อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : ใบร้อยใหญ่พิเศษ

เราเหลือเงินหนึ่งร้อยบาท สองกระเป๋ารวมกันมีเท่านั้น กับเงินเหรียญในช่องใส่เหรียญ ดูหนักใช้ได้ ฉันไม่นับ เอาไว้ลุ้นว่ามีเหรียญสิบกี่เหรียญ

เรากดเงินออกมาเพิ่มได้ แต่กับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่กดย่อมดีกว่า

“เราจะทำให้แบงก์ร้อยใหญ่ขึ้น” ฉันบอกเขา “ไปตลาดกัน ทำมื้อเย็นจากเงินหนึ่งร้อยบาท”

ถ้าเอาง่ายๆ หนึ่งร้อยบาทเราซื้อมาม่ามากินกับไข่ต้มก็ได้-โซเดียมบาน

เราไปกินก๋วยเตี๋ยวคนละชามได้-รสชาติงั้นๆ มีแต่แป้งกับลูกชิ้นเด้งๆ ใส่อะไรมาบ้างก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ ในซุปต้องมีผงชูรส-ไม่ได้รังเกียจ แต่กินแล้วคอแห้ง

มีอีกทางเลือก ซื้อข้าวเหนียวมากินกับไข่เจียว หรือหุงข้าวกินกับไข่เจียว อย่างนั้นละก็ เหลือเงินเยอะเลย-เมื่อเช้าเราเพิ่งกินไข่ และข้าวกับไข่ไม่ครบ 5 หมู่

ฉันเป็นคนช่างเลือก ฉันอยากทดลอง ถ้าวางความมากเรื่องของฉันลงในเงิน 100 บาท มันจะเป็นอย่างไร

โจทย์แรกคือ ต้องเป็นอาหารที่เราสองคนชอบ

สอง ครบห้าหมู่ มีผัก มีเนื้อสัตว์ และมีแป้ง

สาม มื้อเย็น ถ้าเป็นอะไรที่ไม่หนักมากก็ดี เราเพิ่งกินข้าวกับน้ำพริกมื้อกลางวัน

ถึงตรงนี้ฉันเริ่มคิดว่า จริงๆ มีทางเลือกอีกทาง เก็บแบงก์ร้อยไว้ได้ทั้งใบ คืออดมื้อเย็นสักวัน เห็นว่าดีต่อสุขภาพด้วย-แต่นั่นไม่ใช่หนทางของเรา ถ้าฉันทำอย่างนั้น เขาต้องชงมาม่าคัพตอนดึกแน่นอน

“อยากกินผักอะไรเป็นพิเศษมั้ย” ฉันถามเขา

“อืม…” เขาหยุดคิด

ได้โจทย์เพิ่มทำให้เราเจอคำตอบ ได้ผักจากเขา ฉันจะคิดเมนูง่ายขึ้น

ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก

ฉันลุ้นอยู่ในใจ ถ้าไม่ได้ความเห็นจากเขา ก็อาจเป็นผัดกะหล่ำใส่วุ้นเส้น แล้วทำหมูทอดกระเทียม

 

“อยากกินคะน้า” เขาโพล่งออกมา

เขาเลือกได้ดี เพราะคะน้าในฤดูกาลนี้อร่อยมาก ทั้งกรอบ ทั้งอวบ โดยเฉพาะคะน้าเห็ดหอมซึ่งเรากินได้ทั้งต้น

“ราดหน้าหรือผัดซีอิ๊วดี” ฉันถาม

ทั้งที่รู้ว่าเขาต้องตอบ “ราดหน้าสิ”

ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารจานเดียวราคาประหยัด เราซื้อราดหน้ากินก็ได้นะ สองคนอยู่ในหนึ่งร้อยบาท แต่เป็นราดหน้าที่หวานสักหน่อย ได้ผักมาสองสามก้าน ส่วนใหญ่เราจะได้กินเส้น แถมเป็นเส้นที่ไม่ได้คัดสรร เดี๋ยวนี้มีเส้นที่ผัดแล้วเหมือนกองแป้งมัน ซึ่งฉันกินไม่ได้เอาเลย (เห็นมั้ยว่าเรื่องมาก)

ราดหน้าของเราต้องคะน้าเยอะๆ หมูพองาม ปรุงแบบไม่หวานนำ เน้นเค็มเต้าเจี้ยว ไม่ต้องเหนียวมาก และที่สำคัญ เราเฟ้นหาก๋วยเตี๋ยวเป็นพับๆ สัมผัสแบบดั้งเดิม

คะน้า 30 บาท ก๋วยเตี๋ยวครึ่งกิโล 12 บาท สันคอหมู 40 บาท ทั้งหมดที่ต้องจ่ายมีแค่นี้ เหลือเงิน 18 บาทหยอดกระปุก

 

กลับถึงบ้าน ฉันจัดการหั่นหมู มักด้วยซีอิ๊วขาว และ Martini Rosso -เนียะ ร้านขายราดหน้าที่ไหนจะจัดได้แบบนี้

คะน้าสำคัญมาก ถ้าเราใช้ใบแก่ ก้านแก่ ไม่ปอกก้านให้ดี เคี้ยวเจอผักขม มื้อนั้นย่อมจบลงอย่างเซ็งๆ

บังเอิญว่าคะน้าเห็ดหอมที่เราได้มาอวบมาก สดมาก กินได้เกือบทั้งหมด ฉันล้างให้สะอาด แล้วหั่นเตรียมไว้

ก๋วยเตี๋ยวได้มาเป็นแผ่นใหญ่ ตัดให้กว้างราวหนึ่งนิ้วเศษ แล้วคลี่ออก ฉีกเป็นชิ้นใหญ่ๆ เดี๋ยวค่อยฉีกอีกทีด้วยตะหลิวในกระทะ สำคัญตรงที่เส้นต้องไม่ซ้อนกัน

ที่ฉันใส่ใจเป็นพิเศษคือพริกป่น ฉันชอบคั่วเอง คั่วใหม่ๆ ปั่น แล้วใช้เลย พริกป่นที่หอม โรยแค่นิดหน่อย เผ็ดที่ปลายลิ้น แต่จะทำให้ราดหน้าจานนั้นพิเศษขึ้นมา

พริกดองกับน้ำส้มสายชูก็จำเป็น ไม่มีพริกหนุ่ม ใช้พริกขี้หนูนี่ล่ะ แทนกันได้ ไม่ต้องซื้อ มีอยู่แล้วในตู้เย็น

ฉันเตรียมทุกอย่างไว้ เราพาหมาไปออกกำลังกาย ให้อาหารหมา ตอนที่เขาพาหมาเดินย่อยอาหารอีกครั้ง ฉันจึงลงมือผัด

 

อาหารบางอย่าง ต้องกินตอนร้อน และต้องเป็นความร้อนจากการปรุง ไม่ใช่การอุ่น ไม่อย่างนั้น ความอร่อยจะลดลง ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าจัดอยู่ในหมวดนี้

เริ่มจากผัดเส้น น้ำมันน้อยที่สุด กระทะร้อนที่สุด เทเส้นลงไป หมั่นคนโดยไม่ใส่ใจว่าเส้นจะบอบช้ำหรือไม่ บางคนชอบเส้นพอสุก แต่ฉันชอบเส้นที่ค่อนไปทางเกรียม ฉันจึงแช่เส้นไว้กับกระทะร้อนนานสักหน่อย

ได้เส้นที่ต้องการแล้ว ฉันตั้งอีกกระทะ ใส่น้ำมันนิดหน่อย พอน้ำมันร้อนก็ใส่หมูหมักกับกระเทียมลงไปพร้อมกัน ผัดให้หมูสุกราว 70 เปอร์เซ็นต์

เทคะน้าลงไปโครม

เร่งไฟ แล้วผัด ให้คะน้าโดนไฟมากที่สุด ใส่เต้าเจี้ยวมากๆ กับซีอิ๊วขาวนิดหน่อย ฉันงดน้ำมันหอยและน้ำปลา อยากเค็มจากเต้าเจี้ยวอย่างเดียว อ่อนโยนดี

คะน้าได้รับการผัด ต่างจากคะน้าที่ใส่ลงไปตอนเติมน้ำ ต่อให้เราเติมน้ำทีหลัง แต่มันยังเหลือกลิ่นอายและสัมผัสของการผัด

ผัดคะน้าให้เกือบสุก ค่อยเติมน้ำ ไม่ต้องมากมาย เพราะจะปรุงยาก เปลืองเครื่องปรุง

เติมน้ำตาลให้พอหวานนิดๆ แล้วฉันก็ชิม ถ้าเค็มไม่พอ ฉันเติมเต้าเจี้ยว ได้รสที่ต้องการแล้ว จึงใส่น้ำละลายแป้งมัน คนให้แป้งสุก ราดหน้าจะดูมีเนื้อหนังขึ้นทันตา

ปิดเตา ตักก๋วยเตี๋ยวลงจานใบสวย ราดหน้าชุ่มฉ่ำให้สมชื่อ แล้วโรยพริกไทยขาวเยอะๆ

นี่ล่ะ มื้อเย็นในหนึ่งร้อยบาทของเรา มีผักอุดมสมบูรณ์ และเติมได้ไม่อั้น