อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ความทรงจำแห่งรสชาติอาหาร

ปากะศิลป์ฉบับอ่านใหม่ (69)

อุทยานรส (15)

 

“มีเมฆหมอกในบางครั้ง

มีฝุ่นไอลงจับในบางครา

แม้จิตของข้าพเจ้าจะไม่แจ่มใสเท่าท่าน

แต่ความทรงจำของข้าพเจ้าต่อท่าน

ช่างแจ่มชัดเหลือเกิน”

บทกวีของชินจิ นากามูระ

 

ืก่อนหน้าที่แขกคนสุดท้ายจะปรากฏตัวขึ้น ชินจิ นากามูระ คาดเดาถึงแขกคนดังกล่าวไว้ในหลายรูปแบบ

เขาอาจเป็นชายชราที่ปรุงอาหารมาทั้งชีวิต

หรือไม่ก็เป็นหญิงสาวที่มาจากตระกูลใหญ่และมีสูตรอาหารเฉพาะตัว

หรืออีกทางหนึ่งอาจเป็นใครก็ตามที่แปลกประหลาดจนเขานึกไม่ถึง

แต่ชินจิ นากามูระ ไม่เคยคาดคิดถึงแม่ของเขาเลย

วันไหนนะที่แม่ของเขาตาย ยี่สิบกว่าปีก่อน เช้าวันหนึ่งต้นสัปดาห์ในฤดูใบไม้ผลิ แสงแดดอบอุ่นราวกับขนมปังที่เพิ่งออกจากเตา แม่ของเขาผู้นอนป่วยอยู่บนเตียงภายในบ้าน ป่วยหนักมาเป็นเวลาสามเดือน Cancer ที่แปลว่าปูลามไปทั่วร่างกายของแม่ ความเจ็บปวดปรากฏในแทบทุกจุดบนสรรพางค์กายของแม่

ทุกครั้งที่แม่พูดหรือต้องการอะไรด้วยการส่งสัญญาณมือ

ชินจิ นากามูระ จะแลเห็นความปวดร้าวในสีหน้าหรือแววตาของแม่เสมอ

ทว่าไม่ใช่ในเช้าวันนั้น

เช้าวันนั้น แม่ของเขาพยุงตัวขึ้นจากเตียง เอนหลังลงกับฝาห้อง ขอร้องให้ชินจิ นากามูระ เปิดหน้าต่างทุกบานออกจนสุด แสงแดดและสายลมพัดผ่านเข้ามา หลังนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ แม่ของเขาขอร้องให้ชินจิ นากามูระ พาเธอออกไปที่ระเบียง

เธอลุกขึ้นยืน แม้ว่าแขนขาจะอ่อนแรงจากการนอนอันยาวนาน แต่แม่ก็สามารถอาศัยท่อนแขนของชินจิ นากามูระ ดังไม้เท้าที่พาเธอออกไปเบื้องนอกได้ ชินจิ นากามูระ วางฟูกนั่งลงบนพื้นให้แม่ของเขา

แม่นั่งลงบนฟูกนั้น หลับตาและปล่อยให้แสงแดดอาบไล้ไปทั่วใบหน้า

ภาพที่งดงามยิ่งนักราวกับภาพของพระพุทธองค์ที่กำลังจะเข้าสู่สัจธรรมของชีวิต ภาพที่งดงามยิ่งนักราวกับภาพของพระพุทธรูปที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา

แม่ของเขานั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเป็นเวลาแสนนาน

มีเสียงนกร้อง มีเสียงสายลม มีกลิ่นของดอกไม้ มีเสียงผู้คนสนทนากันในระยะไกล

มีกลิ่นของอาหารจากบ้านบางบ้าน

มีเสียงดนตรีจากใครบางคนที่เล่นซามิเซน

มีกลิ่นน้ำพุร้อนจากยอดเขาเบื้องบน

มีเสียงของแมวที่ออดอ้อนหาคู่ ชินจิ นากามูระ จำรายละเอียดวันนั้นได้แม่นมั่น

พวกเขาทั้งสองนั่งอยู่อย่างเงียบด้วยกันนานนับชั่วโมง

จนในที่สุดแม่ของเขาก็เอ่ยถ้อยคำ แม่ร้องขอกระดาษและปากกา เป็นกระดาษที่เขียนตัวหนังสือได้ทีละตัวอักษรแบบที่นักเขียนชอบใช้

