ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : จงพลิกแพลง / อุรุดา โควินท์

 

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: จงพลิกแพลง

 

เพิ่งรู้ตอนเก็บของเข้าตู้เย็น ว่าแม่ค้าผักลืมหยิบแคร์รอตใส่ถุงมาให้ ฉันเซ็งมาก เราจะทำสตูผักยังไง ขาดแคร์รอตมันจะอร่อยมั้ย

อากาศหนาวอย่างสม่ำเสมอ หนาวทั้งวัน ฉันอยากกินอาหารที่ทำให้อุ่นท้อง แกงจืด ซุป ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม

สตูผักเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ฉันอยากทำมาหลายวัน ตั้งใจไปตลาดเพราะเหตุนี้

“แม่ค้าขายผักเจ้านี้น่ะ สามหนแล้วนะ ชวนคุยนู่นนี่ไม่หยุด แล้วก็หยิบของที่เราเลือกไม่ครบ เราจะเอาผัก ก็ชวนซื้อไข่ ชวนไปชวนมา ลืม” ขอบ่นหน่อยเถอะ

“เดี๋ยวกลับไปซื้อให้” เขาบอก

เขาคงรู้สึกผิด เพราะฉันบอกให้เขาจ่ายเงินค่าผัก ดูผักที่ฉันเลือกให้ครบ ส่วนฉันเดินไปซื้อปลาให้หมา มันเป็นความจริงที่ว่า ถ้าฉันรออยู่ที่แผงผักย่อมได้ผักครบ เพราะฉันจะตรวจของก่อนออกจากแผง แต่ก็นั่นล่ะ เพราะฉันใจร้อน อยากรีบจ่าย รีบกลับบ้าน จึงแยกตัวไปหาแม่ค้าปลา

เป็นเพราะฉันด้วย

รู้ทั้งรู้ว่าแม่ค้าไม่ค่อยมีสมาธิ ฉันควรอยู่รอเธอจัดของ

“ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวดูว่าทำอะไรได้บ้าง อยากกินร้อนๆ น่ะ ขอให้ร้อน” ฉันว่า

“กินแกงจืดกับข้าวก็อร่อยนะ” เขาบอก

แต่วันนี้ฉันอยากกินสตูผัก มีขนมปังที่เพิ่งได้มาใหม่ เราไม่รอแล้ว

“ต้องพลิกแพลงได้สิ ไม่มีแคร์รอตก็ทำได้” ฉันว่า

“แต่ทุกครั้งที่กิน เค้าก็ใส่แคร์รอตกัน อาหารอุซเบก มีแคร์รอตทั้งนั้น”

เราจะไม่ใส่ และมันจะอร่อย ฉันคิด

 

ฉันชอบสตูผักมาก เพราะหนึ่งหม้อมีครบ ทั้งเนื้อสัตว์ ผักหลายชนิด และที่ฉันรักที่สุดคือเครื่องเทศ

เครื่องเทศทำให้ฉันรู้สึกอุ่น ทั้งร่างกายและจิตใจ อาหารที่มีกลิ่นเครื่องเทศหลากชนิดเปรียบเสมือนมือที่ค่อยลูบหลัง ลูบไหล่ ให้กำลังใจฉัน

สตูผักจะอร่อยขึ้น ถ้าเราใช้เนื้อวัวส่วนที่ติดกระดูก แต่เราหาไม่ได้เลย ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะใช้ไก่ถูกกว่ามาก

ไก่เป็นโปรตีนราคาเบาที่สุด ต่อให้ขยับขึ้นมาบ้าง ก็ยังถูกกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น เราควรคิดถึงไก่ให้บ่อยขึ้น

ฉันใช้ส่วน 3 ขาใหญ่ สับเป็นชิ้นใหญ่รอไว้

มีหอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง มะเขือเทศ พริกระฆัง และกะหล่ำปลี โชคดีที่แม่ค้าไม่ลืมกะหล่ำปลี เพราะคงไม่มีอะไรแทนกะหล่ำปลีได้ แถมยังเป็นผักที่เราใช้เยอะสุดด้วย

หอมใหญ่ฉันใช้ 4 หัว

มะเขือเทศ 5 ลูก กับมะเขือเทศ ถ้าอยากให้มีรสเปรี้ยวจะใส่มากกว่านี้ก็ได้

ที่ต้องระวังคือมันฝรั่ง ไม่ควรใส่เยอะ เพราะจะไม่อร่อย ไม่สมดุลกับผักอื่น มันฝรั่งเป็นผักชนิดเดียวที่ใส่ลงหม้อเท่าไรก็เหลือเท่าเดิม ไม่หดตัว ไม่ยุบ ฉันใช้สองหัวพอ

