จินตนาการหลายโผ ครม. โดนนายกฯ ดับทำฝันค้าง งบ “64 สะดุดยาก-ไม่พร้อมเลือกตั้ง

“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตู่ 2/2 หลังจากแก๊ง 4 กุมารลาออก เหตุเพราะแรงกระเพื่อมจากคนในพรรคพลังประชารัฐเริ่มเขย่าเก้าอี จ่อยึดคืนโควต้าตามสัดส่วนของ ส.ส.ในพรรคที่มี

และยังมีการยื้อเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่เคยเป็นของอดีตเลขาธิการพรรค ไว้ให้กับ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคคนใหม่ ซึ่งในช่วงนั้นมีการคาดการณ์ว่า “เสี่ยแฮงค์” จะไม่รับเก้าอี้ดังกล่าว แต่จะส่งมอบให้กับพี่ใหญ่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มานั่งแทน

แต่สุดท้าย นายกฯ ยึดเก้าอี้เศรษฐกิจทั้งหมดให้กับคนนอก

โดยมีการแต่งตั้งนายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอนุชา นาคาศัย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปรีดี ดาวฉาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน

แล้วใครจะเชื่อว่า ครม.ชุดใหม่ที่เข้ามาได้เพียง 20 วัน นายปรีดี ดาวฉาย กลับประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแบบฟ้าแลบ ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งกับรัฐมนตรีช่วย สันติ พร้อมพัฒน์ ทั้งเรื่องการทำหน้าที่และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการคลัง แต่เจ้าตัวให้เหตุผลของการลาออกว่าด้วยเรื่องสุขภาพ

ทำให้เก้าอี้ขุนคลังว่างมากว่าครึ่งเดือน…

จนเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีการปล่อยข่าว ต้นทางมาจากพรรคพลังประชารัฐ และมาจากหลายแหล่งภายในพรรค

โผแรกมาจากวงสนทนาระดับบิ๊กในพรรคที่วางตัวละครสมมุติเล่นๆ ในวง ว่า พรรคพลังประชารัฐน่าจะเสนอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้า ไปบอกบิ๊กตู่ปรับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไปควบกระทรวงการคลังแทน แล้วดันนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไปอยู่กระทรวงพลังงานตามที่ฝันไว้ จากนั้นให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ ขึ้นแท่นนั่งว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ว่ากันว่าข่าวนี้คนอยากเป็น นั่งจินตนาการกัน และมีการตั้งก๊วนใหม่ เรียก ส.ส.เสริมแรงหนุนให้ได้ขึ้นแทน ที่ร้านอาหารชื่อดังริมถนนวิภาวดีกันอยู่เป็นประจำ โดยเจ้าตัวเป็นเจ้าภาพเลี้ยงทุกมื้อ

พอมีสื่อไปถามสันติ พร้อมพัฒน์ ว่าพร้อมทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือไม่ เจ้าตัวบอกไม่อยากพูด แต่ก็ผ่านแรงเสียดทานทางการเมืองได้ แถมยังเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่มาก่อนแล้ว แต่ล่าสุด สันติยอมถอย โดยระบุว่าตัวเองมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะนั่งเก้าอี้ขุนคลัง

ทว่าเรื่องดันไปเข้าหู ส.ส.อีกฝ่าย จึงส่งพลายกระซิบไปยังสื่อ ประโคมข่าวทันที

ส่วนอีกโผมาจากอีกวงที่ฝันหวานไม่แพ้กัน กระซิบว่าจะให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ ควบว่าการกระทรวงการคลัง แล้วให้สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไปนั่งเก้าอี้พลังงาน โดยให้อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ลุกจากเก้าอี้ ไปนั่งว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้สมศักดิ์ศรีเลขาธิการพรรค แล้วย้าย “บิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ลุกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มาทำหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้สมใจอยาก

แต่ก็ยังมีแรงกระเพื่อมจากฝั่งที่คัดค้าน “อาจารย์แหม่ม” นั่งรัฐมนตรีตั้งแต่แรก เหตุพรรษายังไม่ถึง เพิ่งเป็น ส.ส.สมัยแรกแล้วก็ลาออกมาเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

