วีระ แนะอนค. ต้องทำให้ผู้มีอำนาจเชื่อว่า การมีอยู่ของพรรค เป็นประโยชน์ต่อปท.มากกว่าโทษ

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม นายชำนาญ จันทร์เรือง รอง หน.พรรคอนาคตใหม่ เผยแพร่บทความของ นายวีระ ธีรภัทร พิธีกร นักจัดรายการชื่อดัง ที่เขียนถึงพรรคอนาคตใหม่ในเชิงแนะนำ หลังไปร่วมบรรยายให้ ส.ส.ของพรรคฟัง โดยระบุว่า

อนาคตใหม่ในการเมืองเก่า?

​เมื่อวานนี้ ผมรับนิมนต์พรรคอนาคตใหม่ ไปคุยอะไรให้ ส.ส.และผู้บริหารพรรคฟัง ในฐานะคนนอกในระหว่างการสัมมนาเพื่อเตรียมการของพรรค สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระแรก ที่จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 17-18 ตุลาคม

​ผมต้องบอกตามตรงว่า คิดอยู่เป็นนานสองนานว่าสมควรจะไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคนี้หรือไม่ดี
​แต่สุดท้ายก็สรุปว่าไป น่าจะดีกว่าปฏิเสธ

​ผมออกเดินทางจาก อสมท.ตอนประมาณบ่ายสามโมง ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงไปถึงสถานที่นัดหมาย เป็นสนามกอล์ฟชื่อ พัฒนากอล์ฟคลับ แอนด์ รีสอร์ต ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
​ถ้าหากผมเข้าใจไม่ผิด สนามกอล์ฟแห่งนี้น่าจะเป็นธุรกิจของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ เพราะ “พัฒนา” เป็นชื่อคุณพ่อของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้ว

​เราใช้เวลาพูดคุยกันประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ผมบรรยายตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย คือให้ช่วยประเมินหรือวิจารณ์พรรคอนาคตใหม่ในสายตาคนนอก และคำแนะนำบางประการเรื่องการดำเนินงานทางสภาผู้แทนราษฎร ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณางบประมาณรายจ่าย ที่จะต้องให้ความเห็นชอบในวาระแรก

​เรื่องงบประมาณผมแนะนำไปกว้างๆ ว่า ส.ส.ที่พิจารณาควรมีความรู้ความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 4 ฉบับ ไม่รวมร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ล่าสุดผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้วส่งให้สภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (7 ตุลาคม 2562)

​กฎหมาย 4 ฉบับที่ว่าคือ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 (รวมถึงประกาศและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้) พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ และ พ.ร.บ.เงินคงคลัง ที่จริงยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้
​แต่ผมคิดว่าถ้าหากเอาเฉพาะที่สำคัญ และเป็นหัวใจของเรื่องในเบื้องต้นก็น่าจะเท่านี้พอ

​ผมขอเล่าบรรยากาศภายในห้องเสวนา ซึ่งน่าจะเป็นส่วนของคลับเฮาส์เป็นอาคารสองชั้น คล้ายๆ กับคลับเฮาส์ของสนามกอล์ฟทั่วไป พอให้เห็นภาพว่า ในห้องนั้นมีผู้คนประมาณหนึ่งร้อยคน
​แต่ความน่าสนใจก็คือ ในห้องนั้นมี ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 80 คน อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้ง ส.ส.เขตเลือกตั้ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคการเมือง

​นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมเจอกับ ส.ส.เป็นจำนวนมากขนาดนี้

​ผมทราบในเวลาต่อมา เมื่อการทักทายพูดคุยกันว่า มีจำนวนไม่น้อยเป็นคนฟังรายการวิทยุที่ผมจัด ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่าที่เคยฟังรายการคุยได้คุยดี หรือคุยกันจันทร์ถึงศุกร์ ทางตรีนิตี้เรดิโอเอฟเอ็ม สวท.97.0 ที่ผมจัดช่วงปี 2541-2551 และยังมาฟังต่อเนื่องทางเอฟเอ็ม 96.5 อสมท. รวมทั้งรุ่นใหม่ที่เป็นคนฟังรายการ คุยได้คุยดี ทอล์ก นิวส์แอนด์มิวสิก ที่ผมจัดมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันด้วยอีกจำนวนหนึ่ง

