประเภทอย่างเด็ดขาด แต่ท่านฉันรกวัว หรือรกควาย เนื่องจากท่านถือว่าเป็นของที่สัตว์ทิ้งแล้ว ไม่ใช่ส่วนของเนื้อสัตว์แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังมีผักที่ท่านไม่ฉัน คือ ผักบุ้ง ผักปอด ผักแพว ผักจิก และผักเฮือด-ผักฮี้ (ใบไม้เลียบอ่อน) โดยท่านเชื่อว่าถ้าพระภิกษุสามเณรรูปใดงดได้ การบำเพ็ญกัมมัฏฐานจะเจริญก้าวหน้า ผิวพรรณจะเปล่งปลั่ง ธาตุทั้งสี่จะเป็นปกติ ส่วนฆราวาสหากงดเว้นแล้วจะถือคาถาอาคมก็ย่อมประสิทธิ์เข้มขลังนัก •

 

อ่านว่า คูบาสีวิไจ ต๋นบุนล้านนา
แปลว่า ครูบาศรีวิชัย นักบุญล้านนา