ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 กรกฎาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | The Gratitude Diary ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตนี้มีความหมาย |
ผู้เขียน | ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ |
เผยแพร่ |
1
“ถ้าจู่ๆ ผมจะไปขอจับหน้าและจับผมของใครก็คงเป็นเรื่องแปลก แต่มันจะกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนยอมได้เมื่อเขานั่งอยู่ในร้านตัดผมของผม”
Tom Chapman เป็นช่างตัดผมคนหนึ่งในประเทศอังกฤษ
เวลาทำงาน คนที่สำคัญที่สุดคือคนตรงหน้า นั่นก็คือลูกค้าของเขา
สำหรับ Tom สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่การทำให้ลูกค้ามีความสุขกับทรงผม หรือทำให้เขากลับไปบอกต่อคนอื่นๆ ให้มาที่ร้าน
“แต่สำคัญกว่านั้นคือการสร้างความสัมพันธ์ ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และความผูกพัน ซึ่งต้องใช้เวลาในการสร้าง”
2
เมื่อลูกค้านั่งที่เก้าอี้ตัดผม พวกเขาสามารถแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างสบายใจ
มีลูกค้าคนหนึ่งที่เขาตัดผมให้ 15-16 ปีแล้ว เขาเป็นคนแรกที่ได้ทราบข่าวการเดตของลูกค้า ที่ต่อมากลายเป็นคนรักที่สร้างครอบครัวด้วยกัน เป็นคนแรกที่ลูกค้าคนนั้นมาเล่าว่าจะขอแต่งงานแบบไหน แม้กระทั่งได้เห็นแหวนแต่งงานก่อนใคร ได้รู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว แม้กระทั่งชื่อของลูกที่ลูกค้าตั้งไว้ตั้งแต่ก่อนที่ลูกจะลืมตาดูโลก
และเขาก็ได้เป็นคนแรกๆ ที่ได้ทราบข่าวการแท้งลูก
ความผูกพันใกล้ชิดระหว่างเขากับลูกค้าเป็นสิ่งไม่ธรรมดา
Tom บอกว่า ในอุตสาหกรรมการทำผมมีการประมาณการกันว่า ช่างตัดผมน่าจะได้รับฟังผู้คนประมาณ 2,000 ชั่วโมงต่อปี
น่าจะดีถ้าทำอะไรบางอย่างได้กับ “เวลา” ที่พวกเขาได้รับจากลูกค้าที่เข้ามา
3
ในปี 2015 Tom รวบรวมกลุ่มช่างตัดผมเพื่อรวบรวมภาพทรงผมที่พวกเขาตัด ไอเดียในตอนแรกคือทำเป็น Look book แล้วออกขายนำเงินไปช่วยการกุศล
แต่จะช่วยองค์กรการกุศลไหนดีล่ะ?
ช่างตัดผมคนแล้วคนเล่าพากันแนะนำองค์กรการกุศลต่างๆ ขึ้นมาในที่ประชุม แต่ Tom เสนอว่า เราน่าจะทำบางอย่างที่ไปไกลและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ
แล้วก็มีช่างตัดผมคนหนึ่งชื่อ Paul Mack จากประเทศไอร์แลนด์ เสนอความคิดขึ้นมาว่า
“เราทำเรื่องการป้องกันการฆ่าตัวตายสิ”
คำพูดนั้นทำให้ Tom นึกถึงบางเรื่องที่ติดอยู่ในใจเขา
4
1 ปีก่อนหน้าการประชุมในวันนั้น Tom บังเอิญได้เจอเพื่อนคนหนึ่ง
พวกเขาพูดคุยกันเป็นปกติ ทุกอย่างดูเป็นไปด้วยดี
แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน Tom ก็ได้ทราบข่าวว่า เพื่อนคนนั้นเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายแล้ว
“ถ้าในตอนนั้นผมมีความรู้หรือจับสัญญาณบางอย่างได้ว่าเขากำลังมีความทุกข์และมีความคิดจะฆ่าตัวตายอยู่ ผมอาจจะช่วยชีวิตของเขาได้”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่ Paul เสนอเรื่องการป้องกันการฆ่าตัวตาย Tom รู้สึกทันทีว่า เขาต้องทำบางอย่าง
“เราต้องทำบางอย่างเพื่อหยุดการสูญเสียด้วยกัน” Tom บอกกับที่ประชุม
5
การฆ่าตัวตายเป็นปัญหาใหญ่ที่พรากชีวิตของคนในประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะคนที่อายุยังน้อย ซึ่ง 3 ใน 4 ของคนที่ฆ่าตัวตายเป็นผู้ชาย
“ทุก 40 วินาทีจะมีคนฆ่าตัวตาย 1 คน” Tom บอก
Tom และกลุ่มช่างตัดผมร่วมกันก่อตั้ง “The Lion Barbers Collective” เพื่อทำให้ช่างตัดผมด้วยกันเห็นถึงคุณค่าในอาชีพช่างตัดผมที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการฆ่าตัวตายได้ และให้ความรู้กับช่างตัดผมในการเป็นผู้รับฟังที่ดี ไม่ด่วนตัดสินผู้อื่น และมีวิธีจับสัญญาณการฆ่าตัวตายเพื่อช่วยเหลือทางจิตใจของลูกค้าไม่ให้ไปถึงจุดแห่งการสูญเสียได้
“นี่ไม่ใช่การทำให้ช่างตัดผมกลายเป็นที่ปรึกษา แต่มันคือการทำให้ช่างตัดผมเป็นเพื่อนกับลูกค้า ช่วยเหลือผู้อื่น และเป็นผู้ฟังที่ดี”
The Lion Barbers Collective อยากทำให้ผู้ชายด้วยกันแข็งแกร่งขึ้น
ไม่ใช่การแข็งแกร่งขึ้นเพราะไม่มีความอ่อนแอ
แต่แข็งแกร่งขึ้นเพราะยอมรับและเปิดใจว่าตัวเองอ่อนแอได้
แข็งแกร่งขึ้นเพราะเราได้ช่วยเหลือกันในวันที่ใครคนหนึ่งไม่ไหว
และทุกปัญหามีทางออก
6
แล้วช่างตัดผมช่วยชีวิตคนได้จริงไหม?
