คำ ผกา | คืนชาติให้ประชาชน

คำ ผกา

ก่อนอื่นขอเท้าความสั้นๆ ว่าทำไมรัฐบาลประยุทธ์จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป

1. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารในนามของ คสช.ปี 2557 ลำพังแค่การเป็นผู้ทำการรัฐประหาร บุคคลผู้นั้นก็ถือว่าเป็นโมฆะบุรุษทางการเมืองแล้ว ไม่มีประเทศไหนสังคมไหนยอมรับการทำรัฐประหาร ไม่มีประเทศไหน บ้านเมืองไหน มีที่อยู่ที่ยืนให้คนทำรัฐประหาร อย่าว่าแต่จะให้เป็นนายกฯ ย้ำ การทำรัฐประหารคือการล้มล้างอำนาจของราษฎร ล้มล้างอำนาจอธิปไตยของปวงชน คือการปล้นอำนาจประชาชน การปล่อยให้ผู้ทำรัฐประหารมาเป็นอำนาจทางการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต่างอะไรจากการถูกบังคับให้แต่งงานกับโจรที่เข้ามาข่มขืนเรา เราไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่มาข่มขืนเราเช่นไร เราก็ไม่อยากมีนายกฯ ชื่อประยุทธ์ฉันนั้น

2. ประยุทธ์และพวกใช้กฎหมายและอำนาจพิเศษ เช่น ม.44 เป็นเครื่องมือไม่ให้รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมของตนถูกต่อต้านโดยประชาชน ไม่เพียงแต่มาตรา 44 ยังมีกฎหมายลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอีกหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กฎหมายความมั่นคง ไปจนถึงการ “ฟรีซ” การปกครองท้องถิ่น ไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทั้งหมดนี้เพื่อลดทอนอำนาจของประชาชนไม่ให้มีเรี่ยวแรงขึ้นมาต่อต้านอำนาจของประยุทธ์และพวก การอยู่ในอำนาจได้ยาวนานของประยุทธ์และพวก ไม่ใช่อยู่ได้ยาวนานเพราะเป็นผู้นำที่มีความสามารถหรือเป็นที่รัก แต่อยู่ในอำนาจได้ยาวนานเพราะกฎหมายที่กดหัวประชาชนเอาไว้

3. ในขณะที่กดหัวประชาชนเอาไว้ด้วยกฎหมาย ประยุทธ์ซื้อเวลากับสังคมไทยด้วยการอธิบาย เขาจำเป็นต้องอยู่ในอำนาจเพื่อรักษาความสงบสุขของบ้านเมือง ถ้าไม่มีเขา บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ (มีคนไทยกลุ่มหนึ่งเชื่อทฤษฎีนี้ เราเรียกพวกเขาว่าสลิ่ม) ดังนั้น เขาจำเป็นต้องอยู่เพื่อปฏิรูปประเทศ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่

4. ประยุทธ์และพวก และสภาของเขาที่เรียกว่า สนช. บริหารประเทศไปตามอำเภอใจ ไม่มีฝ่ายค้าน และดูเหมือนว่า ไม่มีใครรู้ว่การบริหารประเทศต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะพวกเขาล้วนแต่เป็นข้าราชการเกษียณ ที่ไม่ชินกับการทำงานอย่างจริงจัง พวกเขามักหลับในสภา และคิดว่า การเป็นผู้บริหารคือการแต่งตัวชุดเสื้อผ้าไหมสีประจำวันมานั่งประชุม และมีผู้ติดตามคอยบอกบทว่าต้องทำอะไรบ้าง

5. คนที่ทำงานอย่างจริงจังและทำงานเป็นในรัฐบาลประยุทธ์น่าจะมีเพียง 1 คนเท่านั้นคือ วิษณุ เครืองาม เพราะเขาบันดาลให้รัฐบาลประยุทธ์ที่เข้ามามีอำนาจอย่างผิดกฎหมาย สามารถปกครองได้ตามกฎหมายทุกข้อ

