ครัวอยู่ที่ใจ : อาหารเลือกเรา / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: อาหารเลือกเรา

 

แม่ค้าในตลาดบางตาลงมาก เราขับรถไปตั้งไกล ตั้งใจซื้อวัตถุดิบมาเก็บไว้ แต่ได้มาไม่มาก เป็นแบบนี้สามสี่ครั้งติดกัน

ฉันเริ่มท้อ

“แม่ค้าไปไหนกันหมดคะพี่ ถูกหวยเหรอ” ฉันถามแม่ค้ากระเทียม ฉันใช้กระเทียมเจ้านี้เท่านั้น แผงกระเทียมไม่เคยว่าง กระเทียมคัดมาอย่างดี แบบแกะแล้ว หมายถึงเพิ่งแกะเมื่อวาน ใช้คนแกะ ไม่ใช้เครื่องปั่น นี่คือแม่ค้าในอุดมคติของฉัน

“คนไม่ค่อยมาจ่ายตลาด แม่ค้าท้อก็มี แม่ค้ากลัวโควิดก็มาก” ตอบแล้วแกก็หัวเราะ มองถุงผ้าของฉัน “วันนี้ได้อะไรไปกิน”

“ที่คิดไว้ไม่ได้สักอย่างเลยอ่าพี่ แม่ค้าไม่มา”

แม่ค้ากระเทียมหัวเราะ “ต้องทำใจ พี่เหรอ มีอะไรก็กิน ตอนนี้เราไม่ได้เลือกของกินละ ของกินเลือกเรา”

ที่แกพูดน่ะ จริงทุกคำ เราจะเรื่องมากอะไรนักหนา

อยากกินแกงส้มปลาช่อน ปลาไม่มี

แกงส้มหมูย่างใส่หยวกก็ได้

หมูมี แม่ค้าหยวกไม่มา

ใจอยู่ที่แกง แต่เราไม่ต้องกินแกงก็ได้

“งั้น หอมแดง กระเทียม หัวหอมใหญ่อย่างละถุงนะพี่ เดี๋ยวน้องกลับมาเอา ไปซื้อของทางนู้นก่อน” ฉันวางเงินทิ้งไว้ มองหาเขา

ไม่รู้ว่าได้ย่างรวมหรือเปล่า เห็นบ่นอยากกิน พอลงรถก็ตรงไปหาพ่อค้าย่างรวม

เขาเดินหน้าตูมกลับมา “ไม่มาอ่ะ พ่อค้าลูกชิ้นทอดก็ไม่มา”

โถ พ่อคุณ ณ จุดนี้ เราเลือกไม่ได้อย่างที่แม่ค้ากระเทียมกล่าวจริงๆ

ฉันแตะแขนเขา “มีลูกชิ้นแพ็กขายที่ร้านหมูอนามัย เดี๋ยวเราแวะซื้อไปทอดกินนะ”

เขายิ้มออกมาได้

 

มื้อเย็นและมื้อต่อไปของเรานี่สิ ที่คิดไว้ วางแผนไว้ มันล้มแบบเทกระดาน เราสองยืนเคว้งคว้างอยู่ในตลาดที่เกือบร้าง

เราซื้อผักเท่าที่เห็น ผักบางอย่างที่ไม่เคยซื้อ เพราะไม่ค่อยชอบ เราก็ซื้อมาลองกิน ซื้อโดยยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรดี ขอให้มีวัตถุดิบตุนไว้ อย่างอื่นค่อยว่ากัน

ได้ผัก ได้พริก และอื่นๆ เท่าที่มี เราขับรถตรงไปยังร้านขายหมูขายเนื้อ

เนื้อหมูขึ้นราคาทีละนิด กว่าจะรู้ตัว ราคาก็เกือบสองร้อย แต่หมูร้านนี้ถูกกว่าแผงในตลาด แถมแช่ในตู้เย็นไว้อย่างดี

