ไม่มีสิ่งใดจะทำร้ายมนุษย์ ได้มากเท่ามนุษย์ด้วยกันอีกแล้ว | ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด : จิตประภัสสร

ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด | จิตประภัสสร

ไม่มีสิ่งใดจะทำร้ายมนุษย์ ได้มากเท่ามนุษย์ด้วยกันอีกแล้ว

 

หลังเข้าเรียนภาคบังคับเมื่ออายุสมองเริ่มพอรับได้ เขียวส่องก็สอบผ่านชั้นประถมหนึ่ง สอง สามมาตามลำดับราวมีเทพีคอยจับมือกากบาทคำตอบ ก ข ค ง ด้วยความสงสารเห็นใจ กระนั้นก็ยังมักปรากฏคำว่า “เวทนา” ในแววตาผู้พบเจอ เธอได้เห็นหน้าผู้ที่แม่ให้เรียกว่าพ่อผ่านเพียงรูปถ่ายคนตาย แม่เองก็คล้ายมีระยะห่างเหมือนสร้างใยบางๆ มากางกั้น ร่างน้อยฝันผวากลางดึกบ่อยครั้งตั้งแต่เริ่มจำความ นอนนับแกะอย่างเดียวดาย ขดตัวร่ำไห้ในความมืดเรื่อยมาจนชาชิน ชีวิตที่มาพัวพันจึงดุจดั่งบุรุษพยาบาลผู้กรุณา

หนุ่มวัยเลขห้าตอนปลายก้าวเข้าสู่ชีวิตเธอกับแม่นีนาหลังมาถามไถ่หาบ้านเช่า เขาว่าอยู่ตัวคนเดียวและเพิ่งเข้าโครงการเกษียณก่อนวัยจึงย้ายหนีจากความแออัดย่านตัวเมือง นับวันไม่ทันครบสิบนิ้ว เจ้าของใบหน้าเข้มก็เข้านอกออกในอย่างเสรีในอาณาจักรไม่กี่ตารางเมตรของร้านชำสองชั้น แม่นีนาเริ่มลุกขึ้นมาแต่งสวย โมโหห่างลงเมื่อเด็กหญิงทำอะไรไม่สมใจ ลดลงมือลงไม้ยามร่างน้อยดื้อดึง แย้มยิ้มขึ้นดั่งสาวรุ่นผู้ตกอยู่ในห้วงรักทั้งที่ล่วงวัยเลขสี่มาหลายปี

หนุ่มผิวเข้มที่เขียวส่องเรียกว่า ลุงดอม จ้ำจี้จ้ำไชสอนการบ้านอย่างมีน้ำอดน้ำทน เขาบอกแม่นีนาว่าเป็นคนรักเด็กจึงเป็นเหตุให้ได้ชิดใกล้ แทบทุกเย็นสองชีวิตจะขลุกอยู่ในพื้นที่ซึ่งกั้นจากส่วนหน้าด้วยผนังไม้อัดจรดเพดาน เว้นว่างทางเข้าออกเท่าบานประตู ม่านลายใบไม้ที่ผู้เป็นแม่ลงทุนเปลี่ยนใหม่เอาใจลุงดอมแผ่ผืนทึบบดบังศักยภาพการมองทะลุของคนในกับคนนอกอย่างสิ้นเชิง แผ่นไม้ฝาตีห่างเหนือระดับสายตา ต่างช่องลมด้านหลังอันเป็นทางหนีของกลุ่มควันยามห้องนั้นทำหน้าที่เป็นครัวไทยช่วยขจัดความอุดอู้เหมือนนั่งอยู่ในเตาอบยักษ์ให้หมดลง โต๊ะไม้อัดที่ด้านหนึ่งวางชิดผนังไม้คือโต๊ะกินข้าวที่พ่วงตำแหน่งโต๊ะทำการบ้านอย่างสมยอม พัดลมตั้งโต๊ะมุมห้องที่เป็นของขวัญวันแต่งงานของแม่นีนายังทานทน แม้มันจะเคลื่อนไหวราวใครสักคนกำลังส่ายหน้าช้าๆ ในทุกครั้งที่เปิดใช้งาน แต่เขียวส่องก็ชอบนั่งมองมัน

