ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (120) : คิดแบบผู้ชาย

ฟ้า พูลวรลักษณ์

เวลามีปัญหา คนเราคิดได้สองแบบ

คิดแบบผู้หญิง

คิดแบบผู้ชาย

บางครั้งเวลามีปัญหา ฉันฟังกลุ่มผู้หญิงคุยกัน ฉันอดพิศวงไม่ได้ เพราะการมองปัญหาของเราไม่เหมือนกันเลย

แต่แน่ละผู้ชายบางคนก็คิดแบบผู้หญิงได้ และผู้หญิงบางคนก็คิดแบบผู้ชายได้

มันตัดสินกันที่ความแคบกว้างของความคิด ความลึกของหลักการ

ฉันมองปัญหาอย่างเรียบง่าย คงเพราะฉันคิดแบบผู้ชาย ตรงไปตรงมา เช่น หากฉันจะเลือกพรรคการเมือง ฉันจะคิดว่าประชาชนคนไทยแต่ละคนจะได้อะไร สมมติพรรคเพื่อไทย ทำให้คนไทยแต่ละคนได้ 40 ล้านบาท ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ทำให้คนไทยแต่ละคนได้ 20 ล้านบาท ฉันก็จะเลือกพรรคเพื่อไทย

หรือในทางกลับกัน หากฉันคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำให้คนไทยแต่ละคนได้ 40 ล้าน พรรคเพื่อไทยทำให้คนไทยแต่ละคนได้ 20 ล้าน ฉันก็จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์

มันคิดง่าย เพราะเงินสิบหมื่นเป็นหนึ่งแสน สิบแสนเป็นหนึ่งล้าน ข้อดีของเงินคือมันเป็นวัตถุ นับได้ง่าย มองได้ง่าย

หากมีแผ่นชีตให้คะแนน คงมีเพียงไม่กี่บรรทัด แบ่งออกเป็น

ผลประโยชน์ที่คนไทยแต่ละคนจะได้

คะแนนเรื่องคอร์รัปชั่น

คะแนนเรื่องศีลธรรม

คะแนนเรื่องความสงบสุข

บรรทัดที่สำคัญยังคงเป็นบรรทัดแรก ที่ตัดสินกันที่การทำงาน ตัดสินกันแค่ว่าใครทำงานเป็น ใครทำงานเก่ง และใครทำงานเร็ว

ความเร็วมีความสำคัญเป็นอันมาก มันคือเงิน

หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ฉันก็ไม่สนใจว่าทักษิณกับคณะจะได้ผลประโยชน์มากหน่อย เพราะเป็นเรื่องธรรมดา คนบริหารก็จะได้มากหน่อย ฉันสนใจแต่ว่าคนไทยแต่ละคนจะได้อะไรมากกว่า ทักษิณกับคณะจะได้อะไร ฉันไม่สนใจ นี้คือความไม่จุกจิก เงินทอง ผลประโยชน์ ก็ต้องไปหาคนบางคนอยู่แล้ว เข้ากระเป๋าใครบางคน คำถามจึงมีเพียงว่า คนไทยแต่ละคนจะได้อะไร

มันเป็นวิธีคิดเรียบง่าย

สิบหมื่นเป็นหนึ่งแสน สิบแสนเป็นหนึ่งล้าน สี่สิบล้านก็นับได้ง่ายๆ

แต่มีคนจำนวนไม่น้อยคิดเรื่องแบบนี้ไม่เป็น น่าพิศวงยิ่งนัก

ฉันเชื่อว่าทักษิณไม่มีอนาคตในทางการเมือง เพราะมีคนเกลียดเขามาก หากเขาเป็นศูนย์ในจิตใจคนจำนวนมาก ยังพอหาเหตุผลมาคุยกันได้ แต่หากเขาติดลบในจิตใจคนจำนวนมาก ไม่มีเหตุผลใดจะคุยกันได้ เพราะไม่ว่าเขาจะคิดอะไร ทำอะไร ก็จะถูกมองเป็นลบหมด

มวลชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านเขา สาเหตุหนึ่งเกิดจากการถูกปลุกระดมขึ้นมาก็จริง

แต่อีกสาเหตุหนึ่งมาจากความรู้สึกติดลบนี้เอง พวกเขาลุกขึ้นมา เพราะพวกเขาเกลียดจริง

บรรทัดอื่นคงมีผลเพียงเล็กน้อย คะแนนเรื่องคอร์รัปชั่น เรื่องศีลธรรม หรือเรื่องความสงบสุข หากเอาเรื่องคอร์รัปชั่นมาจับ แต่ละพรรคการเมืองก็คงหนีไม่พ้นผิด ใครคอร์รัปชั่นมากกว่า คงตัดสินได้ยาก ศีลธรรมยิ่งตัดสินได้ยากกว่า เป็นนามธรรมเหลือเกิน กลับเป็นความสงบสุขที่น่าสนใจ มีผลพอสมควร

หากฉันเชื่อจริงๆ ว่าหากให้พรรคนี้บริหาร คนไทยแต่ละคนจะได้น้อยลง เช่น ได้คนละ 20 ล้านบาท แต่ประเทศชาติสุขสงบ ฉันก็อาจจะเลือกพรรคนี้

แต่การเชื่อจริงๆ นี้เป็นสิทธิของฉัน เป็นมุมมองของฉัน

ในโลกแห่งความเป็นจริง ฉันไม่เชื่อว่าพรรคไหนจะนำความสงบสุขมาได้มากกว่า ฉันว่ามันพอกัน มีผลประโยชน์เท่านั้นที่เป็นจริง จับต้องได้

มีแต่การทำงานเป็น การทำงานเร็ว ที่มีคุณค่า

หากถามฉันว่า รถไฟความเร็วสูงกับรถไฟช้า อันไหนดีกว่ากัน

ฉันเคยได้ยินคนหลายคนพูดว่ารถไฟความเร็วสูงดีกว่ามาก และเยาะเย้ย ถากถางรถไฟช้า

ฉันไม่เห็นด้วย รู้สึกความเห็นแบบนี้มากไป ผิดโดยไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน

ที่จริงรถไฟความเร็วสูงและรถไฟช้า มีข้อดีคนละแบบ ประเทศที่เจริญแล้ว ควรมีทั้งสองแบบ วิ่งเคียงคู่ขนานกัน

รถไฟความเร็วสูงดีสำหรับคนทำธุระ คนต้องการเดินทางไกล

รถไฟช้า ดีสำหรับคนท้องถิ่น ที่ต้องการลงสถานีเล็กๆ ตำบลเล็กๆ และดีสำหรับคนที่ไม่มีธุระ

ในโลกแห่งความเป็นจริง คนที่ไม่มีธุระมีน้อย ฉันเป็นคนหนึ่งที่ยกเว้น เพราะฉันเป็นนักคิด นักเขียน เป็นกวี ฉันจึงชอบรถไฟช้า เวลานั่งรถไฟช้า ฉันเหมือนนั่งยานเวลา เดินทางย้อนกลับไปหลายสิบปี สนุกดี

ยานเวลานี้ราคาถูกจัง ที่จริงการนั่งยานเวลา น่าจะราคาแพง แต่มันกลับกัน ยานเวลามักราคาถูก ได้เห็นวิวทิวทัศน์ ได้พิจารณาต้นไม้ใบหญ้า ได้สัมผัสชาวบ้าน คนท้องถิ่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีคุณค่าในทางจิตใจ

