‘เศรษฐา’ สไตล์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

คุณเศรษฐา ทวีสิน ก่อนมาเป็นนายกรัฐมนตรีเคยบริหาร “แสนสิริ” ยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มาก่อน

ช่วงแรกๆ ที่เริ่มธุรกิจ ไม่ค่อยมีใครรู้จัก “แสนสิริ”

จนวันหนึ่งที่มีการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ คุณเศรษฐาทุ่มงบฯ หลายสิบล้านบาท

เปิดบูธ “แสนสิริ” แบบยิ่งใหญ่อลังการ

ทำ “บ้านตัวอย่าง” ขึ้นมาในงานให้เห็นเลย

คนซื้อไม่ต้องจินตนาการ

จบงานนี้ คนที่ไปงานรู้จัก “แสนสิริ”

จากนั้น “เศรษฐา” เริ่มกำหนดตำแหน่งสินค้าใหม่

“แสนสิริ” ต้องเป็นผู้นำเทรนด์ของวงการอสังหาริมทรัพย์

บ้านหรือคอนโดฯ ที่ขายจะราคาสูงระดับต้นๆ ของตลาด

ตอนที่จะขายบ้านราคา 30-50 ล้านบาท เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน

เขามีปัญหาว่าลูกน้องนึกไม่ออกว่าคนที่อยู่บ้านระดับราคานี้ต้องการอะไร

“เราคิดว่าคนที่ซื้อบ้านระดับราคานี้ต้องมีเงินประมาณเท่าไร” คุณเศรษฐาถาม

“น่าจะ 500 ล้านบาทครับ” ลูกน้องตอบ

สิ่งที่คุณเศรษฐาทำ คือ เขาพาลูกน้องจำนวนหนึ่งไปพักที่โรงแรมหรูระดับ 6 ดาวที่ยุโรป

เป็นโรงแรมที่มหาเศรษฐีของโลกไปพักกัน

ทุกคนได้พักห้องเดี่ยว

ตอนเย็นเขาถามลูกน้องว่ามื้อเช้าจะทานอาหารที่ไหน

ลูกน้องก็เกรงใจบอกว่าจะหาอาหารเช้าแถวๆ โรงแรมกิน

ที่ไม่บอกว่าจะกินอาหารเช้าที่โรงแรม เพราะเห็นราคาอาหารแล้วสูงมาก

ลูกน้องอยากประหยัดให้เจ้านาย

คุณเศรษฐาได้ยินแล้วโวยเลย

“คุณควรจะกินอาหารเช้าที่โรงแรม ให้รู้ว่าคนมีเงิน 500 ล้านบาทเขาใช้ชีวิตแบบไหน”

วิธีการสอนของเขา คือให้มาสัมผัสบรรยากาศจริงๆ

ให้รู้ว่าปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ต้องละเอียดระดับด้ายกี่พันเส้น

สถาปนิกที่มาจะได้รู้ว่าการใช้พื้นที่ในห้องนอนของมหาเศรษฐีนั้นไม่ใช่ใหญ่โตกว้างขวาง แต่เป็นการใช้สเปซอย่างไรให้มีรสนิยม

หรือ “กลิ่น” ที่โรงแรมใช้เป็นกลิ่นแบบไหน

พนักงานที่บริการเนี้ยบแค่ไหน ฯลฯ

กลับมาได้ไอเดียออกแบบบ้านหรูเลย

สถาปนิกคนหนึ่งเคยเล่าให้ผมฟังว่าคุณเศรษฐาเคยส่งเขาไปเรียนที่อังกฤษประมาณ 6 เดือน

สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ “ความรู้” จากการเรียนหนังสือ

แต่เป็นการใช้ชีวิตที่อังกฤษ

เรียนรู้สถาปัตยกรรมต่างๆ

เพื่อนำมาใช้ในโครงการของ “แสนสิริ”

 

“เศรษฐา” เป็นคนทำงานหนัก แต่ตั้งเป้าสูง

ลูกน้องทุกคนรู้ดี

เขาจะมาทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า

นั่งอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัท

นัดประชุม-ประชุม-ประชุม

ใครมีปัญหาก็เดินมาคุยได้

ทำงานจนถึงเย็น จะไปออกกำลังกายประมาณ 1-2 ชั่วโมง

พอ 1 ทุ่มก็จะมีนัดทานอาหารกับนายแบงก์ คู่ค้า ฯลฯ

4 ทุ่มกลับบ้านนอน

เสาร์-อาทิตย์ เขาจะไปเยี่ยมไซต์งานโครงการต่างๆ

โดยไม่บอกล่วงหน้า

และลงรายละเอียดระดับยิบ-ยิบ

อย่างเรื่อง “สนามหญ้า” ที่เขาเคยเล่าว่าโครงการส่วนใหญ่จัดหญ้าวันศุกร์ เพื่อรอรับลูกค้าวันเสาร์-อาทิตย์

