ถอดรหัส ‘วัดพลัง’ สแกนหา ‘สัญญาณ’ ‘บิ๊กแดง’ แบ๊ก ‘บิ๊กตู่’ เคียงคู่สู้การเมือง จัดกำลังรบ ทัพภาค 1 ใหม่ จับตา ‘บิ๊กบี้-ผบ.อ๊อบ’

รายงานพิเศษ

 

ถอดรหัส ‘วัดพลัง’

สแกนหา ‘สัญญาณ’

‘บิ๊กแดง’ แบ๊ก ‘บิ๊กตู่’ เคียงคู่สู้การเมือง

จัดกำลังรบ ทัพภาค 1 ใหม่

จับตา ‘บิ๊กบี้-ผบ.อ๊อบ’

 

สถานการณ์ทางการเมืองร้อนระอุ หลังรัฐบาล คสช.นำการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4-6 พฤษภาคม 2562 เป็นเหตุผลในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจาก 24 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นในเดือนมีนาคม 2562 เพื่อที่จะให้การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกิดขึ้นหลังพระราชพิธีผ่านพ้นไปแล้ว

งานนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่ในการชี้แจงเหตุผลที่ต้องการมีเตรียมการก่อนมีพระราชพิธี ตั้งแต่ 6 เมษายน จนมีพระราชพิธี และหลังพระราชพิธี ที่รัฐบาลและประชาชนจะจัดถวาย “ร.10” หลังทรงขึ้นครองราชย์

โดยมีรายงานว่า ระยะที่จะต้องจัดงานที่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธี เริ่มตั้งแต่ 6 เมษายน ที่เป็นวันจักรี ไปจนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2562

จนทำให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่ คสช. ออกมาสวนกระแสค้านเลื่อนเลือกตั้งของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งและนักการเมือง “ประชาชนที่อยากให้มีพระราชพิธีก่อน แล้วค่อยเลือกตั้งก็มี แต่คนที่ไม่ต้องการให้เลื่อนเลือกตั้ง มีแค่ 100-200 คนเท่านั้น”

จึงทำให้เกิดการวัดกำลังกันระหว่างนักการเมืองที่อยากเลือกตั้งและกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ต้องการ “ปิดเกม” ด้วยการให้เลือกตั้ง และประกาศรับรองผลการเลือกตั้งก่อนพระราชพิธี เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เพราะมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคแนวร่วมจะชนะเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาล และไม่ต้องการให้อีกฝ่ายสร้างสถานการณ์ได้ เพราะจะต้องจัดพระราชพิธี

แต่ฝ่ายรัฐบาล คสช. ต้องการให้รับรองผลเลือกตั้งหลังพระราชพิธี เพื่อเปิดช่อง หากในกรณีที่ผิดแผน พรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็จะได้มีการเดินเกมกันได้ เพราะพระราชพิธีผ่านพ้นไปแล้ว

ท่ามกลางกระแสข่าวลือสะพัดที่ว่า ในที่สุดจะไม่มีการเลือกตั้ง หลังจากที่พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งยังไม่ออก แม้จะคาดกันว่าจะประกาศออกมาไม่เกิน 18 มกราคม 2562 ที่ตรงกับวันกองทัพไทยพอดีก็ตาม

ในขณะที่ข่าวลืออีกกระแสก็มาแรงว่า เกิดการ “วัดพลัง” กันเกิดขึ้น

อีกทั้งที่น่าสังเกตคือ ทั้งบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. และ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ แท็กทีมกับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ในการออกมาติติงกลุ่มคนอยากเลือกตั้งและนักการเมืองพรรคเพื่อไทย และแนวร่วมหลายคน ที่เคลื่อนไหวต้านการเลื่อนเลือกตั้ง และกล่าวพาดพิงงานพระราชพิธีสำคัญ

ทั้งๆ ที่ปกติแล้ว นานๆ ครั้ง พล.อ.อภิรัชต์จะยอมให้สัมภาษณ์สื่อ โดยเฉพาะเรื่องการเมือง ที่มักจะหลีกเลี่ยง หลังจากที่เคยออกมาเตือนเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารมาแล้ว จนถูกวิจารณ์อย่างหนัก

แต่มาครั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์นำร่องออกโรงก่อน และให้สัมภาษณ์ซ้ำด้วยถ้อยคำที่รุนแรง

ทั้งเชื่อว่ามี “ใบสั่ง” ที่ทำให้คนเหล่านี้คิดและทำแบบนี้ มีหน้าที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ไม่รู้จะพูดยังไงกับคนประเภทนี้ อ้างประชาชนรำคาญ

ก่อนที่ทีมโฆษก ทั้ง ทบ. บก.กองทัพไทย และกลาโหม ก็ดาหน้าออกมาถล่มซ้ำ ด้วยถ้อยคำที่เข้มข้น

