LOOK BOTH WAYS ‘จุดพลิกชีวิต’ / ภาพยนตร์ : นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์

นพมาส แววหงส์

 

LOOK BOTH WAYS

‘จุดพลิกชีวิต’

 

กำกับการแสดง

Wanuri Kahiu

นำแสดง

Lili Reinhart

Danny Ramirez

David Corenswet

Aisha Dee

Andrea Savage

Luke Wilson

 

หนังเรื่องนี้เตือนให้นึกถึงหนังที่เคยดูเมื่อ 24 ปีมาแล้ว และยังประทับอยู่ในความทรงจำโดยไม่ลืมเลือนไปง่ายๆ

ชื่อหนังว่า Sliding Doors ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวสองเรื่องสองเวอร์ชั่นสลับคู่เคียงกันไป โดยเป็นเรื่องของตัวละครหญิงที่เล่นโดยกวิเนธ พัลโทรว์

จุดพลิกชีวิตของผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ชั่ววินาทีเดียวที่ประตูรถไฟเลื่อนปิดสนิทในช่วงที่เธอกำลังจะเดินทางกลับบ้านจากที่ทำงานซึ่งเพิ่งปลดเธอออกโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

ประตูที่เลื่อนปิดในช่วงเวลานั้น หมายถึง การที่เธอจะได้ขึ้นไปบนขบวนรถ หรือการที่เธอจะวิ่งไปไม่ทันก่อนประตูปิด โดยเจ้าตัวไม่ได้รู้เลย-แต่คนดูรู้ เพราะเขาวาดภาพให้เห็นต่อมา–ว่าวินาทีนั้นเป็นการชี้ชะตากำหนดชีวิตทั้งชีวิตที่เหลือของเธอ

เพราะสิ่งที่เธอจะได้พบ…หรือไม่ได้พบ…ที่บ้าน คือสามีนอกใจเธอ

Sliding Doors เล่าเรื่องชีวิตของเธอซึ่งแยกเป็นสองทางสองเรื่องราวนับจากจุดนั้น

จำได้ว่า ดูหนังแล้วเก็บมาคิดต่ออีกนาน สมัยนั้นผู้เขียนต้องขับรถตัดผ่านทางรถไฟอยู่ทุกวัน มีบางครั้ง รั้วกั้นเลื่อนปิดอยู่ตรงหน้า ต้องรอให้ขบวนรถไฟแล่นผ่านไปเสียก่อน จึงจะผ่านไปได้

บางครั้งก็แล่นผ่านก่อนรั้วกั้นเลื่อนปิดมาได้อย่างฉิวเฉียด

หนังเรื่องนั้นทำให้นึกไปว่านั่นเป็นวินาทีเปลี่ยนชีวิตเราหรือเปล่าหนอ ถ้าเราไปทันนัดหรือไม่ทันนัด แล้วถ้านัดนั้นมีผลสำคัญต่อเรื่องอื่นๆ ล่ะ หรือว่า…ฯลฯ ก็คงไม่ได้ดราม่าอะไรเหมือนในหนังหรอก แต่ว่ามีทางแยกหรือจุดผันแปรอะไรบ้างหนอที่จะทำให้ชีวิตเราไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางอย่างที่เราเดินอยู่นี้

นี่ล่ะค่ะ ผลกระทบ (หรือผลพวง) ของหนังที่ให้ข้อคิดหรือสิ่งชวนคิดดีๆ ในเรื่องชีวิตและความหมายของชีวิต

Look Both Ways ใช้สมมุติฐานทำนองเดียวกัน เล่าเรื่องราวของนาตาลี เบนเนตต์ (ลิลี ไรน์ฮาร์ต) โดยกำหนดวินาทีที่จะส่งผลพลิกชีวิตของเธอไปคนละทาง

ในงานเลี้ยงฉลองการรับปริญญาจากมหาวิทยาลัยก่อนจะแยกย้ายจากเพื่อนๆ พร้อมด้วยแผนการที่วาดไว้สำหรับอนาคตของแต่ละคน อยู่ดีๆ นาตาลีก็เกิดอาการคลื่นเหียนวิงเวียนหาที่อาเจียนไม่ทัน

ซึ่งทำให้คารา (ไอชา ดี) เพื่อนรักเพื่อนซี้ รุดไปซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์มาให้โดยฉับพลัน เพื่อตรวจสอบตัวเองในห้องน้ำโรงเรียน และคอยช่วยลุ้นผลกันอยู่สองคน

จุดนี้คือวินาทีพลิกทางเดินชีวิตของนาตาลี ซึ่งหนังนำเสนอชีวิตถัดจากนั้นของเธอ โดยแยกเป็นสองเรื่องราวสลับกันไป…เหมือนใน Sliding Doors และใช้เทคนิคที่เหมือนกันอีกอย่าง คือ ให้นางเอกในเวอร์ชั่นหนึ่งตัดผมให้สั้นลง คนดูจะได้แยกเรื่องราวออกไม่สับสนไม่งงว่าใครเป็นใคร

นาตาลีเรียนเมเจอร์การเขียนภาพการ์ตูน ความใฝ่ฝันของเธอคือการย้ายไปอยู่ที่ลอสแองเจลิส ใกล้ฮอลลีวู้ด ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมบันเทิง

