โล่เงิน : กางโรดแม็ป 6 ด้าน ปีที่ 3 “บิ๊กแป๊ะ” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุค 4G

ศักราชใหม่ปีจอ พ.ศ.2561 จับตาการเปลี่ยนแปลงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ภายใต้การปฏิรูปครั้งใหญ่?!

และยังคงนำทัพโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ชื่อ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ที่นำพาองค์กรสีกากี ก้าวสู่ปีที่ 3 กับบทบาทผู้นำ นำพานาวาสีกากีโต้คลื่นลมโหมกระหน่ำ

ตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ในบทบาทแม่ทัพใหญ่ เผชิญมรสุมหลายลูก ระลอกแล้วระลอกเล่า ในบทบาทนำทัพคลี่คลายคดีสำคัญหลายคดีใหญ่ เช่น ระเบิดกลางกรุงหลายจุด ระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สุดสะเทือนขวัญ ก็เป็นหัวหอกนำทีมคลี่คลายคดีสำเร็จ ปิดฉากอาชญากรร้าย ในบทบาทผู้บริหารหน่วยการจัดทัพวางสรรพกำลัง แม้คำครหาดังขรม แต่ยี่ห้อบิ๊กแป๊ะก็ผ่านตลอด เพราะมีทีมซัพพอร์ตดี ที่ทำให้เสียหลักอยู่บ้างตรงที่กระแสข่าวเก้าอี้โยก หนนี้โยกเขย่าแรงพ้นตำแหน่ง ผบ.ตร. ไปนั่งเก้าอี้เจ้ากระทรวง แต่ระดับบิ๊กแป๊ะ เจ้าของฉายามือประสาน 10 ทิศ ข่าวลือก็แค่สะกิดให้หวั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น

วันนี้ต้นศักราชใหม่ 2561 “บิ๊กแป๊ะ” เป็นผู้นำสีกากี ที่เก้าอี้มั่นคง!!

แต่อนาคตไม่มีใครรู้ ความไม่แน่นอนในปัจจัยการเมืองเป็นเรื่องเกิดขึ้นเสมอ เก้าอี้ ผบ.ตร. ที่อ่อนไหว และคล้ายถูกพันธนาการเรื่องการเมือง เปลี่ยนแปลงได้เสมอตามปัจจัย

ตอนนี้เริ่มมีเสียงไม่เกินครึ่งปีแรก เก้าอี้ ผบ.ตร. สั่นอีกรอบ?!

เมื่อต้นปีงบประมาณ 2561 ที่ผ่านมา “บิ๊กแป๊ะ” ประกาศลั่น เดินหน้าขับเคลื่อนทัพสีกากี ปีที่ 3 ชูวิสัยทัศน์ “เป็นหลักประกันความยุติธรรม และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่มีมาตรฐานสากล”

พร้อมเปิดนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 6 ด้าน สู่ปีที่ 3 ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จับตาทิศทางการเดินทัพสีกากี

1.ด้านการพิทักษ์ ปกป้อง และเทิดพระเกียรติเพื่อความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ถือว่าการถวายความปลอดภัยเป็นภารกิจสำคัญสูงสุด ให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ.2557 ระเบียบต่างๆ โดยเคร่งครัด รณรงค์เสริมสร้างและปลูกฝังจิตสำนึกของคนในชาติให้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างทั่วถึงเป็นรูปธรรม

“ขณะเดียวกัน พัฒนาการเฝ้าระวัง ตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิดต่อสถาบัน รวมถึงการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะไม่เหมาะสมส่งผลกระทบต่อสถาบัน และให้มีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทุกราย”

นอกจากนี้ ให้มีการซักซ้อมแผนการปฏิบัติ แผนเผชิญเหตุในการปฏิบัติภารกิจด้านการถวายความปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

ส่งเสริม สนับสนุน และปฏิบัติตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มกำลังความสามารถ

2.ด้านการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในสังคม ต้องพัฒนาระบบด้านการข่าวบูรณาการกับหน่วยงานด้านการข่าวทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างใกล้ชิด พัฒนาขีดความสามารถและสมรรถนะของชุดปฏิบัติการพิเศษทั้งระดับกองบัญชาการ กองบังคับการ

กำหนดมาตรการและขั้นตอนการบริหารเหตุการณ์ในสถานการณ์ต่างๆ ให้ชัดเจนเป็นระบบ มีเอกภาพ ซักซ้อมต่อเนื่อง บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ตลอดจนประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด

พัฒนาระบบการตรวจสอบบุคคลเข้าออกราชอาณาจักรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อความมั่นคง การก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่างๆ

เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว

ป้องกันการถูกฉ้อโกง เอารัดเอาเปรียบ และเกิดความเชื่อมั่นปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

“แก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางการปฏิบัติงาน มุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้าใจและแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน ผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนา”

