ทำใจ รับ “สิงหาคม” : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
—————–
ทำใจ รับ”สิงหาคม”
—————–
กำลังเข้าสู่ “สิงหาคม” ที่คาดว่าการเมืองจะร้อนแรง
เตือนสติไว้ล่วงหน้า อย่างให้ใจ “ร้อนแรงเกินสถานการณ์”
เพราะจะไปเข้าทางฝ่ายที่อ้างจะเป็นเหตุให้ยืด”เลือกตั้ง”ออกไป
อดทน อดกลั้นเอาไว้
แม้การเลือกตั้งจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมด–แต่ก็เป็นโอกาสที่จะดึงบ้านเมืองให้เข้าสู่เส้นทางปกติแห่ง “ประชาธิปไตย”
กลับมาสู้ในกติกาที่ประชาชนมีสิทธิมีเสียงมากกว่าทุกวันนี้ดีกว่า
หนึ่งในวิธีที่จะทำใจให้เย็นลงได้ ก็คือพยายามมองการเมืองว่า มันเป็นเช่นนี้เอง
ไม่มีอะไรแน่นอนจีรัง อะไรก็เกิดขึ้นได้
วันนี้อาจแข็งแกร่งเหมือนไม่มีวันล้มได้
แต่ก็ไม่แน่
ว่าแล้ว ก็ชวนไปอ่าน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับล่าสุดดีกว่า
หน้าต่างประเทศ เขาหยิบเอา “การเมืองมาเลเซีย” มาเป็น “ตัวอย่าง” ในสิ่งที่พูดถึงข้างต้น
อย่างที่เราทราบกัน “มหาธีร์ โมฮัมหมัด” อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในวัย 92 ปี ที่เคยกุมอำนาจมาถึง 22 ปี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาได้ทำในสิ่งไม่น่าเชื่อ
เมื่อประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับ อันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรี คู่รักคู่แค้นทางการเมืองมายาวนาน
คงจำกันได้ว่ามหาธีร์ ใช้อำนาจเหล็ก ปลด อันวาร์ จากตำแหน่งในปี 2541
พร้อมกล่าวหาทุจริตและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ จนติดคุกหลายปี
แม้อันวาร์ได้รับอิสรภาพในปี 2547 แต่ก็ถูกจำคุกอีก 5 ปีในข้อหารักร่วมเพศซ้ำ
เหล่านี้ “มหาธีร์” ล้วนมีส่วนสำคัญ ในการ “ทำลาย” อันวาร์ทั้งสิ้น
ทั้งสองฝ่ายไม่น่า จะเผาผีกันได้
แต่ “การเมืองก็ไม่มีอะไรแน่นอน”
เมื่อจู่ๆ “มหาธีร์” ประกาศจับมือกับ อันวาร์ และยกให้ เป็นผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้านซึ่งเป็นการรวมตัวของ 4 พรรคฝ่ายค้าน
ทั้งนี้ ก็เพื่อ สู้ศึกกับพรรคอัมโนภายใต้การนำของ นาจิบ ราซัก นายกฯปัจจุบัน ในการเลือกตั้งทั่วไปเดือนสิงหาคมปีหน้านี้
ต้องไม่ลืมว่า “นาจิบ” ขึ้นมาเป็นผู้นำได้ก็เพราะ “มหาธีร์”
แต่ นาจิบก็ไม่ยอมเป็น “ลูกไล่” ตรงกันข้าม กับทำตนให้เหนือกว่า
จนนำไปสู่การแตกหัก และกลายเป็น “คู่แค้น” ทางการเมือง
มหาธีร์ พยายาม โค่นล้ม นาจิบ เช่นเดียวกับการโค่นล้ม อันวาร์ –แต่ก็ดูไร้ผล
แม้ นาจิบ จะเจอเรื่องอื้อฉาวกรณีการทุจริตเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
แต่ นาจิบ ก็ยังแข็งแกร่ง
ว่ากันว่า “ความแข็งแกร่ง” ดังกล่าว ก็คือ กลไกต่างๆ ที่ มหาธีร์ และเหล่า “เนติบริกร” สร้างไว้ระหว่างที่ครองอำนาจนั่นเอง
โดยหวังว่า “การเมืองระบอบ มหาธีร์” จะไม่มีใครสามารถโค่นล้มลงได้ แม้จะล้างมือในอ่างทองคำไปแล้วก็ตาม
แต่ที่สุด มหาธีร์ ที่สมควรเป็น “รัฐบุรุษ” และใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเป็นสุข ก็มาอยู่ในภาวะ “กระอักเลือด”
เมื่อคนที่เขาเลือกเป็นทายาททางการเมือง อาศัยระบบอันแข็งแกร่งดังกล่าวมาปกป้องฐานอำนาจของตนเองและยังทำตนเป็นศัตรูด้วย
มหาธีร์จึงไม่อาจนอน “ตายตาหลับ” ได้ ต้องลาก “สังขาร” ออกมาโค่น “นาจิบ”
แต่ก็ยังไร้ผล
มหาธีร์ ไม่มีทางเลือกอื่นจึงหันไปจับมือกับคู่แค้นอย่างอันวาร์
ยังไม่รู้ว่า “สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ” นี้จะบรรลุผลหรือไม่
แต่ สิ่งที่เกิดขึ้นในมาเลเซีย ได้ตอกย้ำถึง ความไม่แน่นอนของการเมือง
และ ที่สำคัญยังบอกอีกว่า การสืบทอดอำนาจ แม้จะวางระบบไว้แข็งแกร่ง-เข้มแข็งเพื่อที่จะให้ตนเองและพวกพ้อง”อยู่ให้นานทีสุดเพียงใดก็ตาม
แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่เป็นไปตามนั้น
แถมยังได้สร้างศัตรูขึ้นมาให้กระอักเลือดอย่างตอนนี้
————-