​ไม่อยากเรียกว่าคนรุ่นใหม่รุ่นเก่าเอ็กวายแซด แต่ดูแล้วอายุอานามแต่ละคนไม่มาก หากเทียบกับผม คงประมาณรุ่นลูกรุ่นหลาน อาจจะมีรุ่นน้องหรือรุ่นเพื่อนผสมผสานบ้าง ส่วนที่เป็นรุ่นพี่อายุมากกว่าน่าจะมีไม่เกินสามคนห้าคน
​แน่นอนต้องผ่านหูผ่านตารายการทีวีที่ผมจัดอย่างหลากหลายก่อนหน้านี้ และรายการที่จัดในปัจจุบันสองรายการทางช่อง 9 MCOT ในปัจจุบัน ทั้งรายการฟังหูไว้หู และคุยรอบทิศ

​เอาเป็นว่ารู้จักผมดี จากงานที่ทำ แต่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันเป็นการส่วนตัว

​ผมบอกกับ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ที่มากันพร้อมหน้าพร้อมตาว่า ถ้าหากผมอายุน้อยกว่านี้ ผมไม่มางานแบบนี้หรอก
​แต่ในเมื่อผมเข้าถึงวัยชราภาพย่างหกสิบสาม จะครบอีกไม่นานนับจากนี้ ผมคิดว่าด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง ไม่ได้หวังผลประโยชน์ตอบแทนในเรื่องของอำนาจ

​สิ่งที่ผมคิดและติดตามในฐานะผู้สังเกตการณ์แล้วนำมาเล่าสู่กันฟัง อาจจะให้ข้อคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย

​ผมใช้หลักกัลยาณมิตรธรรม 7 และหลักสาราณียธรรม 6 สำหรับกิจกรรมนี้ครับ

​การวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันและการอุบัติขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ในบริบทใหม่ในทางเศรษฐกิจและสังคมและการเมือง รวมตลอดไปจนถึงภาระหน้าที่ที่พรรคนี้จะต้องดำเนินการทางการเมืองในอนาคต เป็นประเด็นสำคัญที่ผมแยกแยะให้ดูตามความเข้าใจของผม

​แน่นอนย่อมต้องประเมินถึงอนาคตของคุณธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ที่มีคดีความพัวพันมากไปจนเกิดความปริวิตกเรื่องการยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองของคุณธนาธร หัวหน้าพรรค ไปพร้อมกันด้วย

​ผมไม่คิดว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สิ้นสภาพ หรือมีเหตุต้องยุบเลิกไปด้วยคดีความที่กำลังพิจารณาอยู่ เช่นเดียวกันผมคิดว่าคุณธนาธรน่าจะผ่านขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติและสมาชิกภาพอย่างเข้มข้นจากศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเริ่มการไต่สวนพิจารณาคดีการถือหุ้นสื่อ คือหุ้นบริษัทวี-ลัคมีเดีย ในสัปดาห์หน้าไปได้ในท้ายที่สุด

​แน่นอนสำหรับ ส.ส.ทั้ง 80 คนของพรรคอนาคตใหม่ ย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดากับชะตากรรมของพรรคและหัวหน้าพรรค ที่จะทำให้อนาคตทางการเมืองของตนต้องยุติลงในเวลาอันสั้น หรือต้องปรับเปลี่ยนขยายที่ทางไปพรรคอื่นโดยไม่ยินยอมพร้อมใจ

​ผมบอกไปว่า ผมไม่มีข้อมูลลึกลับซับซ้อนอะไรในเรื่องนี้ ผมเพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่และการอุบัติขึ้นของพรรคการเมืองแบบพรรคอนาคตใหม่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องถือว่า เป็นช่วงปลายหรือขาลงของพรรคเพื่อไทย (นับย้อนไปจนถึงพรรคไทยรักไทย-พรรคพลังประชาชน ที่โดนคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบเลิกไปด้วย) เช่นนี้
​อันนี้รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วยก็ยังได้

​รากฐานทางสังคมเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าหากจะเดินไปข้างหน้าโดยมีรูปแบบทางการเมืองแบบเดิมในนามพรรคพลังประชารัฐ และพันธมิตรเครือข่าย เป็นเรื่องยากที่จะนำพาประเทศไปสู่จุดที่ทุกคนต้องการได้

​ถ้าหากประเทศไทยจะหลุดจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง 7,000 เหรียญต่อหัวต่อคนต่อปีในปัจจุบัน ไปเป็นประเทศที่มีรายได้ขั้นสูง 12,000-15,000 เหรียญต่อคนต่อปีในอีกสิบห้าถึงยี่สิบปีข้างหน้า
​พรรคการเมืองแบบใหม่ (จะเป็นอนาคตใหม่หรือไม่ก็ได้) จำเป็นต้องมีครับ

