ทำเนียบ | เรื่องสั้น : มนัส สัตยารักษ์

เรื่องสั้น | มนัส สัตยารักษ์

ทำเนียบ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวชุลมุนกันระหว่างทำหน้าที่ของตน ทะนงดูจะไม่มีบทบาทอะไรมากไปกว่าบันทึกเสียงการซักถามและโต้ตอบอย่างเดียวเท่านั้น ความนิ่งเงียบและวัยที่ค่อนข้างอาวุโสประกอบกับความมีน้ำจิตน้ำใจของเขาน่าจะเป็นที่เกรงอกเกรงใจของผู้สื่อข่าวอื่นอยู่บ้าง ใครที่มาช้าและไม่สามารถเบียดแทรกเข้าไปใกล้แหล่งข่าว จะได้รับสิ่งที่ต้องการจากทะนงเสมอ ราวกับว่าทะนงเป็นหัวหน้านักข่าวฉะนั้น

ทุกครั้งที่มีภาพสู่จอโทรทัศน์ในเวลาต่อมา จะเห็นทะนงยืนประกบอยู่ทางด้านหลังของวีไอพีที่เป็นแหล่งข่าวโดยไม่มีใครเบียดแทรกผลักไส เขาดูราวกับผู้พิทักษ์แหล่งข่าวหรือเป็นคนอารักขาบุคคลสำคัญเสียมากกว่า

ทะนงนิ่งและเงียบสนิท สีหน้าและแววตาไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นคำถามและคำโต้ตอบที่น่าหัวร่อหรือชวนเกรี้ยวกราดปานใดก็ตาม!

 

ภาพของทะนงในทำเนียบหรือที่อื่นๆ กลางเหตุการณ์ซักถามสัมภาษณ์ ทำให้ผมนึกถึงตัวเองในอดีตครั้งที่ยังเป็นผู้สื่อข่าวหนุ่ม ผมเหมือนคนยุคนั้นที่พยายามเป็นนักเขียนหรือนักประพันธ์ไปด้วย และโดยพื้นฐานความรู้ทางกฎหมายงูๆ ปลาๆ ทำให้กล้าได้กล้าเสีย ผมเชื่อว่าผมเหมาะสมกับประเทศที่กฎหมายมีมากจนสับสน กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ และกระบวนการยุติธรรมง่อนแง่น

ผมสนใจปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่ชุกชุมอยู่ทุกหย่อมหญ้า ไทยถูกประณามจากสื่อมวลชนและได้ฉายาว่าเป็นประเทศคอร์รัปชั่นมีอันดับของโลก การเขียนบทความที่เกี่ยวกับการทุจริตเป็นความปลอดภัยของคนเขียน เพราะมักจะไม่มีมีผู้ใดโต้แย้ง คัดค้านหรือฟ้องร้อง

ประกอบกับการอ่านข่าวเศรษฐกิจและการเมืองจากหนังสือพิมพ์ฝรั่งซึ่งเปี่ยมล้นด้วยสิทธิและเสรีภาพอันไร้ขอบเขต การเจริญรอยตามฝรั่งทำให้ผมประสบความสำเร็จล้ำหน้ากว่าหลายคนในวัยเดียวกัน

แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่นักการเมืองกับคนรอบตัวพากันเกรงกลัวและไม่ไว้ใจผู้สื่อข่าว ราวกับหนูกลัวแมวก็ไม่ปาน

ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา คนรอบตัวนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ล้วนเป็นผู้มีคุณวุฒิทั้งสิ้น หลายคนมีวุฒิสูงกว่าคนที่เขาเดินตามหลังด้วยซ้ำ บางคนจบปริญาเอกจากประเทศตะวันตก (และคงจะเป็นคนละกลุ่มกับพวกที่ให้มาชักชั้นในหรือเพื่อบำบัดความใคร่ที่เป็นข่าวอื้อฉาวไม่รู้จบ) ทุกคนมักจะถูกโจมตีจากโซเชียลและสื่อมวลชนว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้านายดูโง่ ด้วยเหตุนี้กระมังพวกเขาจึงดูเกรงกลัวนักข่าว

แรกๆ ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดพวกนักการเมืองเหล่านั้นจึงยินยอมน้อมรับกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ไม่มีคุณวุฒิ ซ้ำนักข่าวบางคนก็เห็นชัดว่าไม่มีคุณธรรมแม้แต่น้อย ส่วนใหญ่คงจะเนื่องมาจากเป็นคำสั่งของคนที่ได้ชื่อว่า “เจ้านาย” นั่นเอง

“ไม้สั้นอย่ารันขี้” เจ้านายคงใช้วลีนี้ควบคุมคนรอบข้าง

ผมรู้ธรรมชาติข้อนี้ตั้งแต่ยังหนุ่มจนย่างเข้าสู่วัยอาวุโสในปัจจุบัน

ผมค่อนข้างดังในฐานะนักเขียนบทความเกี่ยวกับการเมือง ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียน “ปากจัด” คนหนึ่ง และไม่นานก็ได้รับคำชักชวนจากบรรณาธิการให้เป็นนักเขียนประจำ

แน่นอน…โดยธรรมชาติ (หรือโดยธรรมเนียม) ผมเป็น “แมว” ตัวหนึ่งในทำเนียบที่อุดมไปด้วยหนูเงินเดือนแพง

 

