บทวิเคราะห์ : โศกนาฏกรรม “เกาะเฮ” สัมพันธ์ไทย-จีนสะท้าน ภาคท่องเที่ยวสะเทือน และคำขอโทษจาก “บิ๊กป้อม”

ได้ถูกยกเป็นบทเรียนควบคู่กับ 13 หมูป่าแห่งถ้ำหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย

กรณีอุบัติเหตุเรือ “ฟีนิกซ์ ไดฟ์วิ่ง” ล่มและจมลงบริเวณเกาะเฮ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตมากกว่า 45 ราย

ทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ส่งผลต่อสภาพจิตใจทั้งของคนไทยและต่างชาติทั่วโลก

เช่นเดียวกับกรณีถ้ำหลวง อุบัติเหตุเรือล่มที่เกาะเฮ สร้างความตื่นตระหนกให้รัฐบาลไทยอย่างมาก เนื่องจากเป็นอุบัติภัยทางทะเลครั้งใหญ่ ไทยไม่เคยประสบมาก่อน

ทั้งยังส่งผลกระทบต่อประเทศหลายด้าน นอกจากเป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนใจ ยังต้องติดตามผลต่อไปว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-จีนในระดับใด

แต่ที่ได้รับผลกระทบเต็ม-เต็มอย่างฉับพลันก็คือภาคการท่องเที่ยวของไทย หนึ่งในเครื่องยนต์หลักด้านเศรษฐกิจ ในการสร้างรายได้เข้าประเทศ

วันที่ 7 กรกฎาคม รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์ถึงรัฐบาลไทยต่อเหตุการณ์เรือท่องเที่ยวล่มที่เกาะเฮ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยขอให้ฝ่ายไทยเร่งระดมกองกำลังทั้งหมดเพื่อค้นหาและกู้ภัยพลเมืองจีนอย่างสุดกำลังและความสามารถ

ดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ได้รับความช่วยเหลือ รักษาเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ และดูแลครอบครัวผู้ประสบอุบัติเหตุทั้งหมดอย่างดี

หวังว่าฝ่ายไทยจะเร่งตรวจสอบสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด และแจ้งให้ฝ่ายจีนทราบถึงความคืบหน้าการค้นหาและกู้ภัยอย่างทันท่วงที

สำนักข่าวสื่อหลักของจีนรายงานว่า

ทันทีที่ทราบเหตุ นายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน สั่งการสถานกงสุลจีน สถานทูตจีน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงร้องขอรัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่สูญหายและได้รับบาดเจ็บอย่างเร่งด่วน

ขณะที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง กำชับในเรื่องการค้นหาผู้สูญหาย ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและจัดการเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต

เน้นว่าต้องให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในการท่องเที่ยว และจีนจะใช้สิทธิคุ้มครองประชาชนจีนในต่างประเทศตามกฎหมาย นายหลิ่ว เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจําประเทศไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจให้กับรัฐบาลจีนอย่างมาก

ระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ได้ให้กระทรวงต่างประเทศและสถานกงสุลจีนเข้ามาดำเนินการแก้ไขอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและให้ช่วยเร่งหาผู้สูญหายให้ครบโดยเร็วที่สุด

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ รัฐบาลจีนหวังอย่างยิ่งว่า

รัฐบาลไทยจะตั้งศูนย์อำนวยการอำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้ประสบภัยหรือผู้เสียชีวิตที่จะเดินทางมาไทยเป็นจำนวนมาก


ถึงแม้รัฐบาลไทยจะปฏิเสธ แถลงการณ์รัฐบาลจีนไม่ได้เป็นการกดดันความสัมพันธ์ที่มีต่อไทย

กระนั้นก็ตาม นางฮั่ว ชุน หยิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย

ส่งจดหมายไปยังนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน และนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เพื่อแสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้ประสบภัย

พร้อมคำยืนยัน ไทยจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาผู้สูญหาย และช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบและครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายอย่างเต็มที่

รัฐบาลไทยตั้งใจที่จะใช้ความพยายามมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีก

เพื่อแสดงความจริงใจและเอาจริงเอาจังต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เพียงกำชับให้ทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกให้ญาติผู้เสียชีวิต ดูแลผู้บาดเจ็บทุกราย ระดมสรรพกำลังความร่วมมือทั้งบุคลากรและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อค้นหาผู้สูญหายอย่างมีประสิทธิภาพสูง

