เผยแพร่ |
---|
เส้นทางการเคลื่อนไหว #saveวันเฉลิม เริ่มขึ้นในวงแคบๆภายในหมู่เพื่อนฝูงของ “ต้า วันเฉลิม” จากเฟซบุ๊คอย่างชนิดปาก ต่อปาก คำต่อคำ
จากเฟซบุ๊คกระจายไปยังไลน์ กระจายไปยังทวิตเตอร์ แผ่กว้างออกไปเป็นลำดับ
กระทั่งในที่สุดติดเทรนด์อันดับ 1 ของทวิตเตอร์
จากนั้น มีการรายงานข่าวผ่านสำนักข่าว”ประชาไท”อันถือได้ว่าเป็นสำนักข่าวที่ให้ความสนใจต่อเรื่องราวการต่อสู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นพิเศษ
จากนั้นสำนักข่าวอื่นๆทั้งในประเทศและต่างประเทศก็เริ่มรายงานกลายเป็นข่าวออกไปในทางสากล
ไม่ว่าจะเป็น BBC ของอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น VOA ของสหรัฐ เมื่อมาถึงขั้นนี้กรณีของ “ต้า วันเฉลิม” ก็รั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ทางด้านการข่าว
กลายเป็นคำถามโดยตรงต่อรัฐบาลไทย
คำถามในที่นี้เป็นคำถามโดยพื้นฐานอย่างที่สุดตามหลักแห่งสิทธิ มนุษยชน นั่นก็คือไม่เพียงแต่ “ต้า วันเฉลิม”เป็นมนุษย์คนหนึ่งดำรงอยู่บน”มนุษยพิภพ”
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ “ต้า วันเฉลิม” เป็นคนไทยเกิดและเติบโตในประเทศไทย
เพียงแต่มิอาจอยู่ในประเทศได้เพราะความเห็น”ต่าง”
จากพื้นฐานความเป็นคนไทยของ “ต้า วันเฉลิม” นั้นเองจึงมีคำถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ จึงมีคำถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศ
จึงมีคำถามไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรวมไปถึงฝ่ายความมั่นคง
มิได้เป็นคำถามจากญาติมิตรของ “ต้า วันเฉลิม”เท่านั้น
หากยังเป็นคำถามจากนักข่าว หากยังเป็นคำถามจากสำนักข่าว หากยังเป็นคำถามจากหน่วยงานอันเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
รวมถึงคำถามจาก”สหประชาชาติ”
กรณีของ “ต้า วันเฉลิม” จึงมิได้เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลภายในวงแคบๆต่อไปอีกแล้ว หากได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นประเด็นเป็นวาระในทางสังคม
สะท้อนให้เห็นบทบาทและความหมายในทางส่วนตัวของ “ต้า วันเฉลิม”อย่างเด่นชัด
ยืนยันให้เห็นบทบาทและความหมายของ”สื่อ”สังคม
เมื่อบทบาทและความหมายในทางส่วนตัวของ “ต้า วันเฉลิม” ประสานเข้ากับบทบาทและความหมายของสื่อในทางสังคมอย่างโซเชียล มีเดีย
ก็ก่อให้เกิดปรากฎการณ์ “ต้า วันเฉลิม” ขึ้นเป็นปรากฏการณ์ในทางสังคม