ฉันสั่งสันคอหมูบดครึ่งกิโล แบบไม่บดครึ่งกิโล กระดูกซี่โครง และเนื้อวัวจากฟาร์มจังหวัดพะเยา เนื้อวัวเป็นสินค้าใหม่ของร้าน และไม่ทำให้เราผิดหวัง ฉันชอบร้านนี้มาก สินค้าดี มีคุณภาพ และเปิดทุกวัน หากเราไม่มีอะไรกิน มาร้านนี้ อย่างน้อยเราจะได้หมู ไข่ ข้าวสาร และเนื้อวัวดีๆ

“ลองเอาสามชั้นสไลด์ไปกินมั้ยคะ อร่อยนะ” คนขายถาม

อืม…ทำไมฉันไม่เคยคิดซื้อหมูสามชั้นสไลด์เลยนะ

ใช่ๆ เพราะไม่ค่อยชอบมันหมู แต่เท่าที่ดู ของเขาชั้นมันนิดเดียว ถือเป็นสามชั้นคุณภาพ

และอย่างที่แม่ค้ากระเทียมบอก มีอะไรก็เก็บมาทำกินเถอะ จะได้ออกจากบ้านน้อยลง

ฉันลองซื้อมาสามขีด มันดูเยอะกว่าที่คิด อาจเป็นเพราะมันบาง

เห็ดเป็นผักอย่างแรกที่เราควรกิน กับเห็ดออรินจิ น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปีที่ฉันซื้อ

“ผัดเห็ดดีมั้ย ง่ายๆ กินกับพริกน้ำปลา แล้วก็ปลาช่อนแดดเดียวทอด” ฉันถามเขา

“ได้หมดเลย เพราะหิวแล้ว”

อา ฉันลืมซื้อลูกชิ้นมาทอดให้เขารองท้อง “แป๊บเดียว สัญญา” ฉันบอก

 

หุงข้าว กดหม้อข้าวเป็นอย่างแรก

ตั้งเตา วางกระทะ ใส่น้ำมัน ทอดปลาต้องการเวลา ใช้ไฟอ่อน ทอดให้นานหน่อย จึงจะอร่อยสมกับเป็นปลาแม่น้ำ

ทำพริกน้ำปลาไว้รอโดยใส่มะม่วงสับลงไปด้วย กินกับปลาช่อนแดดเดียวอร่อยนัก

เห็ดออรินจิ ฉันผัดกับสามชั้นสไลด์ หั่นเห็ดตามยาวบางๆ หั่นหมูสามชั้นให้สั้นลง ผัดง่ายๆ เหมือนผัดผักอื่น

ใช้น้ำมันนิดหน่อย ใส่กระเทียมลงไปก่อน ใส่หมู พอหมูสุก ก็ตามด้วยเห็ด พยายามควบคุมไฟ ไม่ให้แรงเกินไป เพราะไม่อยากเติมน้ำลงในผัดเห็ด และไม่อยากให้เห็ดไหม้ ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว-เท่านั้นจริงๆ

ตักใส่จาน แล้วก็โรยพริกไทย

ถึงตอนนี้ ปลาทอดก็พร้อมลงจาน

“โห…ไม่ต้องทำผัดเห็ดก็ได้” เขาว่า ตาจ้องปลาช่อนแดดเดียวกับพริกน้ำปลา

เขาชอบกินพริกน้ำปลาแบบมีมะม่วง ยิ่งถ้าจับคู่กับปลาช่อนแล้วละก็

ตักผัดเห็ดลงจานเขา “ลองดูสักคำ ถ้าไม่ชอบ ก็ผ่านได้”

แต่แล้วเขาก็ตักผัดเห็ดเป็นคำที่สอง ยิ้มอายๆ “อร่อยดีนะ”

ถ้าไม่มีผัดเห็ด ปลาช่อนกับพริกน้ำปลาอาจจะอร่อยน้อยลงก็ได้ กินด้วยกันแล้วเราเจริญอาหารขึ้น

“สรุปว่าชอบใช่มั้ย” ฉันแกล้งถาม

“ชอบ กินได้”

ดีมากค่ะ เราต้องอยู่ง่าย กินง่าย ทำงานเยอะๆ ฟูมฟายน้อยๆ และช่างหัวมันให้เก่งๆ เราจึงจะผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างราบรื่น