เมื่อผลของชุดทดสอบออกมาเป็นลบ ชีวิตก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือการย้ายไปอยู่แอลเอ และไปหางานทำที่นั่น

แต่เมื่อผลออกมาเป็นบวก แผนการชีวิตก็ปรับเปลี่ยนแปรรูปไป…เธอไม่ถือว่าความฝันพังทลายไป เพียงแค่เลื่อนเวลาออกไปอีกหน่อย

เธอตัดสินใจอุ้มท้องกลับไปขออาศัยบ้านพ่อแม่อยู่ต่อไปอีกหน่อย

ตรงนี้แหละค่ะที่เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัฒนธรรมฝรั่งกับไทย นั่นคือฝรั่งเลี้ยงลูกชายหญิงให้โตขึ้น โดยเฝ้ารอวันรอคืนคอยเวลาที่นกน้อยจะปีกกล้าขาแข็งพอจะโผบินออกจากรังไปใช้ชีวิตของตัวเอง

แต่เมื่อนกไม่ยอมผินบินจากไปหลังจากส่งเสียจนเรียนจบได้ปริญญาแล้ว แต่กลับซมซานมาขออยู่ร่วมรังต่อไปอีกระยะหนึ่ง พ่อ (ลูค วิลสัน) และแม่ (อันเดรีย แซเวจ) ของนาตาลีก็ต่างกุมขมับ ไม่อยากให้ลูกอยู่ร่วมบ้านอีกแล้ว แต่ก็หมดหนทางปฏิเสธ

แถมยังคัดค้านหัวชนฝาเมื่อพ่อของเด็กทำท่าจะขอแต่งงานกับลูกสาวให้เป็นกิจจะลักษณะ ด้วยเหตุผลที่ว่าเก๊บ (แดนนี รามิเรซ) ยังเป็นคนหลักลอย เป็นนักดนตรีและไม่มีอนาคต

ผู้เขียนนึกอยู่ครามครันว่านี่ท่าจะเป็นเค้าลางสำหรับการล่มสลายของสถาบันครอบครัวซึ่งจะมาถึงในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าละกระมัง

สมัยนี้พ่อแม่เขาไม่ได้อับอายขายหน้าจากการที่ลูกสาวอุ้มท้องโดยไม่ได้แต่งงานอีกแล้ว แถมเมื่อผู้ชายที่เป็นเจ้าเรื่องทำท่าว่าจะรับผิดชอบแต่งงานด้วย พ่อแม่ยังห้ามปรามเสียงหลงเสียอีกว่าอย่าเลย

สมัยก่อนเขาต้องจับลูกสาวใส่ตะกร้าล้างน้ำ หรือไม่ก็รีบหาใครหน้าไหนก็ได้ที่จะยอมแต่งงานด้วยโดยเร็วไว

อย่างไรก็ตาม โทนของหนังเรื่องนี้เป็นโรแมนติกคอเมดี้นะคะ ไม่ใช่หนังดราม่าหนักๆ ที่นำเสนอปัญหาสังคม ดังนั้น การนำเสนอภาพของพ่อแม่ฝ่ายสาวเจ้าก็เป็นไปตามโทนของหนัง คือเป็นมุขขำๆ อย่างเช่น เหตุผลของการที่พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกสาวกลับมาอยู่ด้วยอีก เนื่องจากรอมานานแล้วว่าจะได้ใช้ชีวิตหวานแหววของคู่แต่งงานกันใหม่อีกครั้ง เช้าวันอาทิตย์ก็เปลือยร่างเดินไปเดินมาในบ้านได้โดยไม่ต้องกลัวจะมาจ๊ะเอ๋กับลูกสาวให้เกิดความกระดากกระเดื่องกันทั้งสอง-สาม-หรือสี่ฝ่าย

และถ้าเห็นหน้าลูค วิลสัน ที่เล่นเป็นพ่อ แฟนหนังก็จะรู้ได้โดยปริยายว่านี่เป็นหนังเบาสมองแน่นอน ไม่ควรเอามาแบกหามไว้ให้หนักหัว

นาตาลีทั้งสองเวอร์ชั่นใช้ชีวิตคู่ขนานกันไป ผ่านประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปในการมีลูกและมีอาชีพการงานเป็นส่วนสำคัญของชีวิต มีความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันไป

ทว่า ท้ายที่สุดทั้งสองก็กลับมาเยี่ยมเยือนโรงเรียน ในเวลาเดียวกัน แต่ต่างกรรมต่างวาระ เหมือนอยู่ในโลกคู่ขนานที่เส้นทางเดินไม่ได้กลับมารวมกันอีก

อย่างไรก็ตาม ชีวิตของนาตาลีทั้งสองทางก็มีจุดที่ลงตัวของตัวเอง โดยใช่ว่าชีวิตแบบไหนจะดีกว่าแบบไหน

ซึ่งเป็นความหมายของหนังนั่นเอง ว่าไม่ว่าคนเราจะเดินทางไหน เราก็มีชีวิตที่ดีได้ •