‘ช้างศึก’ ลุยภารกิจด่านสอง ฟัด ‘โสมขาว’ ชี้ชะตาคัดบอลโลก

ทัพนักเตะ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เสร็จสิ้นภารกิจสำคัญรายการแรกของปีนี้ ด้วยการยุติเส้นทางไว้ที่รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเอฟซี เอเชี่ยนคัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์

แม้จะตกรอบแต่ในภาพรวมถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม ภายใต้การประเดิมคุมทัพของ มาซาทาดะ อิชิชิ กุนซือชาวญี่ปุ่น วัย 57 ปี

ประเดิมสนามด้วยการเอาชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 ซึ่งนับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์คว้าชัยชนะในนัดเปิดสนามของศึกเอเชี่ยนคัพได้เป็นครั้งแรก ตามด้วยการเสมอกับ โอมาน 0-0 และยันเสมอกับทีมชั้นนำของทวีปเอเชียอย่าง ซาอุดีอาระเบีย แบบไร้สกอร์เช่นกัน 0-0 ทำให้สร้างสถิติที่น่าสนใจด้วยการไร้พ่ายในรอบแรก และไม่เสียประตูในรอบแรกเช่นกัน

ทะลุผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอฟ หลังทีมชาติไทยลงเตะ 3 นัด ชนะ 1 เสมอ 2 เก็บได้ 5 แต้ม ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน โดยผ่านเข้าไปดวลกับทีมแกร่งอย่าง อุซเบกิสถาน

ซึ่งแม้ผลที่ออกมาทีมไทยพ่ายหวิวไป 1-2 แต่ถือว่าผลงานน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

 

การขาดหายไปของ 3 นักเตะสำคัญไม่ว่าจะเป็น “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าจอมเก๋า, “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญ และ “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ทำให้ทัพช้างศึกชุดนี้สะเทือนไปพอสมควร

แต่ มาซาทาดะ อิชิอิ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีมือ และการวางแผน รวมทั้งการปลุกเร้านักเตะทุกคนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

นักเตะช้างศึกทุกคนเล่นร่วมกันอย่างเป็นระบบ และมีระเบียบวินัย ทั้งการเล่นเกมรุก และการลงมาตั้งเกมรับ จนกลายเป็นทีมที่พร้อมต่อกรในระดับเอเชียได้แบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี

ที่สำคัญนักเตะทุกคนยังสามารถสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงสนามทดแทนกันได้แบบไร้รอยต่อ จากการหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียวของมาซาทาดะ อิชิชิ

 

อย่างไรก็ตาม ศึกเอเชี่ยนคัพ 2023 เป็นเพียงแค่บททดสอบแรกของทัพช้างศึกในปีนี้ ซึ่งแม้ว่าจะสอบผ่านเกณฑ์ แต่ก็ยังทำคะแนนได้ไม่ดีจนติดท็อป ซึ่งหลังจากนี้ยังมีสิ่งที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข ไม่ใช่เฉพาะทีมชาติไทย อย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงไทยลีก และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่จะต้องทำงานร่วมกับทีมโค้ชอย่างใกล้ชิดเพิ่มยิ่งขึ้น

หลังจากนี้ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย มีภารกิจสำคัญด่านที่สองในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 3 ซึ่งมีคิวเตะ 2 นัดไป-กลับ ดวลแข้งกับทีมท็อปของทวีปเอเชียอย่าง “โสมขาว” เกาหลีใต้ โดยทีมชาติไทยจะบุกเยือนก่อนในวันที่ 21 มีนาคม และกลับมาเตะในบ้านที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 26 มีนาคม

มาซาทาดะ อิชิอิ มีความเชื่อมั่นว่า นักเตะช้างศึกได้รับประสบการณ์ที่ดีจากศึกเอเชี่ยนคัพ 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เห็นแล้วว่ามีจุดไหนต้องปรับปรุงบ้าง หวังว่ากลับไปสโมสรแล้วจะสามารถแก้ไขได้อย่างต่อเนื่อง

จากสิ่งที่ได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ถ้านักเตะเอาไปปรับใช้ในสโมสรได้จะเป็นประโยชน์ต่อทีมชาติไทยอย่างมากในรายการต่อไปอย่างฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

 

จากผลงาน 2 นัดแรกของทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี เก็บมาได้ 3 แพ้ หลังจากนัดแรกพ่ายคาบ้านต่อ จีน 1-2 ก่อนบุกชนะ สิงคโปร์ 3-1 ทำให้เส้นทางสู่รอบต่อไปคือ รอบสาม หรือรอบ 18 ทีมสุดท้าย ยังเปิดกว้างรออยู่ แต่อีก 2 นัดต่อไปกับเกาหลีใต้ ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของทีมชาติไทย

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี อีก 4 นัดสุดท้ายของทีมชาติไทยในปีนี้ ประกอบด้วย บุกเยือนเกาหลีใต้ ในวันที่ 21 มีนาคม ตามด้วยกลับมาเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน ต้อนรับการมาเยือนของเกาหลีใต้ ต่อเนื่องทันทีในวันที่ 26 มีนาคม จากนั้นจะเป็นโปรแกรมบุกเยือนจีน ในวันที่ 6 มิถุนายน และปิดท้ายด้วยการเปิดบ้านส่งท้ายดวลแข้งกับสิงคโปร์ ในวันที่ 11 มิถุนายน

ขณะที่รูปแบบของการแข่งขันในรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง จะคัดเลือกเอาอันดับ 1 และ 2 จากทั้งหมด 9 กลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบสาม หรือรอบ 18 ทีมสุดท้าย ซึ่งในรอบนี้จะมีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม และเป็นด่านสุดท้ายในการคว้าตั๋วฟุตบอลโลก โดยที่ทีมอันดับ 1 และ 2 จากทั้ง 3 กลุ่ม จะได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย แบบอัตโนมัติ รวมเป็น 6 ทีมแรก

ส่วนอันดับ 3 และ 4 จากทั้ง 3 กลุ่มจะต้องไปคัดเลือกกันต่อในรอบสี่ ที่จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม เพื่อฟาดแข้งเอาอันดับ 1 ของทั้ง 2 กลุ่ม คว้าตั๋วฟุตบอลโลกเป็นทีมที่ 7 และ 8 ส่วนทีมอันดับ 2 ของทั้ง 2 กลุ่มยังจะต้องไปแข่งต่อกันในรอบห้า ซึ่งจะเพลย์ออฟกัน เพื่อคว้าสิทธิเป็นตัวแทนทวีปเอเชีย ไปเตะเพลย์ออฟกับตัวแทนทวีปอื่น

เป็นตั๋วใบสุดท้ายของเอเชียที่ได้ลุ้นกัน

 

แม้โควต้าเอเชียจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 ทีม แต่ถือเป็นงานหนักสำหรับทีมชาติไทยกับการลุ้นคว้าตั๋วฟุตบอลโลก 2026 ในหนนี้

เพราะเส้นทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามอีกหลายด่านเลยทีเดียว

แต่หลังจากนี้ด่านแรกที่จะต้องโฟกัสก็คือ 2 นัดไป-กลับ กับทีมชาติเกาหลีใต้ ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญว่า ทัพช้างศึกจะยังคงอยู่ในเส้นทางฟุตบอลโลก และหยุดเส้นทางไปเพียงเท่านี้

หนทางไปสู่ความฝันฟุตบอลโลกของแฟนบอลชาวไทยทุกคน จะเกิดขึ้นให้ได้เห็นในเร็ววันนี้

หรือยังคงต้องรอต่อไป… •

 

เขย่าสนาม | เมอร์คิวรี่

[email protected]