‘ศึกบิ๊กตำรวจ’ ฟาดกันไม่จบ ‘มือซุกหีบ’ ตรงกลางเขาควาย ภาระ ‘บิ๊กต่าย’ กอบกู้ศรัทธา ตร.

สํานวนไทยที่ว่า “ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ”

เป็นสถานะที่เกิดขึ้นยืดเยื้อต่อเนื่องในอาณาจักรโล่เงินยามนี้ เหล่าบรรดาหญ้าแพรกทั้งหลายอยากออกจากรัศมีการสู้รบ

จนมีข่าวสะพัด พ.ต.อ.สุรเดช ฉัตรไทย ผกก.สน.เตาปูน ทนกระแสความกดดันจากการทำคดีเว็บพนันออนไลน์โยงไปถึงผู้บังคับบัญชา ทั้ง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ไม่ไหว

เพราะเสมือนอยู่ท่ามกลางเขาควาย ทำให้มีความอึดอัดในการปฏิบัติหน้าที่ ตกอยู่ในสถานะต้องรับผิดชอบ

เลยมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าจะยื่นหนังสือลาออกราชการ ทั้งๆ ที่เกษียณอายุสิ้นเดือนกันยายนนี้

ต่อมาผู้บังคับบัญชาได้เกลี้ยกล่อมทำความเข้าใจจนเปลี่ยนความคิดในที่สุด

 

“ศึกสองบิ๊ก” ยังคงดำเนินกันต่อไปในรูปแบบของ “ตัวแทน”

ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ แนวโน้มที่ทั้งสองจะได้คืนกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะริบหรี่

ยิ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เหลืออายุราชการ 5 เดือนกว่า ต้องถูกดำเนินคดีจากทีมทนายความของ “คู่กรณี” ที่ออกมาแถลงแล้วได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้ และมีการร้องไปยังคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ด้วย

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อ่วมอรทัยไม่แพ้กัน ถึงอายุราชการเหลืออีก 6 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินเว็บพนัน อยู่ระหว่างขั้นตอนต้นสังกัดจะสอบสวนข้อเท็จจริง และสอบวินัยนำไปสู่ขั้นตอนพักราชการ แล้วยังมีคดีข้อหามาตรา 149 และมาตรา 157คาใน ป.ป.ช.

ไม่รวมที่ทั้งคู่ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี “ปลัดฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หนึ่งในกรรมการ ตั้งโต๊ะแถลงครั้งแรกว่า “บิ๊กโจ๊ก” ผิดจริง พยานหลักฐานมีความเชื่อไปในทิศทางที่ศาลออกหมายจับ เส้นเงินโยงเว็บพนัน เชื่อรู้เห็นได้รับประโยชน์บางส่วน

ขณะที่การสอบสวน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กรรมการได้เรียก “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ และบิ๊กโจ๊ก เข้าชี้แจงด้วย

เพราะฉะนั้นอนุมานได้ว่า ทั้งสอง “นายพล” จะถูกดำเนินคดีและดำเนินการทางวินัย แต่ขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยนั้นเร็วว่าในส่วนของคดีอาญา หลังสงกรานต์จะมีความชัดเจน

แน่นอนว่าทำให้ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ต้องทำหน้าที่ รรท.ผบ.ตร.ยาวจนถึงแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่

 

ณ ขณะนี้คุณสมบัติ “บิ๊กโจ๊ก” ยังเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ครบถ้วน

เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 ได้ประกาศในราชกิจนุเบกษา จะมีผลบังคับใช้หลังครบกำหนด 180 วันจากวันที่ประกาศ

นับไปจะครบ 5 ตุลาคม ปกติกระบวนการแต่งตั้ง ผบ.ตร. จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม ดังนั้น จะล่าช้าไปกว่าปกติ 3 เดือน

ขณะนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้มีส่วนให้คำแนะนำในการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายพลประจำปี 2567

ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 “การแต่งตั้ง ผบ.ตร.” ให้อำนาจนายกรัฐมนตรี ใช้ดุลพินิจพิจารณาเลือกรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ

สำหรับแคนดิเดต ผบ.ตร.คนที่ 15 ประกอบด้วย 1. “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 2. “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. นรต.41 เกษียณฯ ปี 2569 3. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ นรต.39 เกษียณฯ ปี 2568 และ 4. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. นรต.42 เกษียณฯ ปี 2569

โดยนายกฯ เสนอมาหนึ่งชื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาลงมติ ภายใต้กรอบกฎหมายที่กำหนดไว้ ทั้งอาวุโส ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ในการสืบสวนสอบสวน และเรื่องความประพฤติ

ส่วนถ้ามีประเด็นที่สังคมมีคำถามว่าต้องหาคดีอาญาหรือโดนตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยจะมีความเกี่ยวข้องเป็นข้อพิจารณาได้หรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา

 

สําหรับสถานการณ์ขณะนี้ ภาระอยู่บนบ่า “บิ๊กต่าย” ในฐานะ รรท.ผบ.ตร.ต้องกอบกู้วิกฤตศรัทธาองค์กร จากการสาวไส้ระหว่างกันผ่านตัวแทน “2บิ๊ก” กล่าวหาว่าต่างโยงใยเกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์

เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ถึงนายตำรวจระดับสูงว่า “เรียน จตช. (จเรตำรวจแห่งชาติ), รอง ผบ.ตร., ผู้ช่วย ผบ.ตร., รอง จชต., ผบช.ทุกท่าน ในการจับกุมสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ซึ่งเรากำลังเดินหน้าทำงานกันอย่างหนัก เพื่อรักษาองค์กรภาพลักษณ์ ชื่อเสียงของเราไว้ และหลุดพ้นจากคำประณามว่า ‘ตำรวจถึงยุคตกต่ำที่สุด’, ‘ตำรวจเป็นอาชีพที่ไม่ต่างอะไรจากโจร’

ในฐานะที่ผมเป็นตำรวจคนหนึ่ง มันเจ็บปวดแสนสาหัสกับประโยคเหล่านี้อย่างที่สุด ณ เวลานี้ขอให้ท่านในฐานะผู้นำหน่วย หันกลับมามององค์กรและอาชีพที่เราเป็น ที่เรารัก และเกิดมาเพื่อเป็นตำรวจ ขอได้โปรดช่วยกันขับเคลื่อนทุกวิถีทาง ที่จะสร้างความเชื่อมั่น และศรัทธาให้เกิดแก่พี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง การประพฤติปฏิบัติ ความเอาใจใส่ ดูแลพี่น้องประชาชนในทุกระดับ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากที่จะสร้างศรัทธา

การปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามการจับกุมสิ่งผิดกฎหมายใดๆ อย่างเข้มข้น และไม่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือรับผลประโยชน์โดยมิชอบ จะเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่น และไว้วางใจต่อตำรวจ

หากความผิดใดที่เข้าข่ายความผิดมูลฐาน ที่ต้องบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้กระทำผิด ต้องให้ฝ่ายสอบสวนนำมาตรการการตรวจ การยึดทรัพย์ และกฎหมายฟอกเงินมาใช้ให้เด็ดขาดและจริงจังกับผู้กระทำผิด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการบังคับใช้กฎหมายอย่างศักดิ์สิทธิ์

ผมในฐานะของรักษาการ ผบ.ตร. ขอให้คำมั่นว่า ในห้วงเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ จะมุ่งมั่นทำงาน นำพาตำรวจไปในทิศทางที่ดีงาม ถูกต้อง สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชนให้ได้ โดยไม่มีความคิด หรือความทะเยอทะยานหรือความมุ่งหวัง ที่อยากจะเป็นผู้นำองค์กรเลยแม้แต่น้อย และหากผมต้องสูญเสียหน้าที่การงานหรืออาชีพที่ผมรัก ด้วยการรักษาความถูกต้อง ความดีงาม ความชอบธรรมให้องค์กรหรืออาชีพของเรา ผมก็พร้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้น”

ทั้งหมดคือสาร “บิ๊กต่าย” ส่งถึงผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เป็นเสมือน “พันธสัญญา” ที่ให้ไว้กับประชาชนด้วย