‘โทนี่’ เปิดอก เปิดเบื้องหลัง ‘อดีต’ รัฐประหาร 2549

หมายเหตุ : บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกวันที่ 17/09/2021

 

ความขัดแย้งทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากความขัดแย้งในโลกสากลนั้น ต้องทำผ่านกติกา ผ่านกรอบข้อตกลงทางการเมืองของสัญญาประชาคม เมื่อมีการละเมิดกติกาเกิดขึ้น สัญญาประชาคมในสังคมก็หมดลง กติกาบ้านเมืองตกอยู่ภายใต้การกำกับของคนกลุ่มเดียว

ดังเช่นการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก็นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทย จนทำให้เกิดปัญหาการเมืองยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน

ในภาพการเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมือง วันดังกล่าวมีการนัดจัดคาร์ม็อบครั้งใหญ่กลางกรุง เพื่อหวังแสดงพลังให้ผู้กุมอำนาจเห็นกระแสไม่เอารัฐบาล

ส่วนในภาพการเคลื่อนไหวทางความคิด โทนี่ วู้ดซัม หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บุคคลผู้ถูกคณะรัฐประหารช่วงชิงอำนาจ ได้ร่วมเสวนาในคลับเฮาส์ CARE Talk x CARE ClubHouse ในตอน “อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของการเมืองไทย : แล้วอนาคตของเยาวชนไทยจะเป็นอย่างไร”

 

ช่วงหนึ่ง โทนี่ได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน โดยระบุว่า แม้จะมีความนิยมดี แต่ก็ทานไม่อยู่ จนสุดท้ายก่อนปฏิวัติ วันนั้นแทบจะทำอะไรไม่ได้ เป็นนายกฯ ที่มีเสียงในสภาเยอะ พอได้ 377 เสียง กลายเป็นปัญหา มีคนไปปล่อยข่าวสารพัดเรื่อง ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกันเลย ก่อนหน้าจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีการพยายามลอบฆ่าหลายรอบ ก็มารู้ทีหลังว่า มีการให้การว่า “ต้องฆ่าให้ตาย ถ้าไม่ตายก็จะปฏิวัติ”

โทนี่เล่าต่อว่า “ผมก็ซื่อบื้ออีก คือ ผมรักงาน มีคนบอกผมและคุณหญิง ว่า ผมทำงานหนักแล้วนะ ให้ไปเมืองนอกหลายวันหน่อย ไปพัก ตอนนั้นจะเดินทางวันที่ 9 ก็ไปแวะทาจิกิสถาน และบินต่อไปฟินแลนด์ รุ่งขึ้นประชุม ASEM ประชุมอยู่ 2 วัน และประชุม NAM SUMMIT ที่คิวบา แล้วก็ประชุมยูเอ็นที่นิวยอร์ก มีช่วงว่างอยู่ 4-5 วัน ปกติผมจะกลับบ้านแล้วค่อยไปใหม่ แต่เพราะมีคนมาขอร้อง ผมก็เลยไปเลย ไม่ได้กลับ”

“ก่อนไป ผมก็เขียนประกาศสภาวะฉุกเฉินไว้ เซ็นไว้แล้ว ทิ้งไว้ที่หมอพรหมมินทร์ (เลิศสุริย์เดช) เลขาฯ และให้รองชิดชัย (วรรณสถิตย์) ผมดูประชุม ครม.ก็เห็นท่าไม่ดี จะสั่งให้ประกาศสภาวะฉุกเฉิน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พล.อ.ธรรมนัส อิศรางกูร ณ อยุธยา) ถูกพาไปซ่อนที่ไหนไม่รู้ สองคนนั้นไม่กล้าตัดสินใจ เลยประกาศไปได้แค่ครึ่งเดียว มิ่งขวัญ (แสงสุวรรณ์) ถูกจี้ เขาปิดทีวี ไม่ได้อ่าน เลยประกาศไม่ทัน

โทนี่กล่าวต่อว่า หลังจากปฏิวัติ จึงทำให้ขาดการสั่งการ เครื่องบินก็กลับไม่ได้ ถ้ากลับมาได้ก็สนุกแน่ แต่เครื่องบินการบินไทยถูกไม่ให้ขึ้น ซึ่งครั้งนั้นถ้าประกาศได้ ผมก็กลับมาเลย ผมเคยถามสนธิ บุญยรัตกลิน เล่นๆ ว่า ถ้าผมอยู่ท่านกล้าปฏิวัติไหม ท่านไม่กล้า ท่านรู้ผมเป็นคนกล้า command ผมเป็นคนที่ไม่ใช่คนบ้าระห่ำ แต่ไม่เคยกลัวตาย ผมเอาตัวเองไปเสี่ยงทุกเรื่อง กินไก่ ไปตรวจซาร์สไม่ใส่หน้ากาก ไปค่ายเสธ.แดงที่ใต้ ผมมีสติแต่ไม่กลัวตาย