ลุงดอมมักชมดวงตาเศร้าของเธอว่าน่าค้นหา พรรณนาริมฝีปากอิ่มว่าเย้ายวนชวนประทับรอยจูบ บางครั้งก็ดึงร่างน้อยไปกอดพร้อมพร่ำพูดว่าเหมือนตุ๊กตานุ่มน่าฟัด เริ่มถึงเนื้อถึงตัวด้วยกิริยาลูบไล้แผ่วเบาบนท่อนแขนผิวสีน้ำผึ้ง ก่อนการละเล่นซึ่งแกล้งให้ขนแขนของเธอลุกชันจะแปรผันเป็นกิจวัตรประจำเย็นไม่ต่างจากการล้างมือทุกครั้งก่อนกินอาหาร และเมื่อไร้แรงต้าน มือนั้นก็เริ่มเลาะเลื้อยจากชายเสื้อที่ปล่อยออกมานอกกระโปรงนักเรียนล่วงล้ำสู่หน้าท้องแบนราบ คืบเคลื่อนคลานขึ้นถึงหน้าอกหน้าใจอันน้อยกระจิริดใต้ร่มผ้า เขียวส่องจั๊กจี้จนปล่อยเสียงคิกคัก มือใหญ่อีกข้างรีบแตะริมฝีปากอิ่มให้หยุดแล้วเอ่ยถาม -ชอบไหม- แววตาระยิบพริบพราวราวตอบรับจากส่วนลึกแห่งแรงปรารถนา -หากชอบก็ห้ามบอกแม่ ไม่เช่นนั้นจะไม่เล่นด้วยอีก- ความพึงใจค่อยๆ ก่อกระจายกลิ่นมวลความสุขอันแปลกประหลาดที่เขียวส่องในวัยสิบสี่ขวบตามสูจิบัตรยากจะอธิบาย

-เปลี่ยนไปจุดอื่นบ้างได้ไหม เขียวส่องของลุง- เจ้าของเสียงโปรยยิ้มอ่อนโยนในวันเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ เธอพยักหน้าหลับตาพริ้ม ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ คืบเคลื่อนเข้าใต้กระโปรงนักเรียน เธอยิ้มกว้างเหมือนบัวบานไม่สะทกสะท้านผึ้งผู้ ก่อนผู้ล่วงล้ำจะรีบชักมือกลับเมื่อยินเสียงฝีเท้าใกล้มา พลางปรับท่าทีเหมือนไม่เคยมีสิ่งนั้นเกิดขึ้น ร่างอวบแหวกม่านเข้ามาทักทาย ท่าทียิ้มแย้ม -วันนี้ลูกค้าน้อย เลยปิดร้านเร็ว จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ ดีไหมพี่ดอม- หนุ่มใหญ่ก้าวไปโอบเอวอีกฝ่าย หอมฟอดใหญ่ที่แก้มอิ่ม -ก็ดีนะนีนา กลางวันงานยุ่ง กินข้าวไปนิดเดียว จะได้ตั้งโต๊ะเร็วหน่อย- -เหนื่อยไหมพี่- -ไม่หรอก เขียวส่องว่านอนสอนง่ายจะตาย- -ดื้อเงียบสิไม่ว่า แต่กับพี่เหมือนจะเชื่อฟังดีแท้ สงสัยคงแพ้ทางกัน-

เขียวส่องยืนฟังบทสนทนาของคนมากวัยพลางก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือและสมุดการบ้านอีกสองเล่มออกจากโต๊ะ ก่อนเดินเลี่ยงไปคดข้าวใส่จานตามหน้าที่ประจำ

 