“แก้ไขปัญหาการจราจร มุ่งเน้นการให้บริการ กอบกู้ภาพลักษณ์ขององค์กร สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน”

“จัดให้มีการควบคุมและสั่งการจราจรในภาพรวมของพื้นที่ที่มีปัญหาการจราจรติดขัดให้เป็นแบบบูรณาการสอดประสานกันแต่ละพื้นที่”

3.ด้านการป้องกันปราบปรามและลดระดับอาชญากรรม เน้นควบคุมอาชญากรรมทั้งในมิติของอัตราการเกิดเหตุและระดับความรุนแรงของการเกิดเหตุ เพื่อให้ประชาชนรู้สึกหวาดกลัวภัยอาชญากรรมน้อยลง และหากเกิดคดีขึ้น ต้องเร่งจับกุมให้ได้โดยเร็ว ตำรวจต้องเป็นหลักประกันด้านความปลอดภัยและความยุติธรรมที่มีมาตรฐานโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน และประชาชนมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ ควบคุมสถานที่เสี่ยง แหล่งมั่วสุม รวมทั้งแหล่งอบายมุขต่างๆ จัดระเบียบสังคม การปราบปรามการซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมายอย่างจริงจัง

ระดมกวาดล้างอาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง พัฒนาศักยภาพบุคลากรและระบบงานสืบสวน งานสอบสวน งานนิติวิทยาศาสตร์ และงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ส่งเสริมสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติงานทั้งระบบ

จัดทำฐานข้อมูลด้านการสืบสวนเชื่อมโยงกันทั้งประเทศ

สร้างเครื่องมือสืบสวนล่วงหน้าไว้ให้ครบถ้วน เช่น จุดติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด การเชื่อมสัญญาณกล้อง และข้อมูลท้องถิ่น

จัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาคนหาย เด็กหายพลัดหลงและศพนิรนาม

มีการประสานงานอย่างเป็นระบบ ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การค้ามนุษย์ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชอย่างจริงจัง

4.ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ปราบปรามจับกุมผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้ลำเลียงยาเสพติดในทุกระดับ สืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทุกราย จัดระบบการเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับในคดียาเสพติด

มุ่งเน้นการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงขนส่งยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดน ป้องกันไม่ให้ลำเลียงยาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ชั้นใน แหล่งชุมชน รวมทั้งสถานศึกษา เสริมสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศในการแก้ไขปัญหา

ดำเนินการทั้งทางอาญา ทางวินัย และทางปกครองกับข้าราชการตำรวจที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด

5.ด้านการเร่งรัดขับเคลื่อนกระบวนการปฏิรูปองค์กรตำรวจในยุคประชาคมอาเซียน โดยปรับรื้อระบบงานของตำรวจทั้งระบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานการปฏิบัติงาน ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยใช้เทคโนโลยีช่วยในการบริหารงานทั้งระบบ

พัฒนาศักยภาพของตำรวจให้มีความรู้ ทักษะทางภาษาอังกฤษ ภาษาอื่นๆ ของประเทศสมาชิกอาเซียน

สร้างเครือข่ายในทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ จัดระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สร้างช่องทางความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานด้านความมั่นคงของต่างประเทศ เพื่อร่วมกันหยุดยั้งภัยคุกคามจากอาชญากรรมทุกรูปแบบ

ผลักดันให้จัดส่งข้าราชการตำรวจเป็นผู้ประสานงานประจำสถานทูตต่างๆ ครอบคลุมประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศอื่นๆ การให้บริการประชาชนต้องเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558

ปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย และระเบียบต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในยุคประชาคมอาเซียน

และ 6. การเสริมสร้างความสามัคคี และการบำรุงขวัญโดยพัฒนาคุณภาพชีวิตตำรวจให้มีความสุขในการปฏิบัติงาน ปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการปฏิบัติงาน และจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานให้เพียงพอ โดยไม่ให้เป็นภาระของข้าราชการตำรวจต้องนำเงินส่วนตัวไปจัดซื้อ

ปรับปรุงสวัสดิการของตำรวจ เช่น เงินเดือน ค่าตอบแทน โครงการอาหารกลางวัน การรักษาพยาบาล และสถานที่พักอาศัย ให้ตำรวจสามารถอยู่ได้อย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี

จักรทิพย์

จัดกิจกรรมละลายพฤติกรรมและเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างต่อเนื่อง

จัดให้มีศูนย์ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือตำรวจที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางอาญา ทางแพ่ง ทางปกครอง และทางวินัย อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการ

เป็น 6 หัวข้อใหญ่ คล้ายพันธสัญญา ธงนำขับเคลื่อนองค์กรตำรวจ 6 ด้าน ในปี 2561 ภายใต้การกุมบังเหียนของ “ผบ.ตร. ยุค 4G”