ให้เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ และตรวจสอบว่าใครต้องรับผิดชอบ

ทั้งยังสั่งการให้จังหวัดภูเก็ตจัดตั้งศูนย์อำนวยการประสานงานค้นหาผู้สูญหายและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร จัดให้มีการแถลงข่าวเป็นวงรอบ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบบริหารจัดการ ตามที่ทางการจีนเสนอแนะ

วันที่ 9 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยังได้บินลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย

รวมถึงเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้ประสบภัยที่โรงพยาบาล 2 แห่งของ จ.ภูเก็ต ด้วยตนเอง

โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งได้ลงพื้นที่ไปก่อนหน้านั้นรอต้อนรับ ทั้งยังได้พบปะหารือกับนายหลิ่ว เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจําประเทศไทย

“ไทยกับจีนเป็นพี่น้องกันเสมอมาหลายร้อยปี ไม่ว่าคนจีนและคนไทยถือเป็นเหมือนคนประเทศเดียวกัน ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่เราต้องดำเนินการ ดูแลคนทุกประเทศที่อาศัยในไทย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่า จากนี้ไปมีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการรับมืออุบัติภัยด้านการท่องเที่ยวให้สูงขึ้น ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์และเทคโนโลยี เพื่อให้ทันต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประเมินว่า

ตลอดปี 2561 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาไทยมากกว่า 11 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 5.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งตัวเลขอยู่ที่ 9.8 ล้านคน กับรายได้ 5.3 แสนล้านบาท

“จีนเข้ามาทำธุรกิจโดยใช้นอมินีของไทย กำลังดำเนินคดีอยู่ เหตุที่เกิดขึ้นเพราะไม่เชื่อประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาของเรา จึงได้ออกเรือไปอย่างนั้น เรื่องนี้จะดำเนินการแก้ไขและไทยก็มีกฎหมายอยู่”

“นักท่องเที่ยวจีนเป็นคนทำนักท่องเที่ยวจีน เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวเขา เขาทำเรือของเขาเอง เขาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหลักของเรา แล้วจะให้เรียกความเชื่อมั่นอย่างไร”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีมีการโยงเหตุการณ์เรือล่มที่เกาะเฮ ว่าเป็นเรือของบริษัทที่เรียกว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”

คำพูดของ พล.อ.ประวิตร ถูกรายงานผ่านสื่อต่างๆ ของจีนอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในโลกโซเชียลของจีน ที่แสดงความไม่พอใจ มองว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์

เมื่อรู้ตัวว่าพลั้งปากออกไป พล.อ.ประวิตรจึงออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งในวันถัดมา

“ไม่มีอะไร เป็นคนละเรื่องกัน การทำผิดเรื่องหนึ่ง การช่วยเหลือเรื่องหนึ่ง ถ้าผมพูดอะไรไม่พอใจก็ขอโทษ ผมได้รับรายงานมาอย่างนั้นจริงๆ ขออย่านำมาปนกัน”

ภายหลังเหตุการณ์เรือล่มที่เกาะเฮ จ.ภูเก็ต ปรากฏว่านักท่องเที่ยวจีนยกเลิกห้องพักในพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล 10-20 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ฝั่งอ่าวไทย

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือระยะยาวนั้น

ผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้ความเห็นว่า หากภาครัฐเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตได้เร็วก็จะจำกัดผลกระทบให้อยู่ในวงแคบได้ แต่หากกินเวลายาวนาน อาจมีผลอีกแบบหนึ่ง

โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งจะถูกตั้งคำถามอีกครั้ง และรัฐบาลไทยต้องเป็นฝ่ายตอบให้ได้ชัดเจน เนื่องจากเป็นอุบัติภัยร้ายแรง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตจำนวนมาก

ส่วนเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขเป็นลำดับต่อไป

เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลจีนและสังคมชาวจีนต้องการคือ ขอให้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายชาวจีนก่อนเป็นลำดับแรก

ก่อนปัญหาจะบานปลาย ส่งผลเสียหายเกินคาดคิด