เย็นฝนพรำในอีกวันอันอึมครึม ลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาดสายหลังเวลาเลิกงาน หน้าร้านพลุกพล่านจอแจ แต่หลังร้านกลับเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสองชีวิตต่างวัยที่ยังมิมีผู้ใดมาวอแว แสงเหลืองนวลจากโคมไฟตั้งโต๊ะส่องลงบนสมุดการบ้านวิชาสังคมศึกษาที่เขียวส่องเรียนรู้มันผ่านตัวหนังสือ ดั่งคำมั่นแทนความหวังอันละมุนใจว่าเธอจะมีการบ้านส่งครูประจำชั้นทุกวันโดยไม่ถูกทำโทษ หากยอมเชื่อฟังทำตามคำของผู้สอน ทั้งเรื่องราวบนหน้ากระดาษนั้นและเรื่องรายรอบตัว

แต่สังคมศึกษาในตำรา ศึกษาอย่างไรก็ไม่เหมือนเรียนรู้จากสังคมจริง

เขียวส่องคิดว่าเขาคงรักเธอมากกว่าพ่อของเพื่อนๆ ที่รักลูกสาวตัวเอง ถึงได้ชวนเล่นด้วยแทบทุกวัน หากถามว่าแม่นีนาไม่ระแคะระคายบ้างหรือ ก็ต้องตอบว่าไม่ ลุงดอมวางตัวสุภาพบุรุษเกินกว่าอีกฝ่ายจะนึกสงสัย หลบหลีกได้ทุกครั้งไม่ต่างจากผู้ชำนาญไพรซึ่งไม่เคยแหวกหญ้าให้งูตื่น หลีกเลี่ยงได้ทุกคราดุจทนายชั้นหนึ่งที่ว่าความชนะขาดทุกคดี -ถ้าอยากสุขแบบนี้บ่อยๆ อย่าให้ใครรู้นะ เขียวส่องของลุง- เด็กหญิงคงนึกสนุกที่ได้แอบทำอะไรลับหลังไม่ให้ผู้ปกครองจับได้ จึงไม่เคยมีเรื่องราวหลุดจากปาก

ลุงดอมโอบรัดร่างน้อยไว้ข้างลำตัวอย่างเคยมือ ใจดวงเล็กเริ่มเต้นระบำอีกครั้งเมื่อฝ่ามือเคยคุ้นคืบเคลื่อนเข้าโลมลูบผิวกายภายใต้กระโปรง จากเชื่องช้าแช่มช้อยค่อยๆ แปรเป็นรุกเร้าเร่งร้อน เธอสะดุ้งชั่วขณะเมื่อรู้สึกถึงการรุกล้ำภายใต้กางเกงในตัวจิ๋ว แต่น่าประหลาดใจ! ที่สัมผัสหลังจากนั้นไม่ได้ทำให้เขียวส่องต่อต้านแม้แต่น้อย เธอขยับขาไขว้กันประหนึ่งได้รับคำสั่งอันไม่รู้ที่มาของความปรารถนาบางประการเมื่อได้แนบชิดชายคนนี้ เด็กหญิงไร้เดียงสาเกินกว่าจะคิดว่าคือการคุกคามทางเพศ แต่จะรอให้แม่นีนาสอนสั่งว่าห้ามใครกระทำเช่นนั้นกับเรือนกายคงไม่ง่ายนักที่เธอจะเข้าใจ เมื่อยังเห็นผู้ให้กำเนิดปล่อยให้ชายคนนั้นกระทำกับของสงวนในร่างยิ่งกว่าที่เขากระทำกับเธอ

เขียวส่องรับรู้ได้อย่างไรนะหรือ? ยามที่ถูกไล่ขึ้นไปนอนแล้วย่องลงมาแอบดูยังไงเล่า บนตั่งไม้ที่แม่ของเธอปูฟูกกางมุ้งนอนที่ชั้นล่าง อันที่จริงมันเคยเป็นที่ล้มตัวพักผ่อนของเธอ ก่อนลุงดอมจะบ่นว่าอากาศบนชั้นสองอุดอู้เหมือนรังหนูถูกปิดตาย

