ส่องปราการด่านทหาร 3 ป.-ส.ว.-ผบ.เหล่าทัพ “ธรรมนัส-ทักษิณ” สายเลือด ตท.

ส่องปราการด่านทหาร 3 ป.-ส.ว.-ผบ.เหล่าทัพ ธรรมนัส-ทักษิณ สายเลือด ตท. กับ 5 เสือ ทบ. รับร้อน

 

หลังจากที่แม่ทัพฝ่ายการเมือง และขุนศึกอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พ่ายศึกเลือกตั้ง ไม่อาจสกัดพรรคก้าวไกล ที่หลุดเดี่ยวมายืนหนึ่ง ได้ ส.ส.มากที่สุด และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เนื่องเพราะความขัดแย้งภายในขั้วอำนาจ 3 ป. และบริวาร จนต้องแยกพรรคกันสู้ พล.อ.ประยุทธ์แยกทางไปตั้งพรรคใหม่ รวมไทยสร้างชาติ ส่วน พล.อ.ประวิตร ยึดพรรคพลังประชารัฐ ที่พี่น้อง 3 ป. เคยร่วมกันตั้งขึ้นมา เพื่อสืบทอดอำนาจทางการเมือง สู้ศึกเลือกตั้งจนได้เป็นรัฐบาล หลังสิ้นสุดรัฐบาล คสช.มาแล้วสมัยหนึ่ง

ในชั้นนี้ ถือว่าพี่น้อง 3 ป.ที่แยกกันสู้ และแย่งคะแนนกันเอง พ่ายแพ้การเลือกตั้ง

แต่กระนั้นก็ยังไม่ถือว่าแพ้ในสนามรบการเมือง เพราะตราบใดที่พรรคก้าวไกลยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีโอกาสสู้

อาจเรียกได้ว่า พล.อ.ประวิตรคิดการณ์ไกลมาตั้งแต่มีกระแสข่าว “บิ๊กดีล” หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง โดยจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาลที่ถูกเรียกว่า ขั้วอนุรักษนิยม ทั้งพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ที่ พล.อ.ประวิตรดีลเป็นแพ็กเกจเอาไว้

โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดพรรคก้าวไกล เพราะลำพังพรรคฝั่งอนุรักษนิยม หรือพรรคของ 2 ลุง คงไม่อาจเอาชนะพลังด้อมส้มได้ จึงเกิด “บิ๊กดีล” จับมือกับพรรคเพื่อไทย

ประกอบกับมีเงื่อนไขการกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ทำให้นายทักษิณต้องยอมดีล แต่ผิดแผนตรงที่ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ชนะเลือกตั้ง แต่มาเป็นพรรคอันดับ 2 อย่างผิดคาด จากที่หวังแลนด์สไลด์

อุปสรรคจึงเริ่มต้น!!

 

แผน 2 จึงต้องถูกงัดออกมาใช้ ด้วยแผนสกัดพรรคก้าวไกล และนายพิธา ทั้งเรื่องการถือหุ้นไอทีวี และการขุดคุ้ยเรื่องต่างๆ ที่จะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. และนายกฯ

จนถึงขั้นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เลือกที่จะใช้ ม.151 เล่นงานนายพิธา ว่าจงใจที่จะสมัคร ส.ส. ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ ที่มีเป้าหมายเอาผิดทางอาญา ถึงขั้นจำคุก ที่ถูกมองว่าเล่นแรง เพราะเป็นการกดดันให้หนีออกนอกประเทศอีกคนเลยทีเดียว และยื้อเวลาออกไป เพราะขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้เวลานาน

แถมยังมีด่านสำคัญอย่าง 250 ส.ว. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.ตั้งเอาไว้ และกลายเป็นกลไกที่ออกแบบมาของ คสช. ที่ทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมอุ่นใจ ว่าถึงอย่างไร ส.ว.ก็ไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ แน่นอน โดยจะอ้างเรื่องคุณสมบัติที่ยังไม่ชัดเจน

เมื่อยิ่งพรรคก้าวไกล และนายพิธาเจอสกัดหลายด่านเช่นนี้ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ รักษาการต่อไป พร้อมกับเตรียมแผนสู้ พร้อมพลิกเกม

 

หลังเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เก็บตัวอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า ไม่มีภารกิจนอกทำเนียบ มีรับแขกต่างประเทศบ้าง และประชุม ครม.ทุกวันอังคาร แต่ส่วนใหญ่จะเก็บตัวเงียบ มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่บนตึกไทยคู่ฟ้าด้วย

ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตรก็เข้าทำเนียบเฉพาะวันอังคาร มาประชุม ครม. ส่วนวันอื่นจะอยู่แต่ในถ้ำ มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ ไม่ว่าจะประชุมอะไร ก็ให้ไปประชุมที่นี่เท่านั้น

ความเคลื่อนไหวที่สำคัญคือ บ้านป่ารอยต่อฯ ดูเงียบเหงา ไม่มีใครไปมาหาสู่เช่นก่อนเลือกตั้ง เพราะ พล.อ.ประวิตรสั่งงดรับแขก แม้แต่แกนนำพรรค พปชร. จะมีแต่บรรดานายทหารทีมงานรองนายกฯ และลูกน้อง และเพื่อนสนิทเท่านั้น ที่เข้ามากินข้าวกลางวันด้วย

ด้วยเพราะมีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรไม่แฮปปี้กับแกนนำพรรคหลายคน ที่ทำผลงานไม่เข้าเป้า ไม่คุ้มค่ากระสุน แถมบางรายอมกระสุนไว้ จนไม่กล้ามาสู้หน้า

แต่คนที่ พล.อ.ประวิตรให้มาหาทุกวันคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ที่สร้างผลงานดีในภาคเหนือ ที่กลับมานั่งแท่นลูกเลิฟเช่นเคย และกลายเป็นมือประสานการเจรจาต่อรองต่างๆ เพื่อรอเวลาเป็นรัฐบาล และแม้แต่เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถึงอย่างไร ร.อ.ธรรมนัสก็เป็นสายเลือดเตรียมทหาร เป็นรุ่นน้อง ตท.25

ท่ามกลางกระแสข่าวลือสะพัดว่า “บิ๊กดีล” จบแล้ว ที่ พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกรัฐมนตรี และรอจนกว่าเวลาที่พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

แม้ พล.อ.ประวิตรจะเดินทางไปพักผ่อนที่อังกฤษ 20-25 เมษายน 2566 ที่ไปกินเที่ยว และดูม้าแข่งรายการใหญ่ รอยัล เอสคอท ของลอนดอนก็ตาม

แต่ก็ถูกจับตามองว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ที่อังกฤษหรือไม่ หรืออยู่ดูไบ และได้พบกันเพื่อตอกย้ำดีลและเช็กความพร้อมในการเดินทางกลับไทยในเดือนกรกฎาคมนี้ ของนายทักษิณหรือไม่

 

กระแสข่าวที่ว่า ในที่สุด พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกฯ นั้นไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ หรือตื่นเต้นของ พล.อ.ประยุทธ์นัก โดยบอกแค่ว่า ไม่เคยได้ยิน และจะเป็นได้ยังไง ยังไม่รู้เลย

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยปฏิเสธว่าจะไม่เป็นนายกฯ แม้จะเป็นพรรคอันดับ 4 โดยบอกแค่เพียงว่า ไม่รู้ๆ และต้องให้พรรคที่ชนะที่ 1 จัดตั้งรัฐบาล

แต่ที่แตกต่างไปจากท่าทีเดิมๆ คือ หลังรายงานตัวเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรคพลังประชารัฐที่สภาแล้ว พล.อ.ประวิตรกล่าวเรียกร้องให้ ส.ส.ทุกคนร่วมมือกันทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน และสถาบัน ซึ่งเป็นที่เคารพรัก เทิดทูนของคนไทย

เพราะมิชชั่นตอนนี้ของ พล.อ.ประวิตร ในฐานะทหารเก่า คือการสกัดพรรคก้าวไกลไม่ให้เป็นรัฐบาล และยึดเก้าอี้นายกฯ ได้

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายทักษิณก็ทวีตเรื่องการจะกลับไทยในเดือนกรกฎาคมนี้ ว่าจะทำเพื่อแผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา

อันเป็นการสะท้อนว่า นายทักษิณอาจพร้อมที่จะเดินตามแผนของกลุ่มอีลีท ชนชั้นนำ กองหนุนฝ่ายอนุรักษนิยม ที่ต้องการจะใช้พรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ เป็นหมากเดินเกม ต่อสู้สกัดกั้นพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป แลกกับการได้กลับประเทศอย่างปลอดภัย เพราะถึงอย่างไร นายทักษิณก็เป็นสายเลือดเตรียมทหาร ตท.10 และเป็นเพื่อนของ พล.อ.อนุพงษ์

ซึ่งต้องรอดูว่า หากทุกอย่างเป็นไปตามดีล เมื่อนายทักษิณกลับมา อาจจะได้รับสถานะศิษย์เก่าเตรียมทหารดีเด่น หรือแม้แต่ยศตำรวจ ที่เคยโดนริบและถอดออกไป กลับคืนมาก็เป็นได้

เพราะหากนายทักษิณได้กลับไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ลี้ภัยรัฐประหารไปอยู่ต่างประเทศกับนายทักษิณ ก็เริ่มพูดว่า อยากกลับบ้าน เผื่อว่าจะมีหวังในอนาคต โดยให้นายทักษิณกรุยทางไปก่อน

เหล่านี้อาจทำให้อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย อาจต้องยอมเดินตาม “ดีล” ระหว่างพ่อกับลุง ก็เป็นได้

ด้วยเพราะที่ผ่านมา นายทักษิณและคุณหญิงพจมานได้พยายามพูดคุยเจรจากับลูกๆ มาแล้ว จนทำให้คุณหญิงพจมานระบุว่า เด็กๆ เขาไม่ยอม โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ที่ไม่ใช่เพราะอยากเป็นนายกฯ เพราะเจ้าตัวไม่อยากที่จะเป็นนายกฯ ในตอนนี้อยู่แล้ว แต่อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะและจัดตั้งรัฐบาลได้

แต่เมื่อนึกถึงบิดา และอาปูแล้ว ก็อาจทำให้ 3 อ. “โอ๊ค-เอม-อิ๊ง” ก็อาจต้องยอมเดินตามเกมของนายทักษิณ

 

ด้วยกระแสข่าวเช่นนี้จึงยิ่งทำให้เกิดข่าวสะพัดว่า พล.อ.ประวิตรอาจจะเป็นนายกฯ คนที่ 30 เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง ระหว่างขั้วชินวัตร กับขั้วอนุรักษนิยมฝ่ายทหาร ที่เคยรัฐประหาร ล้มอำนาจทั้งนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาแล้ว

แต่ที่จะตามมาคือ อาจเกิดความวุ่นวายจากม็อบลงถนน หากนายพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเพราะ 250 ส.ว.จะไม่โหวตให้ เพราะเกือบครึ่งหนึ่งของ ส.ว.นั้น เป็น ส.ว.มียศ ทั้งนายพลทหาร นายพลตำรวจ โดยเฉพาะบรรดาพลเอก อดีตบิ๊กทหาร ทั้งเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 6 ของ พล.อ.ประวิตร เตรียมทหาร 10 ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และเตรียมทหาร 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่นับรวมเครือญาติ ที่จะไม่แตกแถวเมื่อต้องโหวต

จึงถือว่า 250 ส.ว. เป็นปราการด่านสำคัญในการสกัดนายพิธาและพรรคก้าวไกล ไม่ว่า กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญจะชี้เรื่องคุณสมบัติเช่นไรก็ตาม ถือเป็นกลไกที่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าคณะปฏิวัติ ได้ออกแบบรองรับอนาคตไว้พอดี

แต่หากเกิดม็อบลงถนน เกิดความวุ่นวาย จลาจลขึ้น ก็มีตำรวจและกองทัพ เป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อย จนเกิดความหวาดหวั่นว่า อาจมีการฉวยโอกาสทำการรัฐประหารขึ้นได้

แม้บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. จะลั่นวาจาไว้แล้วว่า โอกาสรัฐประหารเป็นศูนย์ ถึงติดลบ และให้ลบคำนี้ออกจากพจนานุกรมก็ตาม

แต่หากถึงขั้นนั้น อาจไม่จำเป็นต้องจบด้วยการรัฐประหาร แต่ทหารออกมาควบคุมสถานการณ์ และคนกลางแก้ปัญหา จนอาจนำไปสู่รัฐบาลปรองดอง รวมทุกพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาล แต่อาจไม่มีพรรคก้าวไกล เพื่อยุติสถานการณ์