พริกระฆังใส่ให้มีกลิ่น และมีสีสัน ฉันเลือกสีเหลือง เพราะมีสีส้มของมะเขือเทศแล้ว ใช้หนึ่งหัวใหญ่

กะหล่ำปลีใช้หนึ่งหัวเต็มๆ หนักๆ ไม่ต้องกลัวเยอะไป เพราะมันจะยุบลงอย่างน่าตกใจ

กะหล่ำปลีทำให้สตูนี้แตกต่างจากสตูอื่น จัดการหั่นชิ้นใหญ่ๆ และลอกออกทีละชั้น

 

ฉันตัดสินใจใส่เห็ดแชมปิญองแทนแคร์รอต อยากลอง เพราะเห็ดสดมาก นานๆ ทีจะเห็นมีขายในตลาด

ผักทุกชนิดหั่นชิ้นใหญ่ยกเว้นเห็ด ฉันใส่ลงไปเลยไม่หั่น

เครื่องเทศ ใช้ยี่หร่า เม็ดผักชี พริกไทยดำ ปริก้า อย่างละพอๆ กัน ฉันหนักยี่หร่าหน่อย เพราะชอบกลิ่นของมันเป็นพิเศษ

ตำยี่หร่า เม็ดผักชี และพริกไทยดำให้แตกเม็ดสักนิด ใส่ถ้วยเตรียมไว้

ตั้งหม้อก้นหน้า ใบใหญ่สุดที่มีอยู่ เทน้ำมันลงไปหน่อย ใช้ไฟแรง รอน้ำมันร้อน เอาไก่ลงไปจี่ให้หนังสีสวยทั้งสองด้าน เบาไฟลง ใส่หอมหัวใหญ่ลงไปผัด โดยโรยเครื่องเทศด้วยนิดหน่อย

ผัดพอให้สะดุ้งไฟ แล้วเบาไฟอ่อนสุด ใส่ผักทุกชนิดลงหม้อ เริ่มด้วยมันฝรั่ง มะเขือเทศ พริกระฆัง เห็ด โดยโรยเครื่องเทศ โรยเกลือด้วย

กะกล่ำปลีให้อยู่บนสุด โรยเครื่องเทศอีกครั้ง เกลืออีกหน่อย วางใบกระวานสองใบ ผักชีลาวสามสี่ช่อ เติมน้ำสะอาดหนึ่งถ้วยตวง ปิดฝาหม้อให้แน่น

ตุ๋นไว้แบบนั้น 45-60 นาที ใช้ไฟอ่อนสุด ผักจะยุบเหลือไม่ถึงครึ่งหม้อ ค่อนข้างเละ มีน้ำขลุกขลิก น้ำสตูจะออกไปทางแดง เพราะใส่ปาปริก้า

ก่อนปิดเตาควรชิม ถ้ารสยังอ่อน เติมเกลือตอนนี้ได้

 

ฉันพบความแตกต่างบางอย่าง ถึงกับต้องวิ่งไปเรียกเขามา

“มันเหมือนเราใส่นมหรือไม่ก็ครีมนะ” เขาว่า

“ใช่ มันนวล อร่อยขึ้นเฉยเลย เพราะเห็ดน่ะ”

เขาตักชิมอีกที คราวนี้ตักเห็ดด้วย “โคตรอร่อย”

“เห็นม่ะ ไม่มีแคร์รอตก็ได้ เห็ดนี่ ถ้าเจอ เราต้องใส่ทุกครั้งเลยโนะ”

เราช่วยกันจัดโต๊ะ ซึ่งมันง่ายมาก มีขนมปัง มีเนย ยกหม้อสตูไปตั้งที่โต๊ะก็จบ กินสตูตอนร้อนๆ คือดีที่สุด

เขาเอาขนมปังจิ้มสตูเข้าปากเคี้ยว “อืม…หอมเครื่องเทศ เหมือนอยู่อุซเบก แต่อร่อยกว่า”

แม่ค้าผักลืมแคร์รอต ทำให้เราได้กินสตูอร่อยขึ้น ฉันต้องขอบคุณเธอสินะ