ทั้งที่ เสธ.ต๊อด พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. และโฆษก คสช. มักจะไม่ค่อยใช้คำที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่ก็กลับตำหนิ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ว่า ประชาธิปไตยบกพร่อง การเคลื่อนไหวที่กลายเป็นอาชีพหนึ่งไปแล้ว และตอกย้ำความไม่เหมาะ ไม่ควร ที่พาดพิงพระราชพิธี และมีการขีดเส้นพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง

ขณะที่ เสธ.ต้อง พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม ที่นอกจากจะออกมาติติงผู้นำพรรคเสรีรวมไทย ที่ป้ายสีกองทัพและสถาบันการศึกษาของทหารก็ตาม แต่ก็ยืนยันว่า กองทัพจะทำหน้าที่ในปีแห่งความปลื้มปีติ ปีมงคลของคนไทย ที่มีทั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เลือกตั้ง และการเป็นประธานอาเซียน

ตามมาด้วย เสธ.เวฟ พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองทัพไทย ที่ออกมายืนยันการมีเลือกตั้งในกรอบ 150 วัน กองทัพจะทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ขออย่าได้นำกองทัพไปเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใด และกลุ่มที่มีเบื้องหลัง หวังยั่วยุให้เกิดเหตุวุ่นวาย เกิดความไม่สงบ

ตามสำทับด้วย พล.อ.อภิรัชต์ที่แม้จะไม่ตอบโต้ฝ่ายการเมือง แต่ก็เตือนกลับไปว่า อย่าล้ำเส้น เพราะในเมื่อเขาไปขีดเส้นคนอื่น ท่านก็ต้องขีดเส้นให้ตัวท่านเองด้วย อย่ามาล้ำเส้น

“ผมมีประสบการณ์เรื่องผู้ชุมนุมมาไม่รู้กี่ปี ผมอ่านเกมออก แต่จะไม่ตอบโต้” พล.อ.อภิรัชต์ระบุ

รวมทั้งการพูดทิ้งปริศนาไว้ว่า “ประสบการณ์ตั้งแต่ปี 2547 ประชาชนคงไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ท่านก็อย่า…ผมไม่พูดดีกว่า…”

จนมีการคาดเดากันว่า หมายถึงเหตุจลาจลวุ่นวายที่จะทำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร เช่นที่ พล.อ.อภิรัชต์เคยออกมาเตือนไว้ก่อนหน้านี้

ยิ่งหากดูจากท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่แม้ว่าวันนี้จะมีหลายสถานภาพ หลายตำแหน่งหน้าที่ แต่ก็ยังมี พล.อ.ประยุทธ์ ที่เขาเรียกว่า “พี่ตู่” อยู่เต็มหัวใจ

ทั้งในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชาในกองทัพ และพี่ชายที่แสนดี ที่ช่วยกรุยทางให้เขามาตลอด จนขึ้นเป็น ผบ.ทบ. และทั้งในฐานะนายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่เป็น “นาย” สูงสุดในทางการเมือง

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.อภิรัชต์จึงขึ้นบอกกับเด็กๆ เยาวชนในงานวันเด็ก ทบ. ว่า “พล.อ.ประยุทธ์เป็นทั้งทหารและนักปกครองที่ดี” และเคยระบุว่า เป็นแบบอย่าง หรือไอดอลของตนเอง

ไม่ว่าจะอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ก็จะยังคงเป็น “น้องรัก” ที่ซื่อสัตย์กับ “พี่ตู่” คนนี้เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองในอนาคตอันใกล้จะเป็นอย่างไร

ในขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์เองที่นอกจากจะเป็น ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) แล้ว

ยังเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นคณะกรรมการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อีกด้วย

 

พล.อ.อภิรัชต์กำลังขยับปรับกองทัพบกให้เข้าที่เข้าทาง หลังจากมีการปรับหน่วยคุมกำลังที่เป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ ไปขึ้นอยู่กับกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) เช่น ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. จากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.)

ส่งผลให้ พล.1 รอ. ที่เคยเป็นขุมกำลังรบหลักของกองทัพภาคที่ 1 และเคยถูกเรียกว่าขุมกำลังปฏิวัติ ปรับเปลี่ยนไป คงเหลือแต่ ร.31 รอ. จ.ลพบุรี และกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ป.1 รอ.) และมีกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน 4 รอ.) ที่เคยถูกเรียกว่ากองพันทหารม้าปฏิวัติ และกองร้อยลาดตระเวนระยะไกล (ร้อย ลว.ไกล) เป็นกำลังหลัก

โดยก่อนหน้านี้ มีการปรับโครงสร้างกองพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (พล.ร.11) ฉะเชิงเทรา หน่วยเดิมของ พล.อ.อภิรัชต์ จากกองพลหนุน มาเป็นกองพลทหารราบเบา และมาเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 1 เพื่อเสริมกำลังให้ พล.1 รอ.