เพราะกฎหมายถูกเขียนมาเพื่อรองรับการกระทำของรัฐบาล

6.ผลงานโดดเด่นของรัฐบาล คสช. คือการร่างรัฐธรรมนูญออกมาเพื่อให้ตนเองได้กลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง เพื่อให้ตนเองได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง และจัดทำประชามติแบบมัดมือชก ให้ประชาชนเลือกว่า จะยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หรือจะอยู่กับประยุทธ์และ คสช.ไปเรื่อยๆ-แล้วประชาชนเลือกอะไรได้บ้างค้า สระอายาวๆ-ไม่เพียงแต่มัดมือชก คนรณรงค์ไม่รับร่างยังถูกจับ ถูกดำเนินคดี สุดท้ายยังอุตส่าห์มีคำถามพ่วง เพื่อให้ประยุทธ์ไม่พลาดได้เป็นนายกฯ สมัยที่สอง ยอมแล้วจ้าแม่!

7. ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญก็ออกแบบมาเพื่อเรา กว่าจะได้เลือกตั้ง ย้วยไปย้วยมา ยืดไปยืดมา ยื้อเวลายิ่งกว่าละครช่องเจ็ดที่ยืดไม่ยอมให้อวสานเพราะเรตติ้งดี และต้องหมายเหตุไว้ว่า ทั้งหมดนี้ประเทศไทยเสียเวลาไปสี่ปี จะเข้าปีที่ห้า เสียเวลาชนิดที่พูดได้เลยว่า เหมือนจับประเทศแช่แข็งเอาไว้ เป็น 4-5 ปีที่สูญหาย เพราะงานเดียวที่รัฐบาลนี้ทำคือ กดหัวประชาชนไม่ให้มีความสามารถลุกมาต่อต้านรัฐบาล, พยายามกล่อมสลิ่มให้เชื่อว่า ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมี, ประยุทธ์เป็นคนรักชาติ ฯลฯ ส่วนการพัฒนาประเทศ การทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีสวัสดิการ มีคุณภาพชีวิตที่ดี นั้นไม่ปรากฏว่าได้ลงมือทำ คุณภาพชีวิตของคนไทยตกต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจไต่อันดับขึ้นเป็นประเทศที่ความเหลื่อมล้ำสูงสุด

8. ย้วยเลือกตั้งแล้วก็ยังย้วยผลการเลือกตั้ง กว่าจะคำนวณ กว่าจะปัดเศษ กว่าจะหาเครื่องคิดเลขเจอ สุดท้ายข้อสรุปของนิทานเรื่องนี้คือ ประยุทธ์รัฐประหารมาเพื่อออกแบบกติกาการเมืองเพื่อให้ประยุทธ์และพวกได้นั่งเป็นนายกฯ และรัฐบาลหลับๆ ตื่นๆ กันต่อไป

9. นอกเหนือไปจากเหตุผลแห่งความไม่ชอบธรรมทางการเมืองทุกประการแล้ว ยังชัดเจนว่า ประยุทธ์และพวกหลีกเลี่ยงการบริหารประเทศโดยกระบวนการสภาและคณะรัฐมนตรีที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะองคาพยพของการบริหารราชการแผ่นดินถูกลดรูปมาไว้ที่ศูนย์บริหารต่างๆ เช่น ศูนย์บริหารโควิด ศูนย์บริหารเศรษฐกิจ ศูนย์เหล่านี้ตัดสินใจแล้วค่อยส่งไปให้ ครม. ที่ตอนนี้เป็นตรายางประทับให้หน่วยบริหารประเทศที่มีประยุทธ์บัญชาการกับทีมเทคโนแครตที่เลือกมากับมือ

