โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ/เหรียญรูปไข่รุ่นแรก หลวงปู่บัว เตมิโย พระเกจิดังนครพนม

หลวงปู่บัว เตมิโย

โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ [email protected]

เหรียญรูปไข่รุ่นแรก

หลวงปู่บัว เตมิโย

พระเกจิดังนครพนม

“หลวงปู่บัว เตมิโย” หรือ “พระครูพนมสมณกิจ” อดีตเจ้าคณะตำบลธาตุพนม และอดีตเจ้าอาวาสวัดหลักศิลามงคล หมู่ 16 ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังจังหวัดนครพนม มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม มีวิทยาคมอันเข้มขลัง

เป็นศิษย์สืบสายธรรมจากพระครูวิโรจน์รัตนโนบล หรือ “หลวงปู่รอด” แห่งวัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี

ย้อนไปในปี พ.ศ.2518 คณะศิษย์จากกรุงเทพฯ จัดสร้างวัตถุมงคลถวายไว้ให้มอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่เข้ามากราบนมัสการ และเพื่อนำรายได้พัฒนาวัด

เป็นเหรียญรูปไข่ มีหูห่วง เนื้อทองคำ 99 เหรียญ เนื้อเงิน 300 เหรียญ และเนื้อทองแดง 5,000 เหรียญ

ด้านหน้า มีเส้นสันขอบนูน ริมขอบเหรียญใต้หูห่วงมีลวดลายกระหนก ตรงกลางเป็นรูปเหมือนครึ่งองค์ โดยเฉพาะใบหน้าลอยนูนเด่น ตรงจีวรตอก โค้ดตัวนะ มีเปลวรัศมีรอบ ด้านล่างสลัก ตัวหนังสือนูน เขียนคำว่า “พระอาจารย์บัว เตมิโย”

ด้านหลัง ขอบเหรียญมีเส้นสันนูน รอบเหรียญครึ่งวงกลมจากซ้ายไปขวาสลัก เขียนคำว่า “วัดหลักศิลามงคล อ.ธาตุพนม จ.นครพนม” ตรงกลางเหรียญมีเครื่องอัฐบริขาร บาตร ร่ม กาน้ำ และมียันต์อักขระ 4 ตัว ประกบบนล่าง ด้านล่างสุดสลักตัวหนังสือนูน “๒๕๑๘” ซึ่งเป็น พ.ศ.ที่สร้างเหรียญ

เหรียญรุ่นนี้ เรียกขานกันว่า “รุ่นหลังบาตร” เป็นพิมพ์นิยม ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดยหลวงปู่บัว อีกทั้งนั่งภาวนาเพ่งจิตปลุกเสกเดี่ยวภายในอุโบสถเป็นเวลาหนึ่งไตรมาส

กล่าวขวัญกันว่า ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง บูชา ล้วนไม่เคยลำบากหรือเดือดร้อน ไม่มีอุปสรรคเข้ามาแผ้วพาน ประสบโชคลาภ

ปัจจุบัน เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ จัดเป็นเหรียญหายากไปแล้ว

เหรียญหลวงปู่บัว เตมิโย (หน้า)

 

หลวงปู่บัว เกิดในสกุลศรีอาจ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม 2457 ที่บ้านบุ่งฮี ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

ช่วงวัยเยาว์ เป็นเด็กวัดเรียนหนังสือที่วัดบุ่งฮี จนอายุ 16 ปี ขออนุญาตบรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระอาจารย์ทอง เจ้าอาวาสวัดบุ่งฮี เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาหนังสือธรรมใบลานและสวดมนต์บทต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

ครั้นอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดศิลามงคล โดยมีพระเทพสิทธาจารย์ หรือหลวงปู่จันทร์ เขมิโย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์โส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ศึกษาพระปริยัติธรรม ศึกษาการแพทย์แผนโบราณ รวมทั้งวิทยาคมแขนงต่างๆ จากพระอาจารย์ทอง นานกว่า 4 ปี ก่อนกราบลาพระอาจารย์ทองมาอยู่จำพรรษาที่วัดสวนตาล (วัดมรุกขาราม) บ้านหลักศิลาใต้