 

ฝนตกหนักไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ ในอีกวันอันหดหู่มัว ฟ้าคำรามสนั่นจนเขียวส่องต้องยกมือสองข้างอุดหู ลุงดอมยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมเคียงข้างเธอ เย็นนั้นร้านปิด แม่นีนาไปกินเลี้ยงโต๊ะแชร์ตั้งแต่หัววันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แสงจากโคมไฟที่ดับพรึบหลังเสียงคล้ายหม้อแปลงระเบิดดังมาจากปากซอย เด็กหญิงโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่ราวจะยึดเป็นที่พึ่ง อ้อมแขนกว้างช่วยทลายความหวาดผวาที่เคยเผชิญลำพัง รู้สึกดีเหลือเกินที่มีใครสักคนเคียงข้างยามต้องการ เธอปล่อยให้เขาจูงมือเดินคลำทางแหวกม่านออกไปควานหาเทียนไข ก่อนร่างใหญ่สะดุดบางอย่างที่ตั้งขวางทางเมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว เขาล้มลงบนตั่งไม้ราวนับระยะไว้ล่วงหน้า ร่างน้อยเสียจังหวะเซถลาล้มทับก่ายเกย วงแขนล่ำกระหวัดรัดไว้ทันทีเหมือนงูใหญ่โอบรัดเหยื่อ

-ลุงจะสอนการละเล่นแบบใหม่ให้เอาไหม เขียวส่องของลุง- คำหวานหูกับสัมผัสอบอุ่นทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระบำอีกครั้ง -จะเป็นการละเล่นแบบเดียวกันหรือเปล่าหนอ ถ้าใช่คงสนุกตื่นเต้นมิใช่น้อย- เธอนึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในคืนที่แอบเห็น อาจประหลาดใจอยู่บ้างว่าทำไมผู้เล่นต้องเปลือยกายล่อนจ้อนเหมือนตอนแก้ผ้าอาบน้ำ แต่พอสิ่งปกปิดร่างถูกปลดเปลื้องออกไปทีละชิ้นๆ จนเปลือยเปล่า เขียวส่องกลับรู้สึกหวาดหวั่นสั่นหวาม ก่อนสำนึกบางอย่างเหมือนสั่งการผ่านเสียงฟ้าร้องฟ้าลั่น เธอรีบเอื้อนเอ่ยขอยุติการละเล่นกลางคันและเริ่มต้านทาน แต่อีกฝ่ายกลับทาบทับลงบนร่างที่ไม่สมยอม พร้อมใช้มือซ้ายขยุ้มลงที่ลำคอเล็กไม่ให้ส่งเสียง แววตานั้นราวปีศาจเข้าสิงร่างสุภาพบุรุษ สองมือน้อยไขว่คว้ากลางอากาศ ก่อนสติจะดับวูบจากแรงดิ้นชั่วไม่กี่ลมหายใจ

สายฝนที่กระหน่ำอยู่ด้านนอกคงทำได้แค่ร่ำไห้ให้กับชะตากรรม

 

ร่างเปียกโชกเมียงมองแสงวอมแวมวับไหวของเทียนไขที่จุดตั้งไว้กลางบ้าน พลางนึกต่อว่าในใจเมื่อแรกเห็นมุ้งกางครอบบนตั่งไม้ ร่างน้อยคงแอบหนีลงมานอนในที่เคยคุ้น ครั้นขยับใกล้ นีนากลับชะงักราวโดนพ่อมดร่ายมนตร์ แม้ไม่ได้รักใคร่เสมือนแม่ที่รักลูกสุดหัวจิตหัวใจ แต่เขียวส่องก็คือเลือดเนื้อที่อุ้มท้องมา