เวลาเดินทางในญี่ปุ่น ฉันชอบนั่งรถไฟช้ามาก เพราะฉันมาเที่ยว มาสัมผัสสิ่งมีชีวิตในญี่ปุ่นจริงๆ แม่น้ำลำคลอง หรือแม้แต่ตะไคร่น้ำ ก็น่ามอง มีสถานีเล็กๆ แปลกๆ มากมาย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่ เหมือนหลงเข้าไปในโลกแห่งความฝัน และคนท้องถิ่น ตัวเตี้ยนิดเดียว ซึ่งในเมืองใหญ่ เราไม่เจออีกแล้ว เคยได้ยินแต่ว่าคนญี่ปุ่นตัวเตี้ย แต่ในบางตำบลเล็กๆ ฉันยังเจอ เดินมาเป็นกลุ่มๆ เหมือนย้อนกาลเวลา

คุณลุงคุณป้า ตัวนิดเดียว เท่าตุ๊กตา

ฉันรักรถไฟช้า และนั่งได้ทั้งวัน เพราะมันสนุก ราคาถูก ในขณะที่รถไฟความเร็วสูง นอกจากความเร็ว การประหยัดเวลา การไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดแล้ว อย่างอื่นไม่มีคุณค่าเลย มองอะไรไม่เห็นเลย แม้จะพยายามเพ่งมองออกนอกบานหน้าต่าง ความเร็วที่มากไปนี้ มันทำให้ภาพสองข้างทางเบลอหายไปหมด หากไม่จำเป็น ฉันจะไม่นั่งเลย ฉันพยายามฝืน คิดว่าความเร็วระดับนี้น่าจะมองเห็นอะไรบ้างน่า แต่ผลคือ มันเร็วเกินไป ฉันมองอะไรไม่เห็นจริงๆ

ฉันเป็นคนไม่มีธุระ ไม่ควรเอาตัวฉันมาตัดสิน แต่คนท้องถิ่นที่ต้องทำธุระในตำบลเล็กๆ ก็ยังมีอยู่ ส่วนใหญ่ยากจน ดังนั้น รถไฟช้า จึงสะท้อนความมีเมตตาของรัฐบาล แสดงว่าพวกเขาคิดถึงความสะดวก ความจำเป็นของคนยากจน เพราะรถไฟช้ามักจะขาดทุน รถไฟความเร็วสูงกลับทำกำไรได้มาก เพราะราคาแพง มันคือเครื่องบินที่วิ่งบนดิน

ดังนั้น ประเทศที่เจริญแล้ว จึงควรมีทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟช้า วิ่งเคียงคู่ขนานกัน ด้วยเพราะมันดีคนละอย่าง

คนที่ประณามรถไฟช้า หลายคนกลับเป็นคนที่มีมนุษยธรรมสูง เขาทำไปเพราะลืมตัว เพราะที่จริงมันตรงข้ามกัน รถไฟช้าต่างหากที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ รถไฟความเร็วสูงสะท้อนความจำเป็นของยุคสมัย และสะท้อนความต้องการทางโลกวัตถุ ฉันไม่ได้ปฏิเสธสิ่งนี้ เพียงแต่เตือนว่ามันดีคนละแบบเท่านั้น

คำพูดเดียวกัน แต่เจตนาไม่เหมือนกัน หากศาลรัฐธรรมนูญ สะท้อนความดีของรถไฟช้า เพราะพวกเขาเป็นกวี ก็ไม่ผิดอะไร ซึ้งดีเสียอีก แต่ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

๑๐

เราเน้นที่ความสงบสุข แต่พรรคการเมืองไหนล่ะ รัฐธรรมนูญแบบไหนล่ะ ที่นำมาซึ่งความสงบสุข เราไม่มีคำตอบนี้ มันกลายเป็นเพียงข้ออ้าง กลายเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้ ทำให้ฉันเชื่อได้ ฉันก็เลือกคุณ ฉันเป็นคนหนึ่งที่เห็นคุณค่าของความสงบสุข มากกว่าเงินทอง

๑๑

เรามาคิดแบบผู้ชายดีกว่า เรียบง่าย ตรงๆ