แถมกลุ่มนี้ยังหนุนให้ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะต้องถึงคิวขึ้นรัฐมนตรีในโควต้าของนายทุนใหญ่ของพรรค เพราะเป็นไม้เป็นมือของบิ๊กพลังงาน ผู้สนับสนุนพรรคอย่างเป็นทางการ แต่ก็ต้องมาแพ้ทาง “บิ๊กอาย” ที่ประกบ “บิ๊กป้อม” ไม่ห่าง

งานนี้เลยยังไม่รู้ว่าจะฝันหวานหรือฝันสลายกัน เพราะล่าสุด นายกฯ ให้สัมภาษณ์เรื่องการปรับ ครม.อีกครั้งว่า “ขอให้ใจเย็นๆ เมื่อถึงเวลาจะมาเอง” แถมยังบอกอีกว่า “ใครปรับ ไม่มีข้อเท็จจริง ผมตรวจสอบไปที่พรรคพลังประชารัฐแล้วด้วย ยืนยันว่าไม่มีการเผยแพร่ข่าวดังกล่าว เพราะเรื่องการปรับ ครม.อยู่ที่นายกฯ”

และยังมีรายงานข่าวจากในพรรคพลังประชารัฐว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์กำลังทาบทามคนนอกเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

โดยมีชื่อของนายชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ที่เพิ่งพ้นวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา

โดยชื่อของนายชาติชายถือว่ามาแรง เพราะมีผลงานในการบริหารธนาคารออมสินที่ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างดี

ขณะที่อีกหนึ่งชื่อจะเป็นนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค

นอกจากนี้ ยังมีชื่อของนายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และนายกานต์ ตระกูลฮุน อดีตผู้บริหารเอสซีจี เป็นอีก 2 แคนดิเดต

เป็นการยืนยันอีกครั้งว่า โควต้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังอยู่ในมือนายกฯ และนายกฯ จะเป็นผู้เลือกเอง และจะได้ตัวจริงในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ดังนั้น จึงเป็นการดับฝันสูตรโผต่างๆ ที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ

จึงมีการโยงไปว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยังคงตัดสินใจที่จะเลือกรัฐมนตรีเอง โดยไม่ฟังเสียงคนในพรรค จะส่งผลให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วาระ 2-3 ในวันที่ 16-18 กันยายน อาจจะมีการกระจองอแงกันหรือไม่อย่างไร แต่คงเป็นไปได้ยากที่สภาจะไม่ผ่านงบประมาณ เพราะนั่นหมายถึง นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือไม่ก็ยุบสภา ถ้าเป็นเช่นนั้น คนในพรรคพลังประชารัฐเองที่จะอยู่ยาก เพราะสถานการณ์ม็อบที่รุมเร้า บวกกับสถานการณ์ที่ประชาชนไม่พอใจรัฐบาล ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง เรื่องโควิด จึงไม่เป็นผลดีต่อการยุบสภา เพราะการเลือกตั้งใหม่นั้นสุ่มเสี่ยงมากที่เก้าอี้จะไม่เท่าเดิม

ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านเองก็ยังไม่พร้อมที่จะยุบสภาเช่นกัน เพราะก้าวแรกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่ได้เริ่มตั้งไข่ ในขณะที่ ส.ว.ยังอยู่และยังมีอำนาจในการยกมือเลือกนายกฯ อีกอยู่ดี แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้เสียงน้อยกว่าพรรคเพื่อไทย อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมา ถึงแม้เสียงจะปริ่มน้ำ แต่ก็สามารถที่จะดูด ส.ส.จากพรรคอื่นมาได้อีก อีกทั้งจะยิ่งเป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองให้กับพรรคร่วมรัฐบาล หากพรรคพลังประชารัฐได้เสียงน้อยเกินไป

จึงเป็นไปไม่ได้ที่พรรคพลังประชารัฐจะเอาเรื่องงบประมาณมาต่อรองกับเก้าอี้รัฐมนตรี