ต่อมา ท่านลาสิกขาไปช่วยครอบครัวทำไร่ทำนา

“วันหนึ่งนำกระบือออกไปไถนา เห็นมันเหนื่อยหอบ จึงเห็นภาพความทรมานและสงสาร ก่อนพูดกับตัวเองว่าไม่น่าสึกออกมาก่อกรรมทำเวรเช่นนี้เลย จึงนำเรื่องไปบอกบิดามารดา ก่อนตั้งสัจจะไว้ว่าจะขอบวชไม่ขอสึกตลอดชีวิต”

เป็นคำกล่าวปรารภถึงสาเหตุที่หลวงปู่กลับมาบวชอีกครั้งหนึ่ง

เหรียญหลวงปู่บัว เตมิโย (หลัง)

 

เข้าพิธีอุปสมบทครั้งที่สอง เมื่อ พ.ศ.2487 ที่วัดศิลามงคล โดยมีพระอาจารย์โส เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาพรหมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว พออายุ 25-26 ปี ได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่รอด ที่วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี ศึกษาวิชาช่างและวิทยาคม นาน 1 ปี ก่อนเดินทางกลับไปเยี่ยมพระอุปัชฌาย์

สอบได้นักธรรมชั้นตรี ที่สำนักเรียนวัดศรีเทพ ต่อมา พระอาจารย์โส เจ้าอาวาสวัดศิลามงคล ได้มรณภาพลง ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้มาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส

หลังจัดงานศพพระอาจารย์โสแล้วออกท่องธุดงค์ตามป่าดงดิบแถบ จ.หนองคาย ก่อนธุดงค์ไปเทือกเขาภูลังกา และนมัสการพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร

พ.ศ.2499 ได้นำคณะพระธุดงค์ข้ามฝั่งลาว ฝึกจิตในถ้ำจนเข้มแข็งก่อนกลับมาที่วัด ขณะนั้นหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ธุดงค์มาแวะพักที่วัดเกาะแก้วอัมพะวัน อ.ธาตุพนม นาน 1 เดือน จึงได้เข้านมัสการ

และได้รับคำชี้แนะการปฏิบัติกัมมัฏฐานขั้นสูงจากบูรพาจารย์ทั้งสองท่าน

 

ลําดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2485 เป็นเจ้าอาวาสวัดหลักศิลามงคล

พ.ศ.2505 เป็นเจ้าคณะตำบลธาตุพนม-เรณูนคร-พระกลางทุ่ง (ธรรมยุต)

งานด้านเผยแผ่ เป็นพระธรรมทูตประจำจังหวัด เป็นองค์พระธรรมกถึกแสดงธรรม เป็นอาจารย์อบรมจิตภาวนา

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2511 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโทที่ พระครูพนมสมณกิจ

พ.ศ.2527 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

หลวงปู่บัวนำความเจริญมาสู่วัดหลักศิลามงคล พ.ศ.2494 สร้างกำแพงวัดจนเสร็จ สร้างถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้านกับถนนทางหลวง รื้อสะพานไม้ ถมดินสร้างศาลา ลอกบึงหน้าวัดให้เป็นสระสาธารณประโยชน์ อีกทั้งได้ขยายเขตวัดให้กว้างกว่าเดิม

ในช่วงบั้นปลายชีวิต หลวงปู่บัวอาพาธด้วยโรคนิ่วในไต ทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรมลง

กระทั่งวันที่ 5 พฤศจิกายน 2531 เวลา 08.00 น. มรณภาพลงอย่างสงบ ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริอายุรวม 75 ปี พรรษา 53

ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์รวบรวมชีวประวัติ อัฐบริขาร วัตถุมงคล และรูปเหมือนไว้ให้ได้ไปกราบนมัสการ