เผยแพร่ |
---|
ประกายแรกอันได้ผลสะเทือนจากคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่เป็น ประกายอันเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย
สัมผัสได้จาก”ธรรมศาสตร์” สัมผัสได้จาก “จุฬาฯ”
เบื้องต้นปรากฏในรูปของ “แถลงการณ์” จากนั้นพัฒนากลายเป็นการนัดชุมนุม
เป็นการนัดชุมนุมในรูปแบบของการจุดเทียน เขียนความรู้สึก
มองจากผู้เคยก่อม็อบของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เป็นเรื่องหน่อมแน้ม เป็นเรื่องเด็กๆ มองจากผู้เคยก่อม็อบมวลมหาประ ชาชน กปปส.เป็นเรื่องน่าหัวร่อ จะไปรอดหรือ
จากธรรมศาสตร์เป็นเกษตรศาสตร์ เป็นเชียงใหม่ เป็นอุบลราชธานี เป็นขอนแก่น เป็นมหิดล
จากเทียนเล่มน้อย ค่อยๆขยายกลายเป็นเทียนหลายเล่ม
หากมองจากผู้เคยร่วมในการเคลื่อนไหวเมือ่เดือนตุลาคม ๒๕๑๖ หากมองจากผู้เคยร่วมในการเคลื่อนไหวเมือ่เดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕
นี่เป็นเรื่องของเด็กๆ นี่เป็นเรื่องละอ่อนอย่างยิ่ง
ดูตัวอย่างจากที่ปรากฏ ณ ลานปรีดี พนมยงค์ ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก็จะสัมผัสได้ เครื่องเสียงก็แหบๆพร่าๆ ไม่ก้องกังวาน คนที่ออกมาปราศรัยก็เป็นคนหน้าใหม่
ไม่ต้องเทียบถึงนักปราศรัยอย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ต้องเทียบถึงนักปราศรัยอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
พวกเขาล้วนเป็นคนไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ใจสู้นั้นเหลือแสน
อย่างน้อยก็ออกมาแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อชะตากรรมของ พรรคการเมือง อย่างน้อยก็ออกมาแสดงความเห็นใจต่อนักการเมืองที่ถูกกีดดันออกไปจากระบบ
เป็นการเริ่มต้นก้าวที่ ๑ ของการต่อสู้และเรียกร้องการเมือง
ไม่มีใครสามารถคาดหมายได้ว่าทิศทางของการเคลื่อนไหวที่เริ่มจากธรรมศาสตร์ ขยายไปยังเกษตรศาสตร์ ขยายไปยังเชียงใหม่ ขยายไปยังมหิดล จะดำเนินไปอย่างไร
แต่ทั้งหมดนี้คือ “หน่ออ่อน” อันเกิดขึ้นในสถานการณ์ใหม่ทางการเมือง
เป็นการเมืองของคนที่เติบใหญ่มาพร้อมกับ “อินเตอร์เน็ต”
เป็นการเมืองในยุคแห่งดิสรัพชั่น เป็นการเมืองในยุคที่พรรคอนาคตใหม่เสนอตัวเข้ามา
เป็นเรื่องน่าจับตา เป็นเรื่องน่าติดตาม