ชายที่หล่อนไว้ใจแหวกม่านออกมายืนแสยะยิ้ม ร่างชินตาสวมเพียงกางเกงชั้นใน มีเชิ้ตสีดำพาดบ่าซ้าย เปลวไฟปลายเทียนวูบไหวตามแรงลมที่พัดผ่านทางช่องระแนง กลิ่นดินฝนโชยมามิอาจกลบกลิ่นความสะพรึงกลัวเบื้องหน้า มีดอีโต้ถูกชูขึ้นเหนือศีรษะของร่างสูง ดวงหน้าเข้มขึงขู่ราวเสื้อคลุมสุภาพบุรุษล่องหนหายจนกลายเป็นตัวตนแท้ นีนาทรุดกองกับพื้น แข้งขาอ่อนแรงเหมือนนักวิ่งมาราธอนที่เพิ่งเข้าเส้นชัย หากอีกฝ่ายหมายเอาชีวิตคงไร้ทางรอด อาการรักตัวกลัวตายสยายปีกทับความคับแค้นไว้ข้างใต้ การยอมจำนนคงดีกว่ากระเสือกกระสนหนีหรือคิดสู้ในระยะที่คมมีดอาจปลิดชีพในเสี้ยววินาที หล่อนพนมมืออ้อนวอนร้องขอลมหายใจ เขาจับหล่อนมัดมือมัดเท้า ยัดผ้าขี้ริ้วลงช่องปาก วกกลับไปลากเก้าอี้มานั่งจ้องหน้าด้วยแววตาโกรธกร้าวเกลียดเหมือนหล่อนเป็นฆาตกรที่ไปลอบฆ่าคนรักแล้วเขาตามมาแก้แค้นเอาคืน

เขาคือใครกัน! ทำไมกระทำเช่นนี้กับหล่อน ทำไมกระทำเช่นนั้นกับเขียวส่อง

ความฉงนฉงายผุดขึ้นหลายเครื่องหมายคำถาม ก่อนเสียงตวาดดุดันจะดังขึ้น -ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะหล่อนคนเดียว- นีนายังจับต้นไม่ชนปลาย นอกจากรับรู้ว่าเขามิใช่นายดอมที่เคยรู้จักและอาจไม่ใช่มานานแล้วหากนึกเอะใจสักนิด ทุกชีวิต…ล้วนเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันในห้วงความลึกลับเฉพาะตัวอันซ่อนเร้นอยู่ในก้นบึ้งแห่งสามัญสำนึก หล่อนเพิ่งรู้เหตุแห่งการย่างกรายมาพัวพันหลังฟังน้ำคำดั่งใบไม้ร่วงกราวราวผู้เก็บกดทุกข์ทนแลรอเวลาปลิดปลิวความในใจ ดอมถามถึงนักเรียนมัธยมปลายที่หล่อนเคยหว่านเสน่ห์เล่ห์มารยาสมัยเป็นแม่ครัวร้านอาหารในโรงเรียนแห่งหนึ่ง นักเรียนชายที่นีนาท้าทายให้ร่วมรักก่อนสลัดทิ้งอย่างมิแยแส นักเรียนที่ลุ่มหลงปรารถนาเรือนร่างหล่อนตามประสารักแรกอันยั่วยวนจนกู่เรียกไม่กลับ น้ำเสียงนั้นฟังดูเหนื่อยล้าจนน่าใจหายเมื่อกล่าวถึงเด็กหนุ่มในตอนท้าย

ให้ตายเถอะ! นีนาอยากตะโกนก้องว่าหล่อนจดจำชีวิตนั้นได้ไม่เคยลืม!