แล้ววันหนึ่งบรรณาธิการก็เรียกผมไปพบ

“ทำเนียบให้พี่ไปรายงานตัวอีกแล้ว” เขาเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย “ข้อหาแบบเก่าน่ะแหละ…ข้อเขียนหลายเรื่องในหนังสือพิมพ์ของเราบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเขา”

ผมเข้าใจคำบ่นดี บางครั้งและบางคนในทำเนียบก็อยากเล่นบทเป็น “แมว” บ้าง เป็นเหตุให้บรรดาบรรณาธิการของเราต้องหมุนเวียนผลัดกันทำหน้าที่ ต่างไม่ค่อยมีเวลาว่างเพราะถูกฟ้องร้องและถูกศาลออกหมายเรียกเป็นประจำ และแล้วหลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป

“คราวนี้มาแปลกแฮะ ยังกะมีสายลับ ระบุมาเลยว่าเป็นข้อเขียนของนายทะนง เรื่องอะไรรู้ไหม?…ก็เรื่องที่เขียนว่าทหาร ตำรวจ และข้าราชการหลายคนในทำเนียบคุกเข่าทำความเคารพนักการเมืองราวกับเป็นข้าราชบริพาร แล้วนักการเมืองก็โปรดเสียด้วยสิ อื้อฉาวมากเรื่องนี้”

“พี่ก็เอารายการเสียภาษีของนักเขียนไปยันสิครับ หลายเรื่องทะนงไม่ได้เขียนนะครับ อย่างเรื่อง “ลีกวนยู” ให้สัมภาษณ์ว่าประเทศไทยอารักขาเขายังกะเขาเป็นนักโทษ หรือเรื่องรัฐมนตรีนายหนี่งวาดฝีเท้าเต้นรำโชว์นักข่าวในทำเนียบน่ะ ตอนนั้นทะนงยังเป็นเด็กหรือยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”

ผมฟื้นความหลังเท่าที่นึกออก ผมจำได้ว่าช่วงนั้นเพิ่งเป็นนักข่าวหนุ่มฟ้อในทำเนียบ

บรรณาธิการถอนหายใจยาว ส่ายหน้าไปมา “ก็ไอ้หลักฐานการเสียภาษีนี่แหละ ทะนงเป็นคนเซ็นรับ เขาก็รับว่าเขาเขียนเอง ทั้งที่มีหลายเรื่องเขาแค่ค้นหาข้อมูลกับรูปภาพมาให้…”

“นายไปแทนพี่ก็แล้วกัน” บรรณาธิการตัดบท “พวกในทำเนียบเกรงใจนายมากกว่าพี่นะ พี่ไม่ค่อยปากจัดเท่าไหร่ว่ะ”

แล้วผมก็จำต้องสวมบทเล่นเป็น “แมว” อีกครั้งหนึ่งตามธรรมเนียมของเรา

 

ผมนัดพบทะนงในร้านกาแฟปากซอยทางเข้าสำนักพิมพ์

ทะนงมาตามนัด เขาทราบมาก่อนแล้วว่าผมจะไปรายงานตัวในทำเนียบแทนบรรณาธิการ สีหน้าและแววตาของเขาเหมือนเดิม ไม่ร้อนและไม่หนาว สงบและนิ่งเหมือนในจอทีวี

“บก.บอกผมแล้วว่าพี่จะไปรายงานตัวที่ทำเนียบ” น้ำเสียงของเขาราบเรียบ

“พอรู้ไหมว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร?” ผมพุ่งเข้าสู่ปัญหาโดยไม่อ้อมค้อม

“ก็คงจะเรื่องคนในทำเนียบคุกเข่าทำความเคารพนักการเมืองแหละครับ ลือกันว่าทำเนียบกำลังพิจารณาจะให้ทนายความดำเนินคดีคนเขียน”

“ข่าวลือก็เป็นยังงี้แหละ ทำเนียบ ‘จ่อ’ จะดำเนินคดี…ออกจอแล้วก็แชร์แพร่กันไปในเน็ต ในคอม…ปิดกันให้แซด” ผมประชด

“สำหรับผมยังไงก็ได้ครับ” ทะนงตัดบทเช่นกัน หน้าตาของเขาเรียบเฉย

“ผมพอใจที่มีรายรับ พอใจที่ได้เสียภาษี แต่ก็พอใจเหมือนกันถ้าจะได้เกิดเพราะถูกฟ้อง ผมพอใจที่จะพังและพอใจที่จะดัง!”

 

หลังจากคุยกับทะนงวันนั้นแล้ว ผมครุ่นคิดตามลำพังโดยไม่เครียด เยือกเย็นและผ่องใส ผมเริ่มเข้าใจสีหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกของเขา ถ้าจะพูดกันด้วยภาษาพระก็คงต้องใช้คำว่า “ปล่อยวาง”

มันก็จริงและถูกต้องที่จะได้ปล่อยวาง ถ้าผมเป็นเขาก็คงจะปล่อยวางหรือ “อย่างไรก็ได้” เช่นกัน มันดีที่สุดสำหรับ “แมว” อย่างเรา

พอถึงวันที่ทำเนียบเรียกให้บรรณาธิการไปรายงานตัว ผมก็ไปแทน ไปในฐานะของแมวตัวหนึ่งซึ่งต้องเข้าไปอยู่ท่ามกลางหนูเงินเดือนแพง •