​ผมไม่ได้ขยายความในระหว่างที่คุยให้ฟังว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดีที่สุดก็เป็นรุ่น 4G แต่ที่ผมเห็นส่วนใหญ่ น่าจะประมาณ 2G หรือดีหน่อยก็ 3G โอกาสที่จะไปต่อในอนาคตที่กำลังมุ่งหน้าไปเป็น 5G มีความเป็นไปได้น้อยมาก ​ตกรุ่นใช้งานไม่ได้ไม่มีเครือข่ายรองรับ

​ผมเตือนด้วยความหวังดีไปว่า แม้รากฐานทางสังคมเศรษฐกิจไทยที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นับแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจการเงินในช่วงปี 2540-42 จะทำให้พรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย ภายใต้การนำของคุณทักษิณกับคณะและบริวาร สามารถอุบัติขึ้นและมีบทบาทได้ก็จริง

​แต่ตอนนี้ก็ต้องบอกว่า บทบาทและหน้าที่ที่ว่านั้นหมดสิ้นไปเรียบร้อยแล้วในทางเนื้อหา แม้จะยังเหลือปรากฏการณ์และร่องรอยให้เห็นอยู่ก็ตามที

​จากนี้ไปก็จบกลบฝัง

​สิ่งที่ผมแนะนำด้วยความหวังดีไปก็คือ พรรคอนาคตใหม่ต้องไม่ใช่มาแทนที่พรรคเพื่อไทย ต้องกำหนดภาระหน้าที่และสถานะบทบาทของตัวเองใหม่ และที่สำคัญอย่าแหลม (ผมใช้คำนี้) และอย่าใจร้อนจนเกินไป ไม่งั้นก็ต้องล้มคว่ำคะมำหงายอย่างแน่นอน
​ต้องทำให้คนมีอำนาจมากกว่าเห็นว่าการมีอยู่คงอยู่ของพรรคอนาคตใหม่ เป็นประโยชน์กับสังคมไทยมากกว่าเป็นโทษ

​ผมยังบอกแบบติดตลกด้วยซ้ำไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับการเลือกตั้งเมื่อต้นปี 2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส. 81 คนนั้น สำหรับผมและหลายคนมันเหมือนกับการเดินทางมาโลกมนุษย์ของพวกมนุษย์ต่างดาว
​ด้วยจำนวน ส.ส.ที่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ในสภาผู้แทนราษฎร และร้อยละ 11 ในรัฐสภา บทบาทของพรรคอนาคตใหม่ในทางการเมืองในอนาคตยังเปิดกว้างอีกมาก ที่สำคัญอย่าใจร้อนอย่าจมปลักกับเรื่องที่ยังไม่ถึงเวลาอันควรก็แล้วกัน

​ผมแนะนำไปว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องจัดตั้งวางระบบภายในพรรคอย่างจริงจัง ภายในเวลาสองปีทำให้เข้มแข็ง มีระบบกำกับดูแลสั่งการที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ พร้อมๆ กับที่ต้องขยายบทบาทในทางการเมืองไปสู่ระดับล่าง ผ่านการเลือกตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2563

​นี่คือเวทีทดลองปฏิบัติการจริง ที่จะผลักดันแนวคิดและนโยบายไปเป็นสิ่งของจับต้องได้เป็นรูปธรรม ถ้าหากพรรคคิดว่ามีกึ๋นมีคนเก่งและดีพอจริง

​ในช่วงจบการบรรยายและถามตอบ บรรยากาศเป็นไปด้วยความครื้นเครง สำหรับผมแล้วเหมือนกับการไปจัดรายการวิทยุ คุยได้คุยดีแล้วมีคนฟังมาแลกเปลี่ยนสอบถาม เรื่องสารพัดสารเพ เพียงแต่จัดนอกสถานที่ และเป็นกรณีพิเศษเพราะคนฟังคือ ส.ส.

​ผมสรุปสุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับว่า ถ้าหากมาถามผมว่าสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการจะบอกกับผู้คนว่า พรรคอยากจะทำอะไร อยากจะให้สังคมไทยเป็นอย่างไรในอนาคต
​ผมคิดว่า เอาง่ายๆ แค่บอกว่า พรรคอนาคตใหม่จะทำให้ประเทศไทยเป็นญี่ปุ่น สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่จะได้ประเทศไทยเป็นแบบญี่ปุ่นในอนาคต

​ถ้าคนเชื่อว่าทำได้ ก็ไม่ต้องมีอะไรต้องห่วงกังวลกับเรื่องในอนาคตเลยครับ

วีระ ธีรภัทร