เปิดโรดแม็ปปีสุดท้าย ‘บิ๊กปั๊ด’ สะท้อนผ่านแบ่งงานรอง ผบ.ตร. ลุยโจรไซเบอร์-ศูนย์บำบัดยา/โล่เงิน

โล่เงิน

 

เปิดโรดแม็ปปีสุดท้าย ‘บิ๊กปั๊ด’

สะท้อนผ่านแบ่งงานรอง ผบ.ตร.

ลุยโจรไซเบอร์-ศูนย์บำบัดยา

 

ครบ 1 ปี การคุมบังเหียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

“บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แถลงผลงานความสำเร็จที่โดดเด่นในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจ และการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน ได้แก่ ติดตั้งซีซีทีวี, อบรมพัฒนาประสิทธิภาพผู้ปฏิบัติงานสายป้องกันปราบปราม, โครงการ SMART SAFETY ZONE 4.0, แก้ปัญหายาเสพติด, การลงนามข้อตกลงประสานความร่วมมือเพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561, โครงการจัดการพลังงานในองค์กรด้วยระบบดิจิตอล, การดูแลสวัสดิการตำรวจ บ้านพักสวัสดิการตำรวจ, การพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบด้วย HRD BLUEPRINT และการแก้หนี้สินตำรวจ

2 ตุลาคม 2564 “บิ๊กปั๊ด” ประชุมมอบนโยบายระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. 515 นาย กำหนดแนวทางขับเคลื่อนงานพัฒนาองค์กร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565

โดยกล่าวขอบคุณตำรวจทุกระดับชั้น และบอกว่าที่ผ่านมา 1 ปี มีการปรับเรื่องการบริหารงานหลายอย่าง ภารกิจหลักที่จำเป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) อันดับ 1 คือ ภารกิจอารักขาและรักษาความปลอดภัยองค์พระประมุข และการดูแลปกป้องสถาบัน การดูแลงานจิตอาสา โดยเฉพาะในช่วงเกิดอุทกภัยเข้าไปแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือดูแลประชาชน

พร้อมให้เห็นถึงการเดินหน้าสร้างผลงานปีสุดท้ายว่า จะต้องเพิ่มความเข้มข้นปราบปรามการกระทำผิดที่ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงเฟกนิวส์ด้วย

 

“บิ๊กปั๊ด” ชี้ว่า นอกจากการปราบปรามแล้ว แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.ปอท.) กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ต้องให้ความรู้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมไซเบอร์

โดยจะสร้างศูนย์ปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ใช้แม่แบบของศูนย์จากโรงเรียนเอฟบีไอ เพราะโลกอนาคตการกระทำผิดเหล่านี้จะมีเพิ่มมากขึ้น

และอีกอาชญากรรมที่จะเน้นปราบคือยาเสพติด ที่ผ่านมาจับผู้ต้องหาประมาณ 3 แสนราย มีครึ่งหนึ่งเป็นผู้เสพ จึงนำเสนอรัฐบาลว่า ตำรวจพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหานี้ แต่คงต้องมีหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการสร้างสถานบำบัดอย่างเป็นระบบ การบำบัดมีทั้งชุมชนบำบัดและในสถานพยาบาล วิธีการบำบัดก็ต้องเอาวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นตัวนำ

ในปีงบประมาณนี้จะเน้นวิธีการชุมชนบำบัด คืนคนเลิกยาเสพติดสู่สังคม จะเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จ

 

ส่วนคดีความมั่นคงที่ผ่านมาทั้งปี พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า มีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่อง มีคนถามว่าเมื่อไหร่จะเลิกกันเสียที ขอเรียนตรงๆ ว่า ก็ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ ตำรวจเป็นผู้แก้ปัญหาปลายเหตุ แต่ไม่ใช่จะทำอะไรไม่ได้เลย แต่การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ ที่สำคัญที่สุดต้องไม่เป็นคนสร้างเงื่อนไขเอง และต้องรู้จักใช้กฎหมายอย่างมีศาสตร์และศิลป์ รู้จักถึงความพอดี ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแต่ก็ต้องทำ ประชาชนไม่ได้คาดหวังให้ตำรวจดูแค่กฎหมาย แต่มากกว่านั้น ซึ่งเราก็ต้องทำให้ได้

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับการการพัฒนาข้าราชการตำรวจ คณะทำงานด้านสอบสวน งานจราจร งานป้องกันและปราบปราม ได้ร่วมกันสร้างมาตรฐานวิชาชีพ จะออกกติกา หากสอบไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในสายงานต่างๆ จะมีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งจะออกมาเป็นกฎ ก.ตร. เช่นเดียวกับปลายปี 2565 รองสารวัตรที่ไม่ผ่านงานสอบสวน 3 ปี ไม่มีสิทธิเป็นสารวัตรในโรงพัก เว้นแต่มีบทเฉพาะกาลให้ไปสอบ เพราะต้องการรักษาคนสายงานสอบสวนให้อยู่ในสถานีตำรวจ

ขณะเดียวกัน ตำรวจที่ทำผิดเดินออกนอกลู่นอกทางในปีนี้ กำลังจะหาดาบสักเล่มหนึ่งให้จเรตำรวจแห่งชาติมีอำนาจให้คุณให้โทษแก่ข้าราชการตำรวจได้เลย โดยไม่ต้องมาถึงมือ ผบ.ตร.

 

สําหรับการเดินงานนโยบายปีที่ 2 “บิ๊กปั๊ด” มีรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ช่วยขับเคลื่อน ดังนี้

“งานบริหาร” มอบให้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ศปปง.ตร.) และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)

“งานสืบสวนสอบสวน” มอบให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื่อเพลิง (ศนม.ตร.), ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ (ศปจร.ตร.) และศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง (ศปอร.ตร.)

“งานกฎหมายและคดี” มอบให้ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบหัวหน้าศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง (ศตปค.ตร.), ศูนย์บริหารงานสอบสวนคดีอาญา (ศส.ตร.)

“งานกิจการพิเศษ” มอบให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ศปลป.ตร.), ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (ศปน.ตร.)

พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและคนเข้าเมือง (ศปชก.ตร.)

 

ส่วน รอง ผบ.ตร.ที่คาดหมายจะได้รับไม้ต่อจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์หลังเกษียณปี 2565 คือ

“บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เกษียณราชการปี 2566 ได้รับความไว้วางใจดูหน้า “งานความมั่นคง” เป็นปีที่ 2 รับผิดชอบหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.), ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง (ศปข.ตร.), ศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.), ศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.ตร.), ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) (ศบตอ.ตร.)

เมื่อย้อนประวัติศาสตร์ของรอง ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงานมั่นคง ได้ก้าวขึ้นสู่รหัส “พิทักษ์ 1” เช่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จึงถือว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์มีโปรไฟล์เหมาะแคนดิเดต ผบ.ตร.

รอง ผบ.ตร.ที่น่าจับตามองอีกราย “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เกษียณราชการปี 2567 รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปราม และเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ (ศปทส.ตร.), ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.), ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพดส.ตร.) และศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม (ศปป.ตร.)

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของนโยบายปีแรก สู่การขับเคลื่อนปีที่ 2 คงทำให้เห็นปัญหาอาชญากรรมได้รับการแก้ไขแค่ไหน?