‘ความตายในป่าทึบ’ | ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
กระทิง - ในหลายผืนป่า สัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่อย่างเสือโคร่งหายไป ประชากรกระทิงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันออกนอกป่าและเกิดปัญหากับคนอย่างเลี่ยงไม่พ้น

12.25 นาฬิกา

สภาพแสงที่มีแดดจัดจ้ามาตั้งแต่เช้าเปลี่ยนเป็นความมืดครึ้ม ไม่นานสายฝนก็โปรยพรำๆ

นี่เป็นสภาพอากาศปกติของช่วงเดือนกรกฎาคม ทำให้บางวันเราจะมีสามฤดู ร้อน ฝน และหนาว หมอกหนามีตั้งแต่ก่อนฟ้าสว่าง จนถึงราวเจ็ดโมงเช้าก็จะถูกแสงแดดเข้ามาแทนที่

บางคืนหลังฝนตก อุณหภูมิลดต่ำเหลือเพียง 10 กว่าองศาเซลเซียส

เช้ามืด ส่วนใหญ่ต้องเดินไปทำงาน รองเท้าและขากางเกงเปียกชุ่ม ตั้งแต่ 10 โมงเช้า จะร้อนอบอ้าว ผึ้งเข้ารุมตอม

วันนี้ ผมและเดชา คนงานหน่วยพิทักษ์ป่า ออกจากแคมป์ตอน 8 โมงเช้า จุดหมายเป็นโป่งแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในหุบ มีระยะทางในจีพีเอส 8 กิโลเมตร สภาพทางวกวนไปตามด่านที่สัตว์ใช้ หลังขึ้น-ลงสันเขา ทางลาดลงหุบ

เที่ยงวัน เราเหลือระยะทางอีกไม่ถึง 50 เมตรจะถึงจุดหมาย

ไก่ป่าฝูงใหญ่บินพรึบหลังดงไผ่เป็นที่โล่งค่อนข้างกว้าง จุดหมายเราอยู่ที่นั่น

บนด่านมีรอยตีนสัตว์ย่ำไว้เป็นเทือก รอยช้างโทนมีขนาดกว้าง เปรียบเทียบว่า ลงไปนั่งขัดสมาธิได้ รอยใหญ่โต มีรอยกดลึกอยู่ด้านหน้ามากกว่าทางด้านหลัง

“น่าจะช้างงานะครับ” เดชานั่งลงดูรอยช้างย่ำทับบนรอยสมเสร็จ และกระทิง

“เป็นสมัยพ่อผมเข้าป่าหายิงสัตว์แถวๆ บ้านถ้าเจอรอยแบบนี้ แกจะกลับบ้านเลยครับ” เดชาพูดเบาๆ เขาหมายถึงรอยสมเสร็จ

“แกเล่าให้ฟังว่า นี่มันเป็นตัวซวย รูปร่างประหลาด เหมือนเป็นสัตว์หลายชนิดมารวมกัน เจอรอยตีนหรือเจอตัวมันก็จะไม่เจอตัวอะไร”

รอยไม่ใหม่นัก เจ้าตัวคงเดินผ่านไปหลายวันแล้ว

เราเดินต่อ เข้าไปในป่าไผ่ แยกกันสำรวจ ร่องรอยสัตว์ป่ามาก ย่ำทับกันไว้อย่างสับสน ทำให้รู้ว่า ในช่วงเวลาเหมาะสมที่นี่ เป็นแหล่งอาหารยอดนิยมอีกแห่ง นอกจากมีน้ำในโป่ง ป่าไผ่รอบๆ ก็มีหน่อไม้แทงหน่อพ้นดิน

อีกสักหนึ่งเดือน ที่นี่คงจะคึกคักอย่างที่ควรจะเป็น

 

เสียงผิวปากเบาๆ แทรกขึ้นมา พร้อมกับเสียงนกเขาใหญ่

เดชาที่เดินเข้าไปหลังกอไผ่ผิวปากเรียก ผมเดินเข้าไปหา เดชายืนนิ่ง ในมือกระชับปืนลูกซองห้านัดแน่น เขาหันมามอง หันกลับชี้ให้ดูเบื้องหน้า