 

พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเกษียณ 30 กันยายนนี้ พร้อม พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. และรวมถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 22 รวมทั้งบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด รุ่นพี่ ตท.21

มิชชั่นสุดท้ายก่อนเกษียณ ใน 3 เดือนข้างหน้า อาจต้องกลายเป็นคณะที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ที่จะมี พล.อ.เฉลิมพลเป็นหัวหน้าทีม

โดยต่อจากนั้น จะเป็นภาระหน้าที่ของ ผบ.ทบ.คนต่อไป ที่คาดว่าจะเป็นบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. น้องรักสายทหารเสือราชินี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่คาดว่าการแต่งตั้งโยกย้ายทหารจะเสร็จสิ้นไม่เกินกลางสิงหาคมนี้ ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหมรักษาการ

ที่น่าจับตาคือ 5 เสือ ทบ.ชุดใหม่ ที่จะต้องมี ผบ.ทบ.คนต่อไปในอนาคต นั่งจ่ออยู่ด้วย โดยคาดว่า บิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผช.ผบ.ทบ. ที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. ก็จะขยับขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ.

คาดว่า แม่ทัพปู พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) แม่ทัพภาคที่ 1 คอแดง จะขยับขึ้นเป็นพลเอก นั่งเก้าอี้ ผช.ผบ.ทบ. จ่อเป็นเต็งหนึ่งขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป

และคาดว่า บิ๊กต้น พล.ท.ณัฐวุฒิ นาคะนคร (ตท.24) ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ที่นั่งมา 2 ปี ขึ้นมาเป็นพลเอก ผช.ผบ.ทบ. และจะกลายเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.อีกคน แต่ทว่า ไม่ได้เป็นทหารคอแดง จึงมีโอกาสน้อยกว่า พล.ท.พนา และคาดว่า เสธ.หยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ (ตท.24) นั่งเป็น เสธ.ทบ.ต่ออีกปี

กองทัพยังคงเป็นปราการด่านท้ายสุด เพราะมีอำนาจจากปากกระบอกปืน ซึ่งดูเหมือนจะมีคนบางกลุ่มยังพยายามกวักมือเรียกทหารออกมาแสดงบทบาทอีก

 

แต่ทว่า สำหรับคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร หลายคนยังคงมั่นใจว่า พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกฯ แค่รอเวลาเท่านั้น

ท้ายที่สุด หากสูตรอำนาจไปลงตัวที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และยอมให้ พล.อ.ประวิตรมีสิทธิลุ้นเป็นนายกฯ เพื่อทลายกำแพง 250 ส.ว. และถอดสลักการแทรกแซงของทหาร

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ หากไม่ได้เป็นนายกฯ ก็คงจะฝากพรรครวมไทยสร้างชาติให้ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตรด้วย และคาดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะถอยไปอยู่เบื้องหลัง และในไม่ช้า พล.อ.ประยุทธ์อาจจะมีตำแหน่งสำคัญที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองรองรับ

แต่หากแผนของ พล.อ.ประวิตรไม่สำเร็จ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด หรือการช่วงชิงอำนาจกันเองของพี่น้อง 3 ป. เกมจะตกเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะต้องไม่ลืมว่า ไม่ใช่มีแค่ พล.อ.ประวิตรที่มีคอนเน็กชั่นกับนายทักษิณ

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังมี พล.อ.อนุพงษ์เป็นตัวเชื่อม ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ของนายทักษิณ

และก่อนหน้านี้ก็มีชื่ออดีตบิ๊กทหาร น้องรักนายกฯ เจรจาต่อรองกับนายทักษิณ เรื่องแผนการกลับไทย และการจัดตั้งรัฐบาล แต่ต้องรอดูว่า ในที่สุด นายทักษิณจะเชื่อในเกมของใคร และจะยอมใครที่มีอำนาจตัวจริง

ดังนั้น จึงยังมีอีกหลายปราการที่พรรคก้าวไกลจะต้องต่อสู้ ฝ่าฟัน กว่าจะถึงเส้นชัย และอาจเป็นชัยขนะที่ต้องยอมใช้ทุกอย่างแลกมา และอาจต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย