ใบสั่ง / ฉบับประจำวันที่ 13-19 ธันวาคม 2562

ภาวะที่รัฐบาลผสมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียง “ปริ่มน้ำ” ทำให้เกิดปัญหาเสถียรภาพอยู่ตลอดเวลา
ประกอบกับกระแสในปีกจารีต ที่มองว่า กระแส “ชังชาติ” กำลังถูกปลุกขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ถือเป็น “แนวคิดอันตราย”
จำเป็นต้องสกัดกั้น และทำลายลงโดยไว
นี้เอง ทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกคาดการณ์ว่าเป็นเป้าหมาย “ร่วม” ของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายจารีต ที่จะต้องถูกจัดการ
ภายใต้ความเชื่อของฝ่ายรัฐบาลว่า หากสามารถยุบพรรคอนาคตใหม่ลง จะสามารถกวาดต้อนเอา ส.ส.พรรคอนาคตใหม่มาอยู่ฝ่ายตนเองได้
แม้ไม่ทั้งหมด แต่การได้ “งูเห่า” ค่อนฟาร์ม ในระหว่างสิบ ยี่สิบ หรือสามสิบ ก็จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพแข็งแกร่งขึ้นทันที
ขณะที่ฝ่ายจารีตก็หวังเช่นกันว่าหากยุบพรรคอนาคตใหม่ไป ก็เท่ากับทำลายองค์กรนำแนวคิดอันตรายในสายตาของพวกตนลง และจะยิ่งดีไปใหญ่หากแกนนำพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5-10 ปี หรือตลอดชีวิตเลยยิ่งดี
แล้วช่องทางไหนจะตอบสนองความต้องการนี้ดีที่สุด

เป้าหมายที่ถูกโฟกัส อยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่สามารถเอาเรื่องที่ตกค้างคาอยู่มาเผด็จศึก
หนึ่งในนั้นก็คือกรณีเงินกู้ 191 ล้านบาทนั่นเอง
โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ไปร้องตั้งแท่นรอเอาไว้แล้ว
ด้วยการกล่าวหาว่านายธนาธรให้พรรคกู้ยืมเงินของตนเอง 191 ล้าน ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 โดยจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปีหรือไม่
ซึ่ง กกต.ได้พิจารณาสำนวนการสืบสวน ในแนวทางที่พรรคอนาคตใหม่ไม่สบายใจนัก
เช่นไม่ยอมขยายระยะเวลาการจัดส่งเอกสารของพรรคอนาคตใหม่ โดยขีดเส้นตาย 2 ธันวาคม
ด้วยเหตุผลว่ามีเจตนาต้องการถ่วงเวลา
“สัญญาณ” ที่ไม่ดีอีกเรื่องหนึ่งคือเอกสารความเห็นของเลขาธิการ กกต. ชี้ว่า การที่นายธนาธรให้พรรคกู้เงิน น่าจะมิชอบ
สมควรให้ดำเนินคดีอาญา ตัดสิทธิ์ทั้งหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด หลุดออกมา
ขณะเดียวกัน ฝ่ายจารีต อาทิ นายสมชาย แสวงการ วุฒิสมาชิกที่มีจุดยืนอยู่ปีกต่อต้าน “ชังชาติ” ก็รีบออกมาจี้ กกต. ให้ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้สั่งยุบพรรคการเมืองด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน

กระแสลบที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระลอก
ทำให้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการของ กกต.เป็นไปโดยมีธงและใบสั่งทางการเมืองหรือไม่
เพราะรายละเอียดชี้นำคดีไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะให้นายธนาธรและ กก.บห.มีความผิด
แม้กกต.ก็ได้ออกมาตอบโต้ทันควันว่าไม่จริง
เอกสารที่หลุด ก็เป็นเอกสารตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 ที่เลขาธิการ กกต.ต้องมีความเห็นในสำนวนการสืบสวนเพื่อเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ กกต.
ไม่ใช่การชี้นำในสำนวนการสืบสวนแต่อย่างใด

แต่ในที่สุดสำนักงาน กกต.ก็ได้เผยแพร่เอกสารข่าวเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม
มีเนื้อหาตามที่ “คาดหมาย”
คือกรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากนายธนาธร เป็นเงินจำนวน 191,200,000 บาทกกต.มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค
มติดังกล่าว 2 ป. ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกันไม่มีใบสั่ง เป็นไปตามขั้นตอน ขณะที่อีก 1 ป. “ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เตือนอย่าเคลื่อนไหวด้วยการลงถนน
“มันจะสุ่มเสี่ยงต่อความสับสนในประเทศ” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ตั้งคำถามว่า
“ที่สุดประเทศไทยจะเอากันแบบนี้หรือ พรรคการเมืองที่จะพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด พยายามแจกแจงที่มารายได้มากที่สุด กลับโดนคดีความ ใครที่ไม่อยากโดนจับผิดหรือโดนคดีความก็ต้องซุกทรัพย์สิน ไม่ต้องโปร่งใสมากก็จะรอดตัว”
นายปิยบุตรย้ำความเชื่อของตนเองอีกครั้งว่า
“นี่คือกระบวนการที่ริเริ่มซ้ำไปซ้ำมา 13 ปี วนอยู่แบบนี้ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ติดคุก”
ถือเป็นใบสั่ง “ปริศนา” ที่ฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายที่กุมอำนาจจะต้องเผชิญกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
———————-