ชินจิ นากามูระ ค้นหากระดาษแบบนั้นจากกองหนังสือของเขา มันหลงเหลืออยู่ไม่มากนักแต่ก็มากพอ

เขาเคยใช้กระดาษเหล่านี้เขียนเรียงความในสมัยเรียน ตัวกระดาษเหลืองซีด มีรอยคราบ แต่กระนั้นก็ยังสามารถใช้ขีดเขียนได้เป็นอย่างดี

เขาวางกระดาษและปากกาพร้อมด้วยขวดหมึกไว้ข้างตัวแม่ เขาคิดว่าแม่อาจมีคำร้องขอต่อเขาเมื่อเธอต้องจากโลกนี้ไป เขารู้ดีว่าวาระสุดท้ายของแม่นั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว แม่ลืมตาขึ้น ใช้ปากกาจุ่มหมึกในขวด ค้อมตัวลง วางแผ่นกระดาษลงเบื้องหน้า

ก่อนจะลงมือเขียนทีละตัวอักษรอย่างตั้งใจ

สิ่งที่แม่เขียนลงบนกระดาษเหล่านั้นไม่ใช่คำร้องขอ ไม่มีคำร้องขอใดๆ จากแม่ ไม่มีคำสั่งเสียใดๆ จากแม่ สิ่งที่แม่ของชินจิ นากามูระ เขียนนั้นคือสูตรอาหารทั้งหมดที่แม่เคยทำให้เขาได้กิน

หน้าแต่ละหน้า กระดาษแต่ละแผ่น ถูกวางลงเบื้องหน้าหลังการถูกเขียนจนหมดแผ่น ชินจิ นากามูระ รวบรวมกระดาษแต่ละแผ่นเป็นกอง ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้อ่อนแอเจียนสิ้นแรงเช่นนั้นจะสามารถเขียนทุกสิ่งในความทรงจำออกมาได้อย่างไม่จบสิ้น

ราวสองชั่วโมงที่แม่ของชินจิ นากามูระ จมอยู่กับการบันทึกความทรงจำ แสงแดดแรงกล้าขึ้นตามลำดับ ภาพของผู้เป็นแม่กลายเป็นเงาทึบสีดำ สันจมูกของแม่แบ่งแสงแดดออกเป็นสองส่วน

ในที่สุด ชินจิ นากามูระ ก็อดเป็นห่วงผู้เป็นแม่ไม่ได้ เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง กลับเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบผ้าคลุมไหล่มาให้แม่ได้ป้องกันแสงแดด แต่เมื่อเขาออกมาอีกครั้ง แม่ของเขาก็นอนเหยียดยาวอยู่กับพื้นระเบียงแล้ว

แม่ของเขาสิ้นใจลงในขณะที่รายการอาหารสุดท้ายถูกเขียนขึ้นเพียงถ้อยความเดียว

“รากบัว”

ยี่สิบกว่าปีผ่านไป แม่ของเขาเดินเข้าประตูบ้านหลังนั้น ในมือของแม่ถือกระดาษแผ่นนั้นที่เขียนไม่จบ

แม่ของชินจิ นากามูระ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เขาก่อนจะใช้ปากกาที่เตรียมมาเขียนข้อความต่อเนื่องไป ต่อเนื่องไป ราวสิบนาที ข้อความทั้งหมดก็จบสิ้นลง มันบันทึกไว้ว่า

“ผัดรากบัวกับขิงและกระเทียม”

“ปอกเปลือกรากบัว หั่นเป็นแว่น ซอยขิง ซอยกระเทียม หั่นต้นหอมให้เป็นท่อนสั้นๆ ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน เอาขิงกับกระเทียมลงผัด ผัดด้วยไฟแรงๆ ก่อนเอารากบัวลงผัดแล้วเอาต้นหอมลงผัดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนำลงรับประทาน”

ข้อความสั้นๆ เพียงเท่านี้ที่ชินจิ นากามูระ ต้องรอนานถึงยี่สิบกว่าปี

ข้อความสั้นๆ เพียงเท่านี้เองที่ทำให้ชินจิ นากามูระ ขบคิดถึงมันยาวนานกว่าข้อความใดๆ

