ฉาวอีก! วีระซัด“สินบนสายไฟ”สหรัฐฯโยงกฟน.-ทีโอที เหน็บ ไทย“หักหัวคิว”ไม่ผิดแถมได้เป็นรมต.

ภายหลังจากที่ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พร้อมเสนอแนะให้พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกฯ และหน้าคสช. เร่งรัดตรวจสอบประเด็นเรื่องคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยกรณีล่าสุดนั้นคือ กรณีบริษัทโรลส์ รอยซ์ จ่ายสินบนให้กับบริษัท การบินไทย จำกัด บริษัท ปตท. และบริษัท ปตท.สผ. รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินกริพเพน

ล่าสุด (24 ม.ค.) นายวีระ ได้กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นที่บริษัท เจเนอรัล เคเบิล คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสายเคเบิลและสายไฟฟ้า ในรัฐเคนตั๊กกี้ ยอมจ่ายค่าปรับให้แก่ทางการสหรัฐฯกว่า 75 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนคดีจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐในหลายประเทศ โดยหนึ่งในนั้นมี ประเทศไทย ความว่า

“ยังไม่ทันขาดคำ บอกไปเมื่อวานว่าสินบนกับนักการเมืองและหน่วยงานราชการของไทย มีเกือบทุกหน่วยงาน วันนี้อัยการสหรัฐฯ แฉออกมาอีกแล้ว บริษัท เจเนอรัล เคเบิล คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสายเคเบิลและสายไฟฟ้า ในรัฐเคนตั๊กกี้ ยอมจ่ายค่าปรับให้แก่ทางการสหรัฐฯกว่า 75 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนคดีจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐในหลายประเทศ เช่นแองโกลา บังกลาเทศ จีน อินโดนิเซีย และไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายป้องกันการคอร์รัปชันในต่างประเทศ(FCPA) ของสหรัฐ” นายวีระ ระบุ

และว่า “เจ้าหน้าที่ในบริษัท Phelps Dodge International (Thailand) Ltd. หรือ PDTL รับรู้ว่าสาขาของบริษัทในต่างประเทศมีการว่าจ้างกลุ่มบุคคลที่สาม และผู้กระจายสินค้าให้จ่ายเงินสินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐในบางประเทศ เพื่อให้ได้มาหรือคงไว้ซึ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจ PDTL ยังได้จ่ายเงินกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ผู้กระจายสินค้าในไทยรายหนึ่งในช่วงปี 2012-2013 (พ.ศ.2555-2556) โดยทราบดีว่าเงินบางส่วนจะถูกนำไปใช้ในทางทุจริต เพื่อจำหน่ายสินค้าให้แก่รัฐวิสาหกิจไทย 3 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)”

นายวีระกล่าวต่อว่า “บริษัท เจเนอรัล เคเบิล คอร์ปอเรชัน เขายอมรับสารภาพว่าได้จ่ายเงินสินบนกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทราบดีว่าเงินบางส่วนจะนำไปใช้ในทางทุจริตเพื่อจำหน่ายสินค้า ให้แก่รัฐวิสาหกิจไทย 3 แห่ง

ชัดเจนนะ มาตราฐานของหน่วยงานปราบปรามการทุจริตของสหรัฐเขาถือว่าการติดสินบน (จ่ายหัวคิว) เพื่อให้ได้งาน นั้นเป็นการทุจริต บริษัทเอกชนที่ไปติดสินบนให้แก่ลูกค้าทั้งในและนอกประเทศสหรัฐ ล้วนมีความผิดทั้งสิ้น เมื่อถูกจับได้จะต้องถูกดำเนินคดี และต้องถูกบังคับให้จ่ายเงินชดใช้ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด กำไรก็ไม่ได้แถมต้องขาดทุนย่อยยับ เสียชื่อเสียงและยังต้องจ่ายเงินค่าทนายในการต่อสู้คดีอีกมากมาย”

และว่า “กรณีสินบนหรือเงินหัวคิว เมื่อเร็วๆ นี้หน่วยงานปราบปรามทุจริตของไทยทั้ง ป.ป.ท. , ป.ป.ช. และ สตง. ต่างดาหน้ากันออกมารับรองว่าเงินค่าหัวคิว (สินบน) เพื่อให้ได้งาน กรณีโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของกองทัพบก ไม่ใช่การทุจริต เป็นเงินที่จ่ายเพื่อให้ช่วยจัดการให้ได้ทำงานหน่วยงานปราบทุจริตของสหรัฐเขายืนยันว่าการทำเช่นนี้เป็นความผิดเป็นการทุจริต แต่หน่วยงานปราบทุจริตของไทยบอกไม่ผิดไม่ทุจริต ถ้าด้วยมาตราฐานอย่างไทยๆนี้ ทำให้ผมเริ่มมองเห็นผลการตรวจสอบของการบินไทยและ ปตท. แล้วว่า ผลน่าจะออกมาเช่นใด”

“กรณีเชื่อว่ามีการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ หลักฐานชัดเจนขนาดที่ พล.อ.อุดมเดช อดีต ผบ.ทบ.ออกมายอมรับและยืนยันเองว่ามีการเรียกเงินค่าหัวคิว (เงินสินบน) เพื่อให้ได้งาน แต่กรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน กลับเชื่อผลสอบของคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าไม่มีการทุจริต สรุปจบเรื่องง่ายๆ โดยยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด กรณีนี้กองทัพบกถูกกล่าวหา ก็ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกันเองถึง 2 ชุด และกรรมการตรวจสอบทั้ง 2 ชุด ของกองทัพบก ก็สรุปว่าไม่มีการทุจริต” นายวีระ ระบุ

นายวีระ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ต่อมา ป.ป.ท. , ป.ป.ช. และ สตง. ก็สรุปตามว่าไม่มีการทุจริต หลังจากที่มีการเปิดเผยข่าวจนอื้อฉาว ผู้ที่ถูกกล่าวหา (เซียนอุ๊) ว่าเป็นตัวการเรียกรับค่าหัวคิวแทนทหารบางนาย ก็หายตัวไปจนบัดนี้ แต่มีข่าวว่ามีการเอาเงินไปคืนให้ผู้แก่เอกชนผู้รับเหมา ต่อมาผู้รับเหมาก็เอาเงินค่าหัวคิวนั้น กลับมาบริจาคให้แก่กองทัพบก เรื่องก็จบง่ายๆ โดยไม่มีคนผิด ไม่มีการทุจริต เมื่อทหารคำรามว่าจบ ไม่มีการทุจริต ตำรวจที่เป็นคนเปิดประเด็นคนแรก ไม่รู้หายหัวไปไหนหมด ไม่กล้าขุดคุ้ยต่อ ที่สำคัญรัฐบาลทหาร คสช. นอกจากจะออกมาปกป้องนายทหารใหญ่ที่ถูกกล่าวหาอย่างเต็มที่แล้ว ยังกล้าเอาเข้ามาเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเสียอีก แน่ไหมล่ะ”