‘จิ้งจอกสยาม’ หวนคืนพรีเมียร์ลีก งานหนักจบแล้ว งานยากกว่ารออยู่

ไทม์เอาต์ | จริงตนาการ

[email protected]

 

‘จิ้งจอกสยาม’ หวนคืนพรีเมียร์ลีก

งานหนักจบแล้ว

งานยากกว่ารออยู่

 

“จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ การันตีเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้แบบยังไม่จบฤดูกาล ถึงแม้ว่าช่วงท้ายอาจจะลุ้นกันเหนื่อย แต่ถือว่าบุญเก่าที่ทำไว้ดีตั้งแต่ช่วง 32 เกมแรก ทำให้ทีมจิ้งจอกสยามไม่ต้องลุ้นหนักมากกว่าที่เห็นกัน

ผลงาน 32 เกมแรก เลสเตอร์ชนะมาได้ 25 เกม นำจ่าฝูงแบบทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 12 คะแนน ดูเหมือนว่าเรื่องการเลื่อนชั้นไม่ใช่เป้าหมายอีกต่อไป เพราะถ้าเล่นได้แบบนี้ไปอีก 14 นัด การคว้าแชมป์ลีกรอง พร้อมทำลายสถิติต่างๆ

แต่หลังจากนั้นพวกเขาแพ้ 6 จาก 10 เกม ทำให้อิปสวิช ทาวน์ และลีดส์ ยูไนเต็ด ไล่ตามมาเรื่อยๆ จนมีช่วงหนึ่งที่ลีดส์แซงไปเป็นจ่าฝูงด้วยซ้ำ

เวส มอร์แกน อดีตกัปตันทีมเลสเตอร์ที่เคยพาทีมเลื่อนชั้นไปพรีเมียร์ลีก เมื่อ 10 ปีก่อน และเคยได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีม บอกว่า เดอะ แชมเปี้ยนชิพเป็นหนึ่งในลีกที่ยากที่สุดในโลก และเลสเตอร์เจองานยากกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว ทั้งๆ ที่ฟอร์มการเล่นก่อนหน้านี้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็มีช่วงที่หยุดยาวๆ ให้เห็นเหมือนกัน

สถิติที่คาดกันว่าเลสเตอร์น่าจะทำลายได้ คือ คะแนนรวม 46 เกม ที่เรดดิ้งเคยทำไว้สูงสุด 106 คะแนน ในฤดูกาล 2005-2006 แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว

 

เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือจิ้งจอกสยาม เคยเป็นผู้ช่วยของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าทริปเปิลแชมป์ เมื่อฤดูกาลก่อน แล้วแยกตัวเองมาเป็นกุนซือใหญ่ของเลสเตอร์ ซึ่งเขาเองก็เอาแนวทางของเป๊ปมาปรับใช้กับทีมเช่นกัน นั่นคือการครองบอลที่เหนือกว่าคู่แข่ง และสร้างโอกาสทำประตู แต่ก็ไม่ได้ถูกใจแฟนบอลเลสเตอร์ไปทั้งหมด

แฟนบอลบางส่วนออกมาวิจารณ์ว่า สไตล์การทำทีมของมาเรสก้าดูน่าเบื่อเกินไป พวกเขาอยากเห็นการบุกที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้

ฮัมซ่า ชูดูรี่ กองหลังเลสเตอร์บอกว่า การมาของมาเรสก้าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นไปมาก เน้นไปที่การเล่นฟุตบอลเพื่อความสำเร็จเป็นหลัก เหมือนที่แมนซิตี้, อาร์เซนอล, ไบรท์ตัน, เลเวอร์คูเซ่น มาเรสก้าไม่ได้ใช่แค่สิ่งที่เรียนรู้มาจากแมนซิตี้เท่านั้น แต่มาจากสมัยที่เขาเล่นฟุตบอลมา ทั้งกับยูเวนตุส, เซบีย่า, โอลิมเปียกอส และอีกหลายทีมในอิตาลี

นักเตะของทีมในฤดูกาลนี้ก็เป็นองค์ประกอบหลักในการพาทีมประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะเหล่านักเตะประสบการณ์ที่ไม่ได้ย้ายไปไหนแม้ทีมจะตกชั้นมา *เจมี่ วาร์ดี้* กองหน้าวัยเก๋า รวมทั้ง เคียร์แนน ดิวสบิวรี่-ฮอลล์ มิดฟิลด์ที่จรัสแสงกับทีมอย่างมากในฤดูกาลนี้

อับดุล ฟาตาวู กองหน้าที่ยืมตัวมาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน สเตฟี่ มาวิดีดี้ ปีกที่ซื้อมาจากมงต์เปลลิเย่ร์ แฮร์รี่ วิงก์ส ที่ได้มาจากท็อตแนม ฮอตสเปอร์ รวมทั้ง แมดส์ เฮอร์มันเซ่น นายทวารที่ดึงตัวมาจากบรอนด์บี้ ต่างทำผลงานพึ่งพาได้

 

ถ้าจะบอกว่าการฉลองของเลสเตอร์ในการเลื่อนชั้นนั้นควรจบให้เร็วที่สุด เพราะการกลับไปลุยพรีเมียร์ลีกยิ่งเป็นงานยากกว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ที่พวกเขาดิ้นรนเพื่อจะการันตีการเลื่อนชั้นให้ได้ เพราะการต่อสู้เพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในลีกสูงสุดนั้นเหนื่อยกว่าเยอะมาก

นอกจากนั้น การที่เลสเตอร์เคยถูกพรีเมียร์ลีกตั้งข้อหาผิดกฎกากำไรและความยั่งยืนในช่วงที่อยู่ในลีกสูงสุดนั้น แต่มาชนะจากการฟ้องศาลไม่ให้ถูกตัดแต้มในซีซั่นนี้ เพราะเป็นคนละลีกกับพรีเมียร์ลีก อาจจะมีผลย้อนหลังเมื่อเลื่อนชั้นกลับไปแล้วหรือไม่

เลสเตอร์เคยประสบความสำเร็จในอดีตมาแล้ว ด้วยการเป็นทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ แฟนบอลจิ้งจอกน่าจะอยากเห็นวันเวลาแบบนั้นอีกครั้ง

แต่สำหรับฤดูกาลหน้า การอยู่รอดปลอดภัยน่าจะเป็นเป้าหมายหลัก หลังจากนั้นค่อยมาสะสมขุมกำลังสร้างความสำเร็จกันต่อไป

สู้ๆ นะ จิ้งจอกสยาม