ในความคิดของชินจิ นากามูระ เขาคิดถึง “รากบัว” ในหลายรูปแบบ เขาคิดถึงรากบัวต้มกับซี่โครงหมู เขาคิดถึงรากบัวต้มกับน้ำตาลทรายแดง เขาคิดถึงรากบัวผัดกับมิโสะ ไปจนรากบัวเชื่อม ทว่าสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดถึงเลยคือรากบัวผัดกับขิงและกระเทียม มันเป็นเมนูที่เรียบง่ายเกินกว่าที่เขาจะคิดถึงได้ มันเป็นเมนูที่เรียบง่ายเสียจนกว่าเขาจะคาดคำนวณถึง

แม่ของชินจิ นากามูระ ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เขา กระดาษที่เหลืองซีดมีร่องรอย กระดาษที่ผ่านกาลเวลา กระดาษที่เขาเคยใช้เขียนเรียงความ

ชินจิ นากามูระ รับกระดาษแผ่นนั้นจากมือของแม่ ก่อนจะจ้องมองใบหน้าของแม่ แม่ของเขาไม่ได้แก่ชราลงจากวันที่จากโลกนี้ไป ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่จบสิ้นชีวิตลงจะหนุ่ม-สาวไปตลอดกาล ณ เวลานี้ แม่ของชินจิ นากามูระ มีอายุแทบไม่แตกต่างจากเขาเลย

สิ่งที่แตกต่างมีแต่เพียงความทรงจำเท่านั้นเอง

ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ชินจิ นากามูระ เติบโตและเดินทางไปไกลจากอาหารรสมือแม่

เขาได้ลองลิ้มรสอาหารในรูปแบบอื่นๆ มากมาย เขาได้ลองลิ้มรสอาหารที่เขาไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีอยู่จริง แต่กระนั้นก็ตามหลายต่อหลายครั้งที่เขาคิดถึงอาหารที่ถูกปรุงด้วยแม่ของเขา แม้จะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว แต่ความทรงจำของเขาที่มีต่ออาหารฝีมือแม่นั้นไม่มีวันลืมเลือน

แม่ของชินจิ นากามูระ ลุกขึ้นจากโต๊ะในขณะที่แขกอาคันตุกะคนอื่นนั่งนิ่งอยู่กับที่ของพวกเขา ไม่มีเสียงสนทนาใด แม้แต่ทารกน้อยที่ดูซุกซนก็แลดูสำรวมขึ้นทันใด ชินจิ นากามูระ ตระหนักแล้วว่าแม่ของเขาคือประธานแห่งงานเลี้ยงครั้งนี้

แม่ของเขาคิดผู้ที่กำหนดทุกอย่างในงานเลี้ยงครั้งนี้

ชินจิ นากามูระ ลุกขึ้นจากโต๊ะตามแม่ของเขา ทั้งคู่เดินเข้าไปในครัว ท่ามกลางความเงียบ

แม่ของชินจิ นากามูระ หยิบท่อนรากบัวขนาดใหญ่ส่งให้เขา ชินจิ นากามูระ ลงมือปอกเปลือกมันและหั่นมันเป็นแว่นบางๆ อย่างตั้งใจ

ในขณะที่แม่ของเขาสับขิงและกระเทียมพร้อมด้วยต้นหอม

หลังจากนั้นแม่ของเขานำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมัน ผัดขิงและกระเทียม ใส่รากบัวและต้นหอม เป็นการเสร็จสิ้นการปรุงอาหารครั้งนี้

ชินจิ นากามูระ นำอาหารที่เรียบง่ายจานนั้นออกมาจากครัว เขาตักมันจากกระทะใส่ลงในจานเบื้องหน้าของแขกแต่ละคน ไม่ว่าจะตักมากน้อยเพียงใด รากบัวในกระทะหาได้พร่องลง

เมื่อทุกคนได้รับอาหารเรียบร้อยแล้ว ชินจิ นากามูระ นำกระทะไปเก็บในครัว

แม่ของเขาเดินออกมาจากในครัว นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม ชินจิ นากามูระ นั่งลงเคียงข้างแม่ของเขา

ทุกคนบนโต๊ะมองมาที่แม่ของเขา เฝ้าฟังเสียงแรกของเธอ ในที่สุดแม่ของเขาก็เอ่ยขึ้นว่า

“ความทรงจำคือรากฐานทั้งปวงแห่งรสชาติอาหาร”