ห่างออกไปราว 10 เมตร มีร่างใหญ่โตของกระทิงนอนตะแคง

กระทิงตัวนั้นไม่มีส่วนหัว ใกล้ๆ ร่างมีชิ้นส่วนหัวที่ถูกผ่าครึ่ง เลือกแดงข้นไหลนอง

ซากทำเอาผมตื้อขึ้นมาในลำคอ บริเวณรอบๆ ไม่มีรอยดิ้นหรือต้นไม้เล็กหัก แบบเดียวกับที่เราพบซากที่เสือฆ่า

กระทิงตัวนี้ล้มตายอย่างเฉียบพลัน

“มันใช้ไรเฟิลยิงครับ” เดชาคาดการณ์ หากคนฆ่าไม่ได้ใช้ปืนแรงสูง คงมีร่องรอยกระเสือกกระสนของกระทิงน้ำหนักตัวร่วมตันตัวนี้บ้าง

ผมหันหลังให้ซาก เดินห่างออกมา รู้สึกได้ถึงความชื้นในดวงตา

 

ผมพบซากสัตว์ป่าบ่อยๆ และบอกเสมอว่า สัตว์ป่าล้มตายด้วยเขี้ยวเล็บจากการลงมือของสัตว์ผู้ล่านั้นไม่ใช่เรื่องแปลก หรือน่าเวทนา

มันคือส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดพลังงาน ถ้ากระทิงตายเพราะการทำหน้าที่ของเสือ นั่นมีชีวิตหนึ่งจบสิ้น แต่ความตายของกระทิงตัวนั้นจะทำให้ชีวิตอีกมากมายดำรงอยู่ต่อไป

เมื่องานของเสือสำเร็จ ซากจะถูกกัดกินต่อไปเป็นทอดๆ เป็นสภาวะสมดุลที่มีการถ่ายทอดพลังงานเป็นขั้นๆ สิ่งมีชีวิตจะมีการควบคุมประชากรของเหยื่อไม่ให้มีมากหรือน้อยเกินไป โดยระบบเช่นนี้ทำให้ชีวิตต่างๆ มีโอกาสมากขึ้น

คล้ายนี่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

 

ซากสัตว์ป่าตัวหนึ่งจะเป็นที่รวมของสัตว์อื่นมากมายผลัดกันเข้ามาใช้ ซากถูกกัดกินทุกชิ้นส่วนจนกระทั่งย่อยสลายไปในที่สุด

นี่เป็นวิธีการอันแยบยล ถูกออกแบบมาให้ชีวิตในป่าควบคุมกันเอง สัตว์กินพืชจำเป็นต้องถูกล่า ไม่เช่นนั้น พวกมันจะขยายพันธุ์ไปอย่างไร้ขอบเขต ปริมาณเพิ่มขึ้นเกิดการคละเคล้ากันเองระหว่างตัวที่อ่อนแอ กับตัวแข็งแรง สายพันธุ์จะอ่อนแอลง

และหากสัตว์กินพืชมีมากขึ้นเพียงไร พืชอันเป็นอาหารก็จะถูกกินมากจนเกิดภาวะขาดแคลน สัตว์ฝูงจำนวนมาก ขยายพื้นที่หากิน ออกจากป่า เข้ามาพบกับพืชผลที่คนปลูก ความเสียหายเกิดขึ้น การปะทะกับคนเกิดอย่างเลี่ยงไม่พ้น และนับวันคล้ายจะยิ่งรุนแรง

ในขบวนการนี้ สัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่จึงสำคัญและจำเป็น

กระทิง – ในหลายผืนป่า สัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่อย่างเสือโคร่งหายไป ประชากรกระทิงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันออกนอกป่าและเกิดปัญหากับคนอย่างเลี่ยงไม่พ้น

