เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ สน.บางโพ นายเอกชัย หงส์กังวาน พร้อมด้วย นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผกก.สน.บางโพ เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ (ม.157) ในการติดตามหมายจับของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ

นายเอกชัยเปิดเผยว่า เนื่องจากศาลพัทยาได้อ่านคำพิพากษาจากกรณีกลุ่ม นปช.บุกการประชุมอาเซียน ปี 2552 ซึ่งศาลได้พิพากษาให้จำคุกผู้กระทำผิดกว่า 10 คน และหนึ่งในนั้นคือ พ.ต.ท.ไวพจน์ แต่ พ.ต.ท.ไวพจน์อ้างเรื่องเอกสิทธิ์การคุ้มครอง ส.ส. แต่ศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังและได้ออกหมายจับทันที ถึงแม้ศาลจะนัดให้มาฟังคำพิพากษาในเดือนมกราคม 2563 ก็ตาม จึงเท่ากับว่าคดีนี้สิ้นสุดแล้ว และไม่สามารถใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองได้อีก ยืนยันว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการเมืองแล้ว

นายเอกชัยกล่าวต่อว่า เมื่อเจ้าหน้าที่พบ พ.ต.ท.ไวพจน์ก็สามารถจับกุมตัวได้เลย แต่เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ไวพจน์กลับเข้าร่วมประชุมสภาได้และไม่ถูกจับกุมใดๆ ทั้งสิ้น แม้ทางสภาอ้างว่ายังไม่เห็นหมายจับ ซึ่งตามหลักแล้วถึงแม้ยังไม่เห็นหมายจับถ้ารู้ว่าออกหมายจับก็สามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ในสภาจับกุมได้ จึงมองว่าการกระทำของนายชวนและนายสุชาติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นการกระทำผิด

มีรายงานว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบในระบบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า พ.ต.ท.ไวพจน์มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ เมื่อปี 2552 เท่านั้น ส่วนกรณีที่ไปบุกรุกล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยายังไม่มีข้อมูลในสารบบการออกหมายจับแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.ท.กุศล อ่อนวรรณะ หัวหน้างานสอบสวน สน.บางโพ ระบุว่า ในระหว่างสมัยประชุม ส.ส.นั้น พ.ต.ท.ไวพจน์มีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการเมืองจึงไม่สามารถจับกุมตัวได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องเอาไว้ ก่อนส่งเรื่องไปที่ศาลจังหวัดพัทยาให้ตรวจสอบหมายจับที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาต่อ พ.ต.ท.ไวพจน์