ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 มีนาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | การเมืองวัฒนธรรม |
ผู้เขียน | เกษียร เตชะพีระ |
เผยแพร่ |
การเมืองวัฒนธรรม
เกษียร เตชะพีระ
เพื่อครองโลก
: 3) สถานะทางทหารและยุทธภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกากับจีน
จีนเป็นอภิมหาอำนาจมารุ่งพุ่งแรงที่กำลังแซงขึ้นชิงอำนาจความเป็นเจ้าในโลกเหนืออเมริกาโดยเฉพาะทางเศรษฐกิจ เชื่อว่าจีนน่าจะกลายเป็นชาติใหญ่ที่สุดทางเศรษฐกิจของโลกแทนที่อเมริกาได้ในปี ค.ศ.2030 ตามการประเมินล่าสุดต้นปีนี้โดย The Centre for Economics and Business Research ของสหราชอาณาจักร ซึ่งสอดรับกับการประเมินของบริษัทประกันสินเชื่อ Euler Hermes https://www.voanews.com/a/chinas-economy-could-overtake-us-economy-by-2030/6380892.html)
อาศัยกำลังมหาศาลทางเศรษฐกิจดังกล่าว จีนยังกำลังทุ่มทุนสร้างแสนยานุภาพโดยเฉพาะทางนาวีขึ้นมาให้กวดใกล้ไล่ทันอเมริกาด้วย (ดูแผนภูมิประกอบ)
ทว่า เอาเข้าจริง จีนมีประสบการณ์สงครามและการแทรกแซงทางทหารยุคใกล้น้อยกว่าอเมริกามาก ครั้งสุดท้ายที่จีนรบใหญ่คือสงครามกับเวียดนามเมื่อ 43 ปีก่อน (https://artsandculture.google.com/entity/m02mvwd?hl=th) ขณะที่อเมริกาทำสงครามและปฏิบัติการทางทหารต่อเนื่องมาตลอดไม่หยุดจวบจนปัจจุบัน ไม่ว่าในปานามา กรีเนดา ลิเบีย อัฟกานิสถาน อิรัก คาบสมุทรบอลข่าน เยเมน โซมาเลีย ปากีสถาน
มิหนำซ้ำ แม้จีนกำลังจัดสร้างท่าเรือ 40 แห่งเรียงรายตลอดแนวชายฝั่งรอบภาคพื้นทวีปยูเรเชียไป จรดชายฝั่งทวีปแอฟริกาตามโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) แต่อเมริกาก็มีฐานทัพและ “แท่นใบบัว” (lily pads อันเป็นศัพท์เกลื่อนคำ หมายถึงที่ตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารตามข้อตกลงร่วมมือด้านความมั่นคงกับนานาประเทศรวมทั้งไทย) กระจายกว้างทั่วโลกชนิดที่ไม่มีประเทศไหนเทียมทัน (ดูแผนที่ประกอบ)
การที่จีนจะวัดรอยเท้าทางทหารกับอเมริกาจึงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์อัลเฟรด แม็กคอย แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน ชี้ว่าเบี้ยบนทางทหารของอเมริกาเหนือจีนถูกลดทอนลงด้วยปัจจัย 2 ประการ ได้แก่ : (https://www.democracynow.org/2021/11/16/us_china_meet_in_virtual_summit)
1) 20 ปีหลังนี้ ปฏิบัติการทางทหารส่วนใหญ่ของอเมริกาพุ่งเป้ารวมศูนย์ไปที่ภูมิภาคตะวันออกกลาง ตามตรรกะยุทธศาสตร์ที่มุ่งประกันความมั่นคงและการให้อเมริกันได้เข้าถึงแหล่งน้ำมันหลักของโลกที่นั่นอย่างสัมบูรณ์
ทว่า น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงที่กำลังจะตกยุคและถูกข้ามพ้นไปเนื่องจากภาวะโลกร้อนเหมือนที่ไม้ฟืนและถ่านหินได้ประสบ กล่าวในแง่นี้ อเมริกาได้ทุ่มงบประมาณไปถึง 8-10 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อประกันให้ได้มาซึ่งสินค้าพลังงานที่ในระยะยาวแล้วจะลงไปกองอยู่ในถังขยะประวัติศาสตร์อย่างไม่มีอนาคต
สักวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อมีการเขียนประวัติศาสตร์จักรวรรดิอเมริกาขึ้นมาหลังมันถึงแก่อายุขัยในปี ค.ศ.2030 นี่น่าจะถูกถือเป็นการคำนวณผิดอย่างฉกรรจ์ทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่หลวงที่สุดของประเทศนี้
