เก่ง ไม่หวั่น สิระแจ้งจับ บอกปชช.รออีกนิด เรื่องเก่าคดีฉ้อโกง กำลังจะถึงศาล

เก่ง ไม่หวั่น สิระแจ้งจับ บอกปชช.รออีกนิด เรื่องเก่าคดีฐานฉ้อโกง กำลังจะถึงศาล

วันนี้ (14 ม.ค.) นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อเขียนแสดงความเห็นหลัง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เข้าแจ้งจับ 54 ส.ส.เพื่อไทย โดยระบุว่า

“#เห่าเก่งแต่พูดแล้วฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง

ผมทราบจากข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอว่า นายสิระไปแจ้งความผมกับ ส.ส. รวม 54 ท่าน ในข้อหาแจ้งความเท็จและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีที่พวกผมนำพฤติกรรมที่นายสิระไปแสดงความกร่างที่ภูเก็ตยื่นต่อประธานสภาขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวนั้นต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยมติ 7:1 เห็นว่า พฤติกรรมที่นายสิระแสดงต่อตำรวจและนายกเทศมนตรีตำบลกระรนยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 185 (1) โดยศาลรัฐธรรมนูญยังวินิจฉัยต่อไปว่า “หากบุคคลใดเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสมก็สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมของ ส.ส.”
จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงยืนยันว่า นายสิระได้ไปแสดงความกร่างกับตำรวจและนายกเทศมนตรีตำบลกระรนจริง แต่พฤติกรรมดังกล่าวไม่เข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1) อันเป็นความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคือมีศาลท่านหนึ่งเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ต้องห้ามมติจึงออกมาเป็น 7:1
ส่วนความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบยิ่งไม่มีประเด็น เพราะพวกผมไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ สิ่งที่พวกผมทำเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่เข้าองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ส่วนข้อเท็จจริงที่ผมยื่นต่อประธานสภาที่เป็นความจริง จึงไม่เป็นการนำความเท็จไปแจ้งต่อประธานตามที่นายสิระหาเรื่องไปแจ้งความ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 5236/2549 ที่แนบมา
ที่ผมต้องออกมาแสดงความเห็นไม่ได้กลัวการถูกแจ้งความ แค่ไม่ต้องการให้ใครก็ตามใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งบุคคลอื่น เพราะทรัพยากรของรัฐควรจะมีไว้เพื่อปกป้องความยุติธรรมให้กับสุจริตชนมากกว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนที่เผด็จการ คสช. ชอบทำกับประชาชน

ขอให้พี่น้องประชาชนอดใจทนรออีกไม่นาน พวกผมได้เข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาอีกครั้งแล้ว เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายสิระเคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวันว่า กระทำความฐานฉ้อโกงจึงขาดคุณสมบัติการสมัครเป็น ส.ส. ผมเชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาพิจารณาอย่างรวดเร็วเหมือนตอนยกคำร้องที่ใช้เวลาแค่วันเดียว”