คุณเศรษฐาบอกว่าถ้าตัดวันศุกร์

เสาร์-อาทิตย์ หญ้าจะเหลือง ไม่สวย

ต้องตัดก่อนหน้านั้นประมาณ 3-4 วัน

ลูกค้ามาวันเสาร์-อาทิตย์หญ้าจะสั้นและเขียว สวยงาม

แต่ผมเพิ่งรู้จากผู้บริหารคนหนึ่งว่าไม่ใช่แค่ตรวจสนามหญ้าว่าเขียวหรือไม่

คุณเศรษฐาถึงขั้นถอดรองเท้า-ถุงเท้า

และเดินสนามหญ้าด้วยเท้าเปล่า

เพื่อให้รู้ว่าพื้นเรียบ เป็นหลุมบ่อหรือไม่ และมีเศษหินอยู่ข้างล่างหรือเปล่า

หลักการง่ายๆ ที่เขาบอกลูกน้อง

สนามหญ้าต้องอยู่ในระดับที่ “คุณกล้าพาลูกเล็กๆ ของตัวเองมาวิ่งเล่นเท้าเปล่า”

“เศรษฐา” เป็นคนทำงานหนักมาก

เป็นคนบ้างานแบบไม่มีวันหยุด

เคยมีทายาทธุรกิจคนหนึ่งถามเขาในวงเสวนาว่ามีที่ดินแปลงหนึ่งใจกลางเมืองของพ่อ อยากทำอสังหาริมทรัพย์

“ผมควรทำอะไรดีครับ”

คำแนะนำของคุณเศรษฐา คือ “ขายที่ดินแปลงนี้”

ฟังเหมือนกวน

แต่เหตุผลแท้จริงของ “เศรษฐา” ก็คือ คำถามแรกของน้องคนนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ทำการบ้านมาเลย

ไม่พูดถึง “ลูกค้า” สักประโยคเดียว

ที่สำคัญที่สุด คือ เขาทำธุรกิจอื่นอยู่ และอสังหาริมทรัพย์เหมือนเป็นงานอดิเรก

“เศรษฐา” จะบอกคนกลุ่มนี้เสมอว่าคุณทำไปก็สู้พวกผมไม่ได้

เพราะคุณทำธุรกิจอื่นและอสังหาริมทรัพย์

แต่เขาโฟกัสอยู่แค่ธุรกิจเดียว

คือ อสังหาริมทรัพย์

ฟังเรื่องราวของคุณเศรษฐาตอนทำ “แสนสิริ” แล้วรู้เลยว่าตอนนี้เขาชกไม่เต็มหมัด

7 เดือนที่ผ่านมายังไม่ใช่ “ตัวตน” ที่แท้จริงของ “เศรษฐา”

มีเรื่องเดียวที่เขาชกเต็มหมัด

คือ เรื่องการท่องเที่ยว

เขาโฟกัสและไล่บี้งานละเอียดทุกขั้นตอน

แต่งานอื่นๆ เหมือนชกไม่เต็มหมัด

ไม่รู้ว่าไม่เชี่ยวชาญหรือเปล่า อย่างเช่น เรื่องความมั่นคง ฯลฯ

หรือเขารู้ว่าอำนาจที่มียังไม่เต็มมือเหมือนตอนอยู่ “แสนสิริ”

การบริหารการเมืองไม่เหมือนกับบริหารธุรกิจ

เพราะต้องมองซ้าย มองขวา

และมองบน

ที่สำคัญต้องไม่ให้เกิดความระแวง

 

มีประโยคหนึ่งที่คุณเศรษฐาพูดเป็นประจำในเวทีเสวนา และตอนเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ

“ผู้บริหารไม่ใช่คนที่พยายามหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ เขามีหน้าที่อธิบายว่าจะทำได้อย่างไร”

ประโยคนี้คน “แสนสิริ” จะคุ้นเคย

ครั้งหนึ่ง ตอนประชุมผู้บริหาร มีการเสนอโครงการหนึ่งขึ้นมา

ผู้บริหารแต่ละคนก็แสดงความคิดเห็น

ทุกคนบอกว่า “ทำไม่ได้”

และพยายามหาเหตุผลว่าทำไม่ได้เพราะอะไร

คุยไปพักหนึ่ง คุณเศรษฐาก็ตัดบท

เขาบอกว่าเราทุกคนในห้องรวมทั้งตัวเขาด้วยล้วนเป็นผู้บริหารมืออาชีพ แต่ละคนเงินเดือนก็สูงมาก

และประโยคเด็ดก็ตามมา

“ผู้บริหารไม่ใช่คนที่พยายามหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ เขามีหน้าที่อธิบายว่าจะทำได้อย่างไร”

ก่อนตบท้ายสั้นๆ ว่าไม่เช่นนั้นเราก็ให้แม่บ้านหรือน้องๆ รปภ.มาบริหารก็ได้

“เพราะตอบว่าทำไม่ได้เหมือนกับเราในห้องนี้”

…เรียบร้อย •

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์