2) พึงเข้าใจว่าการขยายแสนยานุภาพทางนาวีด้านหลักแล้วไม่ใช่เพื่อเข้าสู่การรบพุ่งขัดแย้งโดยตรง หน้าที่ของกำลังทัพเรือในประวัติศาสตร์ 500 ปีแห่งเกมอำนาจของนานาจักรวรรดินั้น เอาเข้าจริงไม่ใช่เพื่อทำสงครามล้วนๆ แต่ด้านหลักแล้วมันมีไว้ถักทอเครือข่ายเส้นทางลาดตระเวนในมหาสมุทรและทะเลเปิดทั้งหลายอันเป็นสาธารณะสมบัติของโลกให้อยู่ภายใต้การครอบงำควบคุมคุ้มกันทางยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจที่กำลังผงาดขึ้นครองความเป็นเจ้าในระดับโลกต่างหาก ทั้งนี้ รวมถึงแร่ธาตุทรัพยากรทรงคุณค่าใต้ทะเลและการประมงใต้ผิวน้ำด้วย
แน่นอน จีนก็กำลังทำอย่างเดียวกัน นั่นคือถักทอเครือข่ายเส้นทางลาดตระเวนทางน้ำและอากาศ ครอบคลุม “สายโซ่หมู่เกาะสายแรก” (the first island chain) โดยสร้างฐานทัพบนเกาะ 7 แห่งในหมู่เกาะสแปรตลีย์ของทะเลจีนใต้เข้าไปจรดทะเลจีนตะวันออกเพื่อผลักดันเขตอิทธิพลใต้การควบคุมของอเมริกาให้ถอยห่างออกไป
ผู้ชนะสงครามในอัฟกานิสถานคือจีน
แม็กคอยยังเห็นว่าจีนเป็นผู้ชนะสงครามในอัฟกานิสถานด้วยโดยไม่ต้องเสียกระสุนแม้แต่นัดเดียว ขณะที่อเมริกากลับเป็นฝ่ายหนียะย่ายพ่ายจะแจออกมาหลังทุ่มทุนไปร่วม 8 ล้านล้านดอลลาร์โดยไม่ได้อะไรเลยนอกจากแผลสงคราม (https://tomdispatch.com/the-winner-in-afghanistan-china/)
ทั้งนี้ เป็นไปตามยุทธศาสตร์โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ที่ประธานสีจิ้นผิงประกาศเมื่อ ค.ศ.2013 และดำเนินการมาตลอด นั่นคือแปรภาคพื้นทวีปยูเรเชียอันกว้างไพศาลให้กลายเป็นตลาดหนึ่งเดียวที่เชื่อมต่อกันโดยโครงสร้างพื้นฐาน
ปัญหาอยู่ตรงอัฟกานิสถาน ซึ่งเปรียบเหมือนรูโหว่ตรงกลางของขนมโดนัท อันได้แก่ เครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติขนาดมหึมาที่ตัดผ่ากลางภูมิภาคเอเชียกลาง ทำให้จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถเชื่อมต่อเอเชียกลางลงล่างไปยังปากีสถานและอินเดียซึ่งขาดแคลนพลังงานได้
ที่ผ่านมา สิ่งที่จีนทำก็คือ :
– วางท่อส่งก๊าซธรรมชาติไว้ทางเหนือของอัฟกานิสถาน
– สร้างระเบียงเศรษฐกิจปากีสถาน-จีนไว้ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน
– ทำข้อตกลงเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลกับอิหร่านเพื่อสร้างทางรถไฟและท่อส่งก๊าซทางตะวันตกของอัฟกานิสถานเมื่อปีที่แล้ว
นั่นแปลว่าในทางปฏิบัติจีนได้โอบล้อมอัฟกานิสถานไว้เรียบร้อยแล้วด้วยเส้นทางเหล็กกล้า แค่รอให้อัฟกานิสถานสุกงอมหล่นลงมาใส่มือจีนเท่านั้นเองโดยมิพักต้องลั่นกระสุนปืนแม้แต่นัดเดียว
ดังปรากฏว่าหนึ่งเดือนก่อนทาลิบันยึดอำนาจกลับคืนได้ในอัฟกานิสถาน กลุ่มทาลิบันได้ส่งคณะผู้แทนระดับสุดยอดไปจีน เข้าพบกับหวังอี้ รมว.ต่างประเทศของจีนและหารือรายละเอียดข้อตกลงที่ทางการทาลิบันจะส่งเสริมและอนุญาตให้จีนมาลงทุนในประเทศต่อไป
รางวัลเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่ในอัฟกานิสถานที่รอจีนอยู่ได้แก่แร่ธาตุหายาก (rare earth minerals) ซึ่งบรรดานักธรณีวิทยาประเมินว่ามีมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แร่ธาตุดังกล่าวสำคัญไม่เพียงต่อจีน หากต่อเศรษฐกิจโลกด้วย เพราะมันจำเป็นสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมอันจะเป็นตัวขับเคลื่อนการขนส่ง และแหล่งพลังงานสำรองต่อไปภายหน้าเมื่อโลกขยับเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปใช้เชื้อเพลิงพลังแสงอาทิตย์แทน
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)