กรองกระแส/ออกไป ออกไป บทสรุป ประยุทธ์ จันทร์โอชา แนวโน้ม การเมือง

กรองกระแส

ออกไป ออกไป

บทสรุป ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แนวโน้ม การเมือง

 

ชะตากรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สัมพันธ์กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างแยกกันไม่ออก

คำขวัญที่ว่า “ประเทศไทยต้องชนะ” จึงทรงความหมาย

เพราะในคำว่า “ชนะ” ในทางเป็นจริง มิได้หมายความว่าจะสามารถตีฝ่ามรสุมอันเนื่องแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปได้เท่านั้น

หากแต่ในชัยชนะนี้หมายถึงอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย

ขณะเดียวกัน ปัญหาที่รัฐบาลและโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาในเรื่อง 1 ประสิทธิภาพของการบริหาร หากแต่ที่สำคัญเป็นอย่างมาก 1 คือ ปัญหาในเรื่องของความเชื่อมั่น

เป็นความเชื่อมั่นต่อความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

อภินิหาร กฎหมาย

พลิกพ่ายแพ้ เป็นชนะ

 

ความต้องการยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช. โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การสกัดกั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิให้ได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีดำรงอยู่และแสดงออกอย่างเด่นชัดในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

ผลการเลือกตั้งแสดงออกอย่างเด่นชัดว่าเป็นการปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เห็นได้จากคะแนนเสียงที่ปรากฏผ่านพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย

แต่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะ “อภินิหาร” ทางกฎหมาย

รัฐธรรมนูญกำหนดให้มี 250 ส.ว. การพลิกแพลงผ่านกฎหมายการเลือกตั้งทำให้จำนวนของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านลดลง ขณะเดียวกัน ก็นำส่วนนี้ไปดึงตัว ส.ส.ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเข้ามา

2 ปัจจัยนี้มีส่วนอย่างสำคัญทำให้พรรคการเมืองส่วนหนึ่งหันไปหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

ออกไป ออกไป

ก่อตัวเป็นกระแส

 

ความไม่พอใจต่อ 5 ปีของ คสช. ความไม่พอใจต่อสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง รวมศูนย์อยู่ที่รัฐบาล อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ก่อขึ้นเป็น “กระแส” เมื่อสัมผัสกับการบดขยี้ ทำลาย พรรคอนาคตใหม่

ปรากฏการณ์ FLASH MOB อันปรากฏ ณ บริเวณลานสกายวอล์ก แยกปทุมวัน ในเดือนธันวาคม 2562 คือการแสดงตัวออกมาอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ

จึงไม่แปลกที่เมื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จึงปรากฏปรากฏการณ์ที่เรียกว่า FLASH MOB ในหมู่คนรุ่นใหม่อย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่ในมหาวิทยาลัยส่วนกลาง หากแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค

ไม่ว่าจะเป็นในภาคเหนือที่เชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในภาคใต้ที่ปัตตานี ไม่ว่าจะเป็นภาคอีสานที่อุบลราชธานี ขอนแก่น ไม่ว่าจะเป็นภาคกลางที่จันทบุรี นครปฐม ชลบุรี

กระหึ่มด้วยเสียง “ออกไป ออกไป” ดังกึกก้อง

 

การแยก แตกตัว

กลุ่มใหม่ การเมือง

 

กระแส “ออกไป ออกไป” ที่ดังกระหึ่มในหมู่คนรุ่นใหม่ซึ่งเริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยมีรากฐานอยู่กับการเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง

เด่นชัดว่า ประชาคม “ออนไลน์” ได้ปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เป็นการปฏิเสธจากการสรุประมวลผลงานนับแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

ก่อรูปเป็น “ประชามติ” ในทางสังคมอันหนักแน่น จริงจัง

กระแสนี้เริ่มขยายตัวไปแม้กระทั่งต่อกลุ่มที่เคยเห็นชอบกับรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และกลุ่มที่เคยเห็นชอบกับรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

ไม่ว่าจะเป็น “ลุงเสรี” ไม่ว่าจะเป็น “ป้าอุ๊” ไม่ว่าจะเป็น “ลุงดี้”

เมื่อเผชิญเข้ากับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยิ่งเป็นการทดสอบอันแหลมคมในประสิทธิภาพของรัฐบาล ประสิทธิภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของคำขวัญ “ผนงจทรตกม”

กลายเป็นความรู้สึกที่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งและวางมือทางการเมืองโดยสิ้นเชิง เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาแสดงบทบาทและนำพาประเทศชาติและประชาชนให้รอดพ้นจากวิกฤตที่หมักหมมมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ

นี่คือแนวโน้ม นี่คือกระแส นี่คือความเรียกร้องต้องการในทางการเมือง