เพราะในกองทัพภาคที่ 1 ที่ถูกเรียกว่า “ทัพหลวง” นั้น จึงมีแค่ พล.1 รอ. ที่มีการปรับโครงสร้างใหม่ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) หรือกองพลบูรพาพยัคฆ์  ที่ก็เป็นหน่วยใน ฉก.ทม.รอ.904

และมีกำลังของกองพลทหารราบที่ 9 กาญจนบุรี และกองพลทหารราบที่ 11 ฉะเชิงเทรา

ดังนั้น ตั้งแต่ 1 เมษายน 2562 นี้ พล.อ.อภิรัชต์ได้โอนย้ายให้กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ให้มาเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 1 ขึ้นกับแม่ทัพภาคที่ 1 จากเดิมที่เป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก คือรับคำสั่งตรงจาก ผบ.ทบ.

พล.ม.2 รอ. ได้ชื่อว่าเป็นกองพลทหารม้าปฏิวัติในอดีต เพราะมีกำลังทหารและรถถัง รถเกราะ รถสายพานลำเลียงพล ที่สนามเป้า กรุงเทพฯ และมีกำลังอยู่ที่สระบุรีด้วย

อีกทั้ง พล.ม.2 รอ. ก็เป็นหน่วยที่มาปฏิบัติหน้าที่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ที่มี พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 นั่นเอง

นั่นหมายถึง การเพิ่มเขี้ยวเล็บกำลังให้บิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 และดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

พล.ท.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้

โดยจับตามองกันว่า พล.ท.ณรงค์พันธุ์จะขยับขึ้น 5 เสือ ทบ. ในโยกย้ายปลายปีนี้ เพื่อเตรียมจ่อเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ ที่จะเกษียณจาก ผบ.ทบ. กันยายน 2563 แต่คาดว่าหลังจากนั้น พล.อ.อภิรัชต์จะได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญ และไม่ต้องเกษียณราชการ

ส่วน พล.ท.ณรงค์พันธุ์ มีอายุราชการถึงกันยายน 2566

โดยโฟกัสกันว่า แม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป จะเป็นใคร ระหว่างบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่นั่งมาเป็นปีที่ 2 เพื่อนเตรียมทหาร 22 ของ พล.ท.ณรงค์พันธุ์

ส่วนอีกคนคือ บิ๊กต่อ พล.ต.เจริญชัย หินเธาว์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่โตมาจาก พล.ร.2 รอ. เป็นเตรียมทหาร 23 ที่ก็ฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์มาเช่นเดียวกับ พล.ท.ธรรมนูญ

หรือเรียกว่าเป็นนายทหาร  “คอแดง” เพราะสวมเสื้อคอกลมสีขาวและขลิบคอแดง ข้างใน เครื่องแบบนั่นเอง

ขณะที่ในกองทัพภาคที่ 1 ลุ้นกันว่า บิ๊กติ่ง พล.ต.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมทหาร 22 จะมีโอกาสหรือไม่ เพราะยังไม่ได้ไปฝึกหลักสูตร

แต่ที่ต้องจับตามองคือ บิ๊กแก้ว พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ รอง เสธ.ทบ. และอดีต ผบ.พล.ม.2 รอ. และเจ้ากรมยุทธการ ทบ. ที่ก็เป็นน้องรัก ตท.21 ของ พล.อ.อภิรัชต์ และเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ช่วยงาน พล.อ.อภิรัชต์อีกด้วย

พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

ส่วน ผบ.อ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.พล.1 รอ. นั้น ก็เป็นดาวเด่นจากเตรียมทหาร 24 และนายร้อย VMI สหรัฐอเมริกา ที่ถูกมองว่าจะจ่อขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในอนาคต

โดยมีรองเนี้ยว พ.อ.ทรงพล สาดเสาเงิน รอง ผบ.พล.1 รอ. อดีตลูกหม้อ ร.31 รอ. และทำหน้าที่เสนาธิการ ฉก.ทม.รอ.904 เป็นตัวเต็ง ผบ.พล.1 รอ. คนต่อไป

แต่ก็ไม่อาจมองข้ามรองตั้ง พ.อ.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. สายวงศ์เทวัญที่โตจาก ร.11 รอ. พล.1 รอ. ที่อาจจะโยกกลับมาชิงชัย เพราะที่ พล.ร.2 รอ.นั้นมีรองรุ่ง พ.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. สายบูรพาพยัคฆ์ จ่อคิวขึ้น ผบ.พล.ร.2 รอ. อยู่อีกคน

ทั้งหมดนี้อยู่ในการกุมบังเหียนของ พล.อ.อภิรัชต์ที่สวมหมวกหลากหลายใบ

 

จึงไม่แปลกที่ไม่ว่า พล.อ.อภิรัชต์จะพูด จะขยับอะไร ก็จะถูกจับตามอง และถอดรหัสสแกนสัญญาณกันทั้งสิ้น เพราะเรียกได้ว่าเป็น ผบ.ทบ.คนพิเศษ ที่มาในสถานการณ์พิเศษอีกคน

ท่าทีของ ผบ.ทบ. ควบเลขาธิการ คสช., และ ผบ.กกล.รส. รวมทั้ง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 เป็นเช่นนี้

  ก็ยากที่จะหยั่งรู้ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น…