“สิ่งที่ปฏิวัติครั้งนี้ ที่เสียใจที่สุด และเสียหายที่สุด คือ รัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุด ถูกฉีกไป รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย มองคนไทยเป็นคน ทำให้ผู้นำต้องดูแลประชาชน ทำให้ระบบการเมืองเป็นระบบที่ไม่มีการต่อรอง มีการต่อรองเมื่อไหร่ก็แจกกล้วย แล้วกล้วยมาจากไหนถ้าไม่โกง”

โทนี่ยังได้เปิดเผยว่า ขณะอยู่ที่นิวยอร์กนั้น ได้พบปะกับหลายคน อาทิ ลูกๆ ของทรัมป์ ทั้งโดนัลด์ อิวังกา และอิริก ที่สนใจจะมาลงทุนในไทย หลังจากนั้นไปอยู่ลอนดอน ก็ได้ซื้อทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่อยู่ได้ปีเดียว เพราะโดนอายัดเงินที่ไทย เลยไม่มีเงินซื้อตัวนักเตะ พอมีคนมาขอซื้อได้ราคา ก็เลยขาย เอาเงินไปลงทุนต่อ

 

ช่วงตอนหนึ่ง ได้มีคนสอบถามถึงเหตุผลที่ไม่เลือกตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

โดยโทนี่กล่าวว่า สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน สมมุติว่า ประเทศเอ รับผม ผมไปประเทศเอ ก็ไปในฐานะนายกฯ แต่ประเทศบี ไม่รับรอง ผมก็ไปไม่ได้ เพราะเขารับรองรัฐบาลทหาร ถ้าจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ต้องดูว่า มหาอำนาจ 5 ประเทศรับรองไหม แต่เราออกมาตัวคนเดียว เขาไม่ได้ประโยชน์อะไรกับเรา ก็ต้องคงสถานะประเทศไว้ก่อน เพราะเขาจะค้าขาย ผมอยู่กับที่ไม่ได้ ชอบเดินทาง ต้องการพบคนใหม่ๆ จะมีประเทศที่มีรับรองไม่กี่ประเทศ ไม่เอาประเทศเพื่อนบ้าน ก็รับรองผมไม่ได้ และไม่แนะนำให้รับรองด้วย เพราะจะเสียผลประโยชน์เขา ผมไม่แนะนำ

ผู้ร่วมเสวนารายหนึ่ง ได้เข้ามาสอบถามว่าในช่วงปฏิวัตินั้น ยังคิดจะสู้อยู่หรือไม่ เหตุใดจึงไม่ย้ายผู้บัญชาการทหาร แล้วจุดไหนที่คิดว่าเป็นจุดจบแล้ว

โทนี่กล่าวว่า จริงๆ ก็มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน คุมกำลังอยู่หลายจุด แต่รุ่นผมยังโตไม่ทัน บังเอิญว่า พล.อ.เรืองโรจน์ (มหาศรานนท์) เป็น ผบ.ทหารสูงสุด เราคิดว่าน่าจะคอมมานด์คนที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาได้ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น การย้ายทหารระดับนายพล ต้องเสนอโปรดเกล้าฯ ย้ายฉุกเฉินนั้น ไม่มีอำนาจตามสำนักนายกฯ นอกจากข้าราชการพลเรือน

“เราคิดว่าน่าจะคุมอยู่ น่าจะกลับทัน แต่มันมีเหตุฉุกเฉิน รมว.กลาโหมไปไหนไม่รู้ เขาเลยไม่กล้าตัดสินใจ ถ้าตัดสินใจเร็วกว่านั้น ผมคงบินกลับแล้ว แต่ไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องปะทะกัน เสียเลือดเสียเนื้อ”

ทั้งยังกล่าวว่า ทหารต้องยอมรับความเป็นประชาธิปไตย ไม่งั้นประเทศไปไม่ได้จริงๆ ผมเชื่อว่า วันนี้ทหารหลายคนไม่ได้แฮปปี้กับหัวหน้าคณะปฏิวัติคนนี้ เขาก็รักบ้านเมือง เขาเห็นแบบนี้ก็ไม่ชอบหรอก ผมเห็นไลน์กลุ่มทหาร บางแห่งก็ด่าแหลกเหมือนกัน

 