เหล่าสัตว์กินพืช ซึ่งอยู่ในสถานภาพของความเป็นเหยื่อมีหลายชนิด ตั้งแต่ขนาดใหญ่อย่างช้างไปจนถึงตัวเล็กๆ เช่นกระจง พวกมันทำหน้าที่จัดการดูแลควบคุมพืช รวมทั้งขยายพันธุ์พืชต่างๆ กันไป เมื่อมีสัตว์กินพืชต่างขนาด ต่างพฤติกรรม สัตว์ผู้ล่าจึงต้องมีต่างขนาด ต่างชนิดไปด้วย

ในป่า เสือโคร่งเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง สัตว์ขนาดใหญ่อย่างกระทิง รวมทั้งช้างรุ่นๆ ตกเป็นเหยื่อเสือโคร่ง ที่มีทั้งร่างกายอันเหมาะสมและทักษะ

เสือดาวขนาดย่อมลงมา มีความปราดเปรียว ขึ้นต้นไม้ได้ เหยื่อพวกมันเป็นสัตว์เล็กกว่า เก้ง หมูป่า ลิง ค่าง

แต่ในช่วงเวลาซึ่งเสือถูกคุกคาม จำนวนเสือไม่สมดุลกับเหยื่อขนาดใหญ่ ในบางผืนป่า หมาไนรับมอบหมายหน้าที่นี้แทน

หมาไนตัวไม่โต แต่วิธีการล่าที่ช่วยกันเป็นฝูง พวกมันจึงคล้ายเป็นนักล่าขนาดใหญ่ ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก

กระนั้นก็เถอะ ดูเหมือนในบางป่า งานก็หนักเกินกว่าเหล่าหมาไนจะรับมือ และควบคุมปริมาณสัตว์ขนาดใหญ่อย่างช้าง และกระทิง ให้อยู่ในสภาวะอันสมดุล

 

เมื่อเสือทำงานสำเร็จ สิ่งแรกที่ทำคือลากเหยื่อไปไว้ในที่มันคิดว่าปลอดภัย จากนั้นจะแทะกินโดยเริ่มจากสะโพกที่มีเนื้อมาก

สัตว์กินเนื้อที่จะมาใช้ซากต่อ คือ หมีควาย มีกฎระเบียบว่า ผู้ใดมาก่อนจะได้กินก่อน ตัวมาทีหลังจะอดทนรอ

พวกนักล่าจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย อาจหมายถึงปัญหาใหญ่จะตามมา รวมทั้งความตาย

 

จากนั้นเหล่าสัตว์ขนาดเล็ก จะแวะเวียนเข้ามา หมาจิ้งจอก เสือปลา ชะมด อีเห็น หมูป่าถึงจะกินพืชเป็นอาหารหลัก แต่กลิ่นซากก็หอมเกินกว่าจะห้ามใจ

เหี้ยมาถึงเร็ว กลิ่นซากลอยไปไกล เหี้ยอาวุโสกินก่อน ตัวขนาดย่อมรอ

ในระหว่างนั้น แมลงวันก็เข้าตอมวางไข่ นกเล็กๆ โฉบมากินหนอน เหยี่ยวหาโอกาสจัดการกับนกเล็ก

ซากจะถูกรุมกินตลอด 24 ชั่วโมง จนเหลือแต่กองกระดูก

ตอนนี้จะเป็นหน้าที่ของเม่นเข้ามาแทะกิน

กระทิงหนักหลายร้อยกิโล ย่อยสลายไม่เหลือชิ้นส่วน

 

ผมเดินห่างจากซากกระทิงมาไกล ภาพหัวกระทิงถูกผ่าครึ่งติดตา

“ความตายในป่าทึบ” ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเหล่าสัตว์ผู้ล่า คือเวลาเริ่มต้นงานเลี้ยง ไม่ใช่โศกนาฏกรรม

แต่ซากซึ่งสิ้นใจเพราะคมกระสุนนั้นเป็น •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