Tom เล่าว่า หลังจากก่อตั้ง The Lion Barbers Collective มีเพื่อนของเขาคนหนึ่งมาตัดผมกับเขา เพื่อนคนนั้นมาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
ในสายตาของ Tom เพื่อนคนนั้นเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และเต็มไปด้วยพลัง แต่วันนั้นเขาสัมผัสได้ว่า เพื่อนคนนั้นคงถึงจุดที่ “ไม่ไหวแล้ว” และอาจจะแตกสลายได้ในไม่ช้า
Tom เอาเทคนิคการฟังที่ได้รับการฝึกฝนมาใช้ รับฟังเรื่องราวทั้งหมดโดยไม่ตัดสิน ปล่อยให้เพื่อนคนนั้นได้ระบาย และ Tom ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย รวมทั้งสนับสนุนให้เขาเปิดใจคุยกับคนที่เขาไว้ใจได้
คนนั้นเดินออกจากร้านตัดผมของ Tom ด้วยความรู้สึกไม่เหมือนตอนก่อนเข้ามา
7
หลายวันต่อมา เพื่อนคนนั้นกลับมาหา Tom อีกครั้ง
เขาบอก Tom ว่า การได้ระบายกับ Tom และพูดคุยกับ Tom ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก และทำให้เขาคิดได้ว่า การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกที่เขาควรใช้
การที่ Tom สนับสนุนให้เขาเปิดใจคุยกับคนที่เขาไว้ใจได้ ทำให้หลังจากตัดผมเสร็จในวันนั้น เขามีความกล้าเล็กๆ ขึ้นมาในการขับรถไปหาพ่อแม่ของเขา เพื่อเล่าถึงความทุกข์ที่มีอยู่
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เพื่อนคนนั้นเข้ารับการบำบัด และกลับมาแข็งแกร่งขึ้น
และตามมาด้วยอีกหลายเคสที่กลุ่ม The Lion Barbers Collective ได้ช่วยเหลือไว้
8
“เราทุกคนมีช่วงเวลาที่อยากจะหนีไปจากโลกนี้ ไม่ต้องถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่แค่ต้องเก็บซ่อนความทุกข์ไว้ก็เหนื่อยมากแล้ว” Tom บอก
เวลารับฟังผู้อื่น Tom จะไม่บอกว่า “ผมรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร”
เพราะไม่มีใครรู้ดีถึงความรู้สึกได้เท่าเจ้าของหัวใจที่กำลังเจ็บปวด
แต่ Tom จะปล่อยให้ผู้อื่นระบายออกมาว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร
นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริง
ไม่ว่าจะรู้สึกแบบไหน ขอแค่รับฟังโดยไม่ตัดสิน
9
งานของ Tom และกลุ่ม The Lion Barbers Collective ไม่ใช่แค่การตัดผมให้ออกมาดูดี
แต่เป็นการตัดผมที่ทำให้ลูกค้าเดินออกไปจากร้านด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่ดีขึ้นจากทรงผม แต่เป็นความรู้สึกที่ดีขึ้นจากการมีใครสักคนที่รับฟังและทำให้รู้ว่าพวกเขาไม่โดดเดี่ยวในโลก
ร้านตัดผมของ Tom ไม่ใช่เพียงร้านที่คนมาเพื่อทำผม แต่กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้คน
Tom ตั้งใจจะขยายกลุ่ม The Lion Barbers Collective ไปให้มากที่สุดเพื่อเป็นส่วนเล็กๆ ในการช่วยชีวิตผู้คน
ส่วนเล็กๆ ที่เรียกว่า “พื้นที่ปลอดภัย”
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022