ทั้งนี้ ครูใหญ่ หรือนายอรรถพล บัวพัฒน์ จากกลุ่มขอนแก่นพอกันที ได้เข้ามาร่วมเสวนา สอบถามโทนี่ว่า ตอนที่นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ อยากผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นเหตุให้ กปปส.ออกมาเคลื่อนไหว สร้างเงื่อนไขทางการเมือง คิดว่าเป็นจังหวะก้าวที่พลาดหรือไม่

โทนี่ตอบว่า การปฏิวัติ 19 กันยายน เป็นการปฏิวัติที่ผู้ที่ปฏิวัติคิดว่าไม่จบ และจ้องจะทำให้มันจบอีกครั้ง ใครเปิดโอกาสก็ฟัดทันที ความจริงแล้ว การเลือกตั้งเที่ยวนั้น ประชาธิปัตย์กะว่าตัวเองจะมาเยอะกว่านี้ ภูมิใจไทยด้วย สองพรรครวมกันชนะเพื่อไทยแน่นอน พอไม่เป็นแบบนั้น ก็คิดปฏิวัติทันทีเหมือนกัน แต่ไม่ทัน เพราะคะแนนถล่มทลาย ทุกประเทศส่งจดหมายแสดงความยินดี เลยนั่งรอจังหวะ

“นายกฯ ปูไม่ทะเลาะกับใคร เลยอยู่ได้นาน และมาพลาดตอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถ้าเป็นคนอื่น โดนไปนานแล้ว”

ช่วงหนึ่ง โทนี่ได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า “ที่มีปัญหาเรื่องธรรมนัส มีคนปล่อยข่าวว่าผมใช้ 2,000 ล้านให้ธรรมนัส แต่ล้มไม่สำเร็จ ผมเลยแย่ คนอย่างผม หาเงินโดยเริ่มจากศูนย์ คิดเป็น ใช้เงินไม่โง่ สมมุติผมจะใช้เงิน 2,000 ล้าน คุณประยุทธ์หายไป 28 เสียงหลุด 2,000 ล้าน ถ้าใช้นี่คนละ 70 ล้านนะ แค่ 5 ล้านวิ่งกันหางชี้แล้ว 70 ล้านแล้ว ผมโง่หรอ ผมไม่เคยคิด เพราะผมเกลียด ผมไม่ชอบ ผมเลยเข้าอาสาการเมืองปี 2540 เพราะระบบมันดี”

“ทุกคนไปเห็นว่าผมมีเงิน จะซื้อเสียงงั้นงี้ การปล่อยข่าวต้องเช็ก แต่เดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่รู้ดี คนที่ปล่อยข่าวแบบนี้ คือควายเท่านั้น เป็นคนอย่าให้ควายจูง ปล่อยข่าวเรื่องนั้นนี้ ผมรำคาญมากเรื่องการปล่อยข่าว มีอะไรมาถามตรงๆ ในคลับเฮาส์ ผมจะบอกหมด ถ้าผมพูดผมไม่โกหก ถ้าคิดว่าสิ่งนั้นไม่สมควรพูด ผมจะไม่พูด”

จากกรณีที่บอกว่า ดีลล่มนั้น โทนี่กล่าวว่า ที่ดีลล่ม เพราะโลภ โกรธ หลง ทำให้โง่ ท่านโกรธไปปลดธรรมนัส นฤมล กล่องดวงใจพี่ป้อมเขานะ เขาเป็นหัวหน้าพรรคนะ ไปทุบกล่องดวงใจเขา เขาโกรธนะ แต่เขาแก่กว่าเลยสุขุมกว่า เขาเลยไม่ยอมลาออกจากหัวหน้าพรรค ธรรมนัสก็ไม่ลาออกจากเลขาฯ วันนี้ พรรคที่เป็นแกนสนับสนุนรัฐบาลจริงๆ คือ พปชร. นายกฯ ตัดขาตัวเองตีนลอย ที่ไปทุบแบบนี้ การเมืองต่อจากนี้ ราคาแพงนะ เพราะต้องเก็บทุกเม็ด ไม่งั้นแพ้โหวต

ทั้งนี้ โทนี่ยังกล่าวถึงในช่วงท้ายว่า หาก พล.อ.ประวิตรสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในพรรคพลังประชารัฐได้ บิ๊กตู่ก็คงต้องโทร.หาพี่ป้อม ไม่งั้นก็อยู่ไม่ได้ ตอนนี้ บิ๊กป้อมยังหน้าชาอยู่ เพราะกล่องดวงใจโดนไปเต็มๆ แทนที่จะได้คุยกันก็ไม่ได้คุย ด้วยความโมโห