ร่างสูงใหญ่ละสายตาจากหล่อนแล้ว แต่ยังพร่ำไม่หยุดหย่อนว่าหนุ่มวัยละอ่อนกินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่ายเคว้งคว้างโคลงเคลงหัวหมุนเหมือนตกหลุมพรางกลางป่าอย่างไร้ทางปีนกลับ ความป่วยทางใจที่ขาดวัคซีนคุ้มกัน ความผิดหวังจากรักที่มอบกายถวายใจให้สาวต่างวัยลุกลามเป็นแผลภายในอันบอบช้ำ ฉุดดึงชีวาดิ่งสู่แดนแห่งซึมเศร้าเหงาเปลี่ยว อารมณ์บางอย่างอาละวาดสั่งการให้คิดทำร้ายตนเอง ชีวิตหนึ่งต้องลาโลกไปก่อนวัยจากผลการกระทำอันไร้รากสำนึกของหญิงมักง่ายที่เห็นอีกฝ่ายเป็นของเล่น

ไม่จริง! หล่อนทุ่มเถียงได้เพียงในความคิด ก้อนทุกข์แห่งขื่นขมแล่นมาจุกลำคอ ความคะนองอยากริลองแอบร่วมรักกับเด็กหนุ่มสักคนก่อนวันแต่งงานก่อกำเนิดสิ่งเลวร้ายตามติดมาถึงเพียงนี้เชียวหรือ หญิงสาวไม่เคยรู้ว่าเด็กหนุ่มคิดปลิดชีพเมื่อหล่อนหลบเร้นจากอย่างคนตัดบัวไม่เหลือใย เด็กหนุ่มคงไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนหลังจากนั้น มีแต่หล่อนเท่านั้นที่รู้! หัวใจของนีนาหนักอึ้งเหมือนใครยกแผ่นหินยักษ์มาวางทับซ้อน บัดซบสิ้นดี! โชคชะตาไยเล่นตลกร้ายกับชีวิตผู้คนเช่นฉะนี้ นึกอยากหนีการรับรู้ไปให้ไกลแสนไกล แต่ยังต้องทนอยู่ในสลัวรางของวันเวลาที่ดำเนินไป ฟังเขากรอกหูด้วยเรื่องราวที่เขาเฝ้าเพียรตามหาหล่อนจนเกือบท้อแท้ถอยพลัง การแก้แค้นให้เด็กหนุ่มแทบจะสิ้นแรงหวัง จนถึงวันที่เขามาถามหาบ้านเช่า ซองจดหมายประทับตราที่จ่าหน้าถึงหล่อนบนโต๊ะกลางร้านจุดประกายหวังให้เจิดจรัสคืน เขาจดจำชื่อสกุลของหล่อนจากสมุดบอกเล่าความรู้สึกในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือของร่างไร้วิญญาณได้ขึ้นใจ

แผนร้ายของอดีตครูประชาบาลจึงเริ่มก่อร่างสร้างรูป การสมสู่กับสาวเจ้าบ้านที่เขาต้องทนกักขังความเกลียดชังไว้ในส่วนลึกเป็นเพียงทางผ่านของเส้นทางแก้แค้น หากลูกเจ็บ! แม่ยิ่งเจ็บกว่า! ผลลัพธ์แห่งแรงอาฆาตคือ ร่างน้อยที่นอนนิ่งอล่างฉ่างไร้อาภรณ์ติดกายบนตั่งไม้ หัวใจของเขายังเจ็บช้ำสั่นไหวทุกครั้งที่นึกถึงร่างไร้วิญญาณในชุดนักเรียนมัธยมปลาย เลือดแดงฉานจากศีรษะไหลนองเต็มพื้นซีเมนต์คอยกระตุ้นเตือนราวโรคร้ายเรื้อรัง แม้ความไร้เดียงสาของเด็กหญิงจะเคยทำให้เขาเกือบล้มเลิกความคิดอันระยำตำบอน ต้องต่อต้านความอ่อนแอท้อถอยที่เพียรเข้าครอบงำให้หยุดการกระทำ ต้องต่อสู้กับผิดบาปมหันต์ที่ผลุบโผล่ขึ้นเป็นระยะประปราย ต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่เริ่มหวั่นไหวกับหัวใจรักของเด็กหญิงที่มอบให้ แต่ทุกอย่างยังคงดำเนินเรื่อยมาและเรื่อยมา

ชะตากรรม…ใครกันเล่าคือผู้กำหนด

 

