“โออาร์ ไทยแลนด์ จีพี 2023” เรซที่สมบูรณ์ทั้งใน-นอกสนาม

กฤตภัทร เขื่อนคำ ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง

ปิดฉากกันไปแล้วสำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” สนามที่ 17 “โออาร์ ไทยแลนด์ จีพี 2023” ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพศึกนักบิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

ต้องบอกว่าการแข่งขันที่จบลงไปนั้น สร้างความประทับใจอย่างมาก และถือว่าประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการแข่งขันในสนาม หรือเรื่องนอกสนามก็ตาม

ในส่วนของการแข่งขันในสนาม เราได้เห็นเรซที่ดุเดือดเผ็ดมัน ลุ้นกันจนถึงโค้งสุดท้าย ระหว่าง 3 นักบิดระดับโลก ทั้ง ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า จ่าฝูงชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เลโนโว ทีม, ฮอร์เก้ มาร์ติน นักบิดสแปนิชจาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง ที่กำลังทำแต้มไล่ล่าในตารางแชมเปี้ยนชิพ รวมถึง แบรด บินเดอร์ นักบิดจอมสอดแทรกแอฟริกาใต้จาก เร้ดบูล เคทีเอ็ม แฟ็กตอรี เรซซิ่ง ทีม ก่อนที่มาร์ตินจะเป็นผู้เข้าเส้นชัยคนแรก

ทำให้การแข่งขันลุ้นแชมป์เข้มข้นขึ้นเพราะบันยาญ่านำแค่ 13 คะแนนเท่านั้น

 

แต่ที่เป็นไฮไลต์ที่สุดสำหรับคนไทย ก็คือ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดชาวไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบิดไทยคนแรกที่ขึ้นโพเดียมโฮมเรซของตัวเอง ในการแข่งขันโมโตทูสำเร็จ หลังเข้ามาเป็นอันดับ 3 ตามหลัง เฟร์มิน อัลเดเกร์ นักบิดสแปนิชจาก เบต้า ทูล สปีดอัพ และว่าที่แชมป์โลกอย่าง เปโดร อคอสต้า นักบิดสแปนิชจาก เร้ดบูล เคทีเอ็ม อาโย

นับว่าเป็นการแก้ตัวจากปีก่อน ที่เจ้าตัวพลาดการคว้าแชมป์ในบ้านตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายนำอยู่ในรอบชิงชนะเลิศ แต่กลับไปเร่งจนพลาดหลุดโค้งเสียเอง ทำให้โทรฟี่แชมป์หลุดหายไปแบบน่าเสียดาย

ในขณะที่ปีนี้ต้องยอมรับว่า 2 คนนำนั้นขี่แบบเหนือชั้นกันสุดสุด ทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ฉะนั้น การติดโพเดียมก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว

“ผมดีใจมากครับ ผมตั้งใจมากๆ ที่จะติดโพเดียมให้ได้ในรายการนี้ หลังจากที่ปีที่แล้วพลาดไปจนแข่งไม่จบ ขอบคุณทีม ขอบคุณทีมเมท, ผู้สนับสนุน และแฟนๆ ทุกคนที่มาให้กำลังใจอย่างเต็มเปี่ยม แล้วเจอกันสนามต่อไป”

ขณะที่โมโต 3 เราได้เห็นนักบิดไทยลงทำการแข่งขันถึง 2 คน ทั้ง “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง – โบเอ และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย แม้ว่าจะจบอันดับท้ายก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของทั้งคู่ เพื่อก้าวไปสู่อนาคตนักบิดชื่อดังต่อไป

 

ส่วนภาพของนอกสนาม เราได้เห็นภาพที่ผู้ชมจำนวนมากตบเท้าเข้าสู่สนาม แม้ว่าก่อนการแข่งขันครั้งนี้ จะมีปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลที่ทำให้งบประมาณในการจัดการแข่งขันติดขัด แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากทุกฝ่าย ทำให้การแข่งขันผ่านออกมาได้อย่างสมบูรณ์

ยอดผู้ชมจากทั้ง 3 วัน มีมากถึง 179,811 คน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหลักพันคน ลบคำครหาที่บอกว่าศึกโมโตจีพีในไทย กระแสตกลงไปแล้ว ไม่ฮอตเปรี้ยงปร้างเหมือนปีแรกๆ ที่จัดการแข่งขัน

นอกจากนี้ ในจำนวนดังกล่าว เป็นแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 11 เปอร์เซ็นต์ ที่จำนวน 52,000 คน มากกว่าปีที่แล้วที่มี 46,000 คน ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ลดลงไปมาก และประเทศเปิดมากขึ้นด้วย

 

ส่วนสำคัญเลยที่ทำให้ “โออาร์ ไทยแลนด์ จีพี 2023” ประสบความสำเร็จในแง่ของการมีส่วนร่วมและผู้ชมจำนวนมาก มาจากการจัดกิจกรรมจัดหนักจัดเต็ม ในช่วงสัปดาห์ที่มีการแข่งขัน

ตั้งแต่การทำคลิปโปรโมต และจัดปรีอีเวนต์อย่าง “ผัดไทย จีพี” ที่ให้นักบิดระดับโลก มาทดลองทำผัดไทย สตรีตฟู้ดแสนอร่อยของคนไทยที่กลายเป็นจานโปรดของคนทั่วโลก เผยแพร่ซอฟต์เพาเวอร์ออกไปให้ทั่วโลกได้เห็นกัน

แถมช่วงเรซเดย์ ที่นอกจากกิจกรรม Pit Lane Walk ให้แฟนๆ เกาะติดการทำงานอย่างใกล้ชิด ยังนำเอานักบิดระดับโลกไม่ว่าจะเป็น มาร์ก มาร์เกซ จากฮอนด้า, ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ จากยามาฮ่า, ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า แชมป์โลกคนปัจจุบัน จากดูคาติ และสมเกียรติ จันทรา ขวัญใจชาวไทย ขึ้นรถที่ตกแต่งด้วย “ผ้าขาวม้า” อันเป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นไทย ทักทายแฟนๆ รอบสนาม ซึ่งนับเป็นการช่วยผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ด้านวัฒนธรรมไทยให้นักแข่งและนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส และเผยแพร่ไปทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังมี “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เอ็กซ์โป” ที่จัดเต็มร้านค้าทั้งจากผู้สนับสนุน และสินค้าโอท็อปจากชาวบุรีรัมย์ มาให้แฟนๆ ได้เลือกซื้อกัน

 

จากการเปิดเผยสถิติของ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการแข่งขัน “โออาร์ ไทยแลนด์ จีพี 2023” ในช่วงระยะเวลา 3 วัน สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดอื่นๆ ประมาณ 4,493 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานมากถึง 6,426 ตำแหน่ง

ขณะที่การถ่ายทอดสดการแข่งขันรถจักรยานยนต์รุ่นโมโต ทู และโมโตจีพี ในครั้งนี้ มีผู้ชมจากทั่วโลกกว่า 800 ล้านคน นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจเพราะนอกจากจะได้แสดงอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดบุรีรัมย์ให้ทั่วโลกได้รับรู้แล้ว ยังแสดงถึงศักยภาพของจังหวัดบุรีรัมย์ในการเป็นเมืองกีฬามาตรฐานโลกอย่างแท้จริง

จากการประสบความสำเร็จอย่างมากในครั้งนี้ ต้องมารอดูกันว่ากับสัญญาที่เหลืออีก 2 ปี รัฐบาลไทยจะมีท่าทีอย่างไรในการต่อสัญญากับทาง ดอร์น่า สปอร์ต ออกไป

เพราะบอกเลยว่ากีฬาระดับโลกแบบนี้ ไม่ได้มีโอกาสจัดกันได้ง่ายๆ

อย่าปล่อยให้หลุดมือเชียว •

 

เขย่าสนาม | เด็กเก็บบอล

[email protected]