10. ผลแห่งการบริหารเช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะแห่งการเป็นประเทศที่ “หยุดพัฒนา” คณะบุคคลที่ยึดอำนาจเข้ามาถักทอเครือข่ายของตนเองเป็นประหนึ่งบรรษัทที่เข้ามาบริหารเหมืองทองเหมืองหนึ่ง แม้เหมืองนี้จะเหลือทองอยู่ไม่มาก แต่ก็มากพอที่จะทำให้หุ้นส่วนบรรษัทขุดเหมืองเหล่านี้ร่ำรวย สุขสบาย สามารถสะสมทรัพย์ส่งต่อให้ลูกหลานได้อีกหลายเจเนอเรชั่น คนไทยทุกคนที่เสียภาษีตกอยู่ในสภาพบ้านของตัวเองถูกขุดเป็นเหมือง ตัวเองกลายสภาพจากเจ้าของบ้านไปเป็นกรรมกรในเหมือง ขุดทองให้บรรษัทเจ้าของเหมือง ขณะเดียวกัน คุณภาพชีวิตของกรรมกรก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ ทั้งมองเห็นอนาคตว่า เจ้าของบรรษัทและเครือข่ายถ้าเขาขุดทองจดหมดแล้วก็คงเปิดตูดไปเสวยสุข ทิ้งกรรมกรเหมืองอย่างเราอยู่กับซากปรักหักพังกับเหมืองหมดอายุ ลูกหลานของเราคงเป็นเด็กขาดอาหาร ไม่ได้เรียนหนังสือ

หรือไม่ก็ขายตัวไปรับใช้ เป็นขี้ข้าของพวกเครือข่ายบรรษัทเหมืองทองนั้นต่อไป

10 ข้อที่ฉันเขียนมานี้ มันเพียงพอหรือยังที่จะอธิบายว่าทำไมจึงมีประชาชนคนไทยทุกเพศ ทุกวัย ออกมาประท้วงไล่รัฐบาล

ใช่ ฉันไม่เถียงว่า ยังมีคนไทยที่รักรัฐบาลนี้ รักประยุทธ์ เชียร์ประยุทธ์ ซึ่งฉันก็อยากจะบอกคนเหล่านี้ว่า ไม่มีใครตัดสิทธิประยุทธ์ไม่ให้ลงเลือกตั้ง

อยากเป็นนายกฯ ให้ลงไปเลือกตั้ง-ลองอ่านประโยคนี้ด้วยอินเนอร์ที่นักเรียนไล่รัฐมนตรีศึกษาฯ ว่าไปต่อแถว ว่าไปเลือกตั้ง ไปเลือกตั้ง ไปเลือกตั้ง

ถ้าจะมางอแงว่า ลงเลือกตั้งแล้วจะไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะจะแพ้ ก็ต้องตอบว่า แพ้ก็คือแพ้ไงคะ นี่คือประชาธิปไตย แพ้ก็กลับบ้าน ไป๊!

ฉันอยากจะบอกว่าทุกคนทุกเพศทุกวัยที่ออกไปประท้วงไล่รัฐบาลประยุทธ์ เรียกร้องประชาธิปไตย เห็นใน 10 ข้ออย่างที่ฉันเห็นและเขียน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กวัยมัธยมที่เติบโตมาภายใต้ระบอบประยุทธ์ที่เส็งเคร็งและพวกเขาต้องประสบภัยเส็งเคร็งนั้นด้วยตัวเขาเอง อย่างน้อยที่สุดจากระบบการศึกษาที่เขาต้องอยู่กับมัน

ถึงวันนี้ผู้คนจึงออกมาเรียกร้องว่าคืนประเทศให้เขาเถอะ คืนอำนาจให้ประชาชนเถอะ

มันเรียบง่ายมากเลยนะ คืนอำนาจให้ประชาชน คืนประเทศให้ประชาชน เพราะประเทศนี้ไม่ใช่เหมืองทองของคณะบุคคลไหน

แล้วถ้าอยากเป็นนายกฯ ถ้าอยากมีอำนาจรัฐ – ไปเลือกตั้ง!