นํ้าตาเทียนไหลย้อยดั่งประติมากรรมชิ้นยิบย่อยที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญ ไม่ต่างอะไรกับน้ำตาแห่งความทุกข์ที่ไหลนองกองอยู่ในหัวใจใครบางคน เสียงนั้นเริ่มสั่นเครือดั่งถูกใครจับพลิกสลับขั้วอารมณ์ เขาเริ่มกล่าวโทษตนเองในอดีตที่มัวแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนละเลยใส่ใจอีกหนึ่งชีวิตร่วมบ้าน มีดอีโต้ถูกปล่อยทิ้งลงพื้นราวกับมือที่ยึดจับยินยอมปลดปล่อยมันเป็นอิสระ ฝ่ามือหนายกขึ้นปิดดวงตาสองข้าง ก่อนจะก้มหน้าปล่อยร่ำไห้ดุจเด็กน้อยเศร้าโศกผู้โหยหาคำปลอบโยน พลางพร่ำรำพันแต่คำว่า -เจ้าลูกชายเอ๋ย พ่อแก้แค้นให้เจ้าสำเร็จแล้ว เจ้าลูกชายเอ๋ย พ่อแก้แค้นให้เจ้าสำเร็จแล้ว เจ้าลูกชายเอ๋ย…-

วันเวลาที่หมกมุ่นในวังวนแห่งครุ่นคำนึงจนกระทั่งให้กำเนิดลูกสาวในสภาพอารมณ์ไม่ปกติและสัมพันธภาพที่เริ่มไม่สู้ดีนักระหว่างหล่อนกับคู่ชีวิตย้อนกลับมาให้ระลึกถึง ใช่ว่าหล่อนจะไม่ไยดีลูกสาวที่สามีตามกฎหมายตั้งชื่อไว้ล่วงหน้า ด้วยปรารถนาจะให้ทายาทที่เป็นดั่งความหวังทุกอย่างของชีวิตเขา เจริญวัยขึ้นอย่างแข็งแกร่งดุจความหมายของชื่อพลอย “เขียวส่อง” ที่เป็นรองเพียงแค่เพชรแท้ ก่อนเขาจะล่วงรู้ความบางอย่างกับเกี่ยวกับร่างกายของตนและสิ้นหวังจนตรอมใจตายอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ ตั้งแต่เขียวส่องยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

ทุกครั้งที่มองใบหน้านั้นจึงเสมือนมีหนามแห่งความรู้สึกผิดคอยทิ่มแทงให้นีนาเจ็บแปลบ เด็กหญิงคล้ายหลักฐานแห่งตราบาปมากกว่าพยานแห่งรักในความคิดหล่อน

ยังมีบางอย่างเหมือนน้ำท่วมปากที่หล่อนอยากจะสำรอกสำรากออกมา

แต่ผืนผ้าสกปรกยังคงสกัดการเดินทางของความจริงที่ซ่อนเร้นแฝงรูปอยู่ในความเป็นไปแห่งชีวิต

ความจริงที่ว่า…นอกจากดอมกับลูกชายของเขา ยังมีสามีในทะเบียนสมรสอีกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นีนาเสพสวาทด้วย

แต่ชายผู้คาดหวังเต็มหัวใจว่าจะได้รับความซื่อสัตย์จากหล่อนเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นหมันหลังจากเขียวส่องลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว

นีนาเคลื่อนสายตาไปยังร่างที่นอนเปลือยเปล่าแน่นิ่งในมุ้งครอบ สายตาที่พร่าพรายด้วยหยาดน้ำตาทำให้หล่อนมองคล้ายกับว่าร่างที่ถูกกระทำย่ำยีนั้นกำลังขยับปากตั้งคำถามบางอย่าง ที่หล่อนพึมพำในใจตอบกลับไปว่า…ไม่มีสิ่งใดจะทำร้ายมนุษย์ได้มากเท่ามนุษย์ด้วยกันอีกแล้ว •