เมอร์คิวรี่ : จับตาทัพ “ช้างศึก” ยุคใหม่ บทพิสูจน์แรกของ “ราเยวัช”

คอลัมน์เขย่าสนาม
เมอร์คิวรี่ [email protected]


ได้เห็นหน้าค่าตากันไปแล้วสำหรับนักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทยยุคใหม่ภายใต้การคุมของ “มิโลวาน ราเยวัช” กุนซือชาวเซอร์เบีย ซึ่งได้ประกาศรายชื่อ 35 นักเตะชุดแรก เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมเตรียมทีมบุกอุ่นเครื่อง “อุซเบกิสถาน” วันที่ 6 มิถุนายน และฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีม พบ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)” วันที่ 13 มิถุนายน

โผช้างศึกยุคใหม่สร้างความฮือฮาไม่น้อยเมื่อมีแข้งหน้าใหม่เข้ามาติดทีมชุดใหญ่ถึง 7 คน ทั้ง ชุติพนธ์ ทองแท้ มิดฟิลด์ทีมราชบุรี, เควิน ดีรมรัมย์ แบ๊กซ้ายทีมราชบุรีลูกครึ่งไทย-สวีเดน, เฉลิมศักดิ์ อักขี กองหลังทีมอุบล, พรรษา เหมวิบูลย์ แบ๊กซ้ายทีมบุรีรัมย์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว กองหลังกัปตันทีมนครราชสีมา, ชัยวัฒน์ บุราณ และ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี 2 แข้งทีมพัทยา

ยิ่งกว่านั้นยังมีหลายคนได้โอกาสกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง โดยเฉพาะ “ลีซอ” “ธีรเทพ วิโนทัย” ดาวเตะทีมแบงค็อก ที่กลับมาติดธงในรอบกว่า 3 ปี

รวมทั้ง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายด่านทีมบุรีรัมย์, พิศาล ดอกไม้แก้ว นายทวารทีมบางกอกกล๊าส, กรกช วิริยอุดมศิริ แบ๊กซ้ายทีมบุรีรัมย์, พุทธินันท์ วรรณศรี กองหลังทีมแบงค็อก, นัสตพล มาลาพันธ์ ดาวรุ่งทีมชลบุรี และ แอนโธนี่ อำไพพิทักษ์วงษ์ มิดฟิลด์แบงค็อก

ส่วนผู้เล่นชุดหลักยังยึดโครงสร้างเดิมคือ นักเตะทีมเอสซีจี เมืองทอง ทั้งนายด่าน กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมยุค “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ทริสตอง โด, อดิศร พรหมรักษ์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, วัฒนา พลายนุ่ม, มงคล ทศไกร และ ธีรศิลป์ แดงดา รวมทั้ง สิโรจน์ ฉัตรทอง ศูนย์หน้าร่างยักษ์ย้ายร่วมทีมเมืองทองในเลกสองด้วย

ขณะเดียวกันก็มีผู้เล่นจากชุดเดิมที่หลุดจากทีมชุดใหม่ไปมากถึง 9 คน ไม่ว่าจะเป็น ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ, กรวิทย์ นามวิเศษ, ประวีณวัช บุญยงค์, ประทุม ชูทอง, จักรพันธ์ แก้มพรม, ประกิต ดีพร้อม, อดิศักดิ์ ไกรษร, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และ ชาริล ชัปปุยส์ ดาวเตะลูกครึ่งไทย-สวิส ซูเปอร์สตาร์ขวัญใจแฟนบอลสาวที่หลุดโผในสายตาของกุนซือราเยวัช

 

สําหรับแผนเข้าแคมป์เก็บตัวครั้งนี้ได้เรียกนักเตะเข้ามารายงานตัววันที่ 29 พฤษภาคม และเก็บตัวที่สนามเกียรติธานี คันทรี คลับ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยที่นักเตะเมืองทองและเชียงรายที่มีชื่อติดทีมชาติเข้ามาจะตามมาสมทบวันที่ 3 มิถุนายน เพราะมีโปรแกรมโตโยต้า ไทยลีก 2017 นัดตกค้าง วันที่ 2 มิถุนายน

มิโลวาน ราเยวัช ระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเก็บตัวครั้งแรกคือ การทำความรู้จักกับนักเตะ และเตรียมพร้อมเตะ 2 แมตช์ ดังนั้น จึงเรียกนักเตะเพิ่ม และอยากให้นักเตะสร้างความประทับใจ พร้อมกับทำให้ตัวเองได้รู้จักนักเตะมากยิ่งขึ้น เพราะส่วนใหญ่ได้เห็นฟอร์มในสนาม แต่ยังไม่ได้สัมผัสตัวจริงๆ ในตอนฝึกซ้อม และหลังจากนั้นก็จะตัดตัวชุดสุดท้ายต่อไป

“สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสร้างบรรยากาศที่ดีในทีม ทำให้นักเตะได้ทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น ส่วนนักเตะที่ไม่มีรายชื่อติดทีมชาติรอบนี้ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่ได้ติดทีมชาติรอบหน้า เพราะผมจะพยายามเข้าชมเกมในสนามให้ได้มากที่สุด เพื่อหานักเตะใหม่ๆ และขอยืนยันว่าทุกคนมีโอกาสติดทีมชาติไทยเท่าเทียมกัน” กุนซือชาวเซอร์เบียกล่าว

ราเยวัชเข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไทยได้มาถึงเดือน แต่เขาพร้อมด้วยทีมงานผู้ช่วยโค้ชได้ตระเวนเดินทางไปเข้าชมในสนามของศึกไทยลีกให้ได้มากที่สุด เพื่อคัดสรรหานักเตะชุดที่ดีที่สุดเข้ามาติดทีมชาติ โดยจะมี “โค้ชเฮง” “วิทยา เลาหกุล” ประธานฝ่ายเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คอยให้ข้อมูล แต่ไม่ได้ก้าวก่ายการทำงานแต่อย่างใด

โผรายชื่อทีมชาติชุดใหม่ที่ออกมานั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า นักเตะทุกคนมีโอกาสติดทีมชาติเท่าเทียมกันขึ้นอยู่กับฝีเท้าในการลงเล่นกับต้นสังกัด โดยจะมีไม่การแทรกแซงในการคัดเลือกนักเตะเข้ามาติดทีมชาติเลย เนื่องจากราเยวัชและทีมงานจะเฟ้นหานักเตะที่ฟอร์มดีเข้าตาเข้ามาติดทัพ โดยปราศจากปัจจัยอื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น!

 

นับเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของทีมชาติไทยกับเฮดโค้ชคนใหม่ที่เคยพา “กานา” ทะลุผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก 2010 มาแล้ว…

แต่แน่นอนว่าทีมชาติไทยจะแตกต่างจากกาน่าโดยสิ้นเชิง ทั้งเรื่องสรีระร่างกาย และสไตล์การเล่น รวมทั้งวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ราเยวัชควรจะต้องเรียนรู้อัตลักษณ์ในความเป็นนักเตะไทยให้ได้เร็วที่สุด

ที่ผ่านมาราเยวัชเข้ามาทำงานในวงการฟุตบอลเอเชีย โดยเริ่มต้นเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมปักกิ่ง กั๋วอัน ในลีกจีน เมื่อปี 2001-2003 ก่อนย้ายมาเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมอัล ซาดด์ ในลีกซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2004-2005 และอัล อาห์ลี ในช่วงปี 2010-2011

จากนั้นคุมทีมชาติกาตาร์ และแอลจีเรีย ก่อนมาคุมทีมชาติไทย ซึ่งถือว่าเขาผ่านประสบการณ์ในลีกตะวันออกกลางมาอย่างโชกโชน แต่ยังต้องเรียนรู้ประสบการณ์ในอีกฝากฝั่งหนึ่งของลูกหนังเอเชีย

อย่างไรก็ตาม ประตูสู่ทีมชาติไทยในยุคราเยวัชได้เปิดกว้างให้นักเตะไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะดาวรุ่งหน้าใหม่ที่กุนซือชาวเซอร์เบียรายนี้ พร้อมเปิดโอกาสให้เข้าโชว์ฝีเท้าแจ้งเกิด แต่ประเด็นสำคัญคือ ราเยวัชจะผสมผสานนักเตะโครงสร้างหลัก และนักเตะหน้าใหม่ให้ลงตัวได้มากน้อยเพียงใด

แท็กติกการเล่นของราเยวัชก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจว่าเขาจะเลือกระบบการเล่นรูปแบบไหนกับทีมชาติไทยยุคใหม่ ซึ่งแต่เดิมโค้ชซิโก้ยึดระบบการเล่น 4-3-3 พร้อมกับการต่อบอลเท้าสู่เท้า และการเปิดเกมรุกได้ตื่นตาตื่นใจ แต่ยังมีเกมรับเป็นจุดอ่อนของทีม ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ราเยวัชจะต้องแก้ไข

จากรายชื่อที่ราเยวัชประกาศออกมา 35 คน แบ่งเป็น ผู้รักษาประตู 4 คน, กองหลัง 13 คน, กองกลาง 14 คน และกองหน้า 4 คน ซึ่งในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางนั้น ราเยวัชเลือกดาวรุ่งหลายคนเข้ามาเป็นตัวเลือกในการปิดจุดอ่อนในแนวรับ ทั้ง เฉลิมศักดิ์ อักขี, พรรษา เหมวิบูลย์ และ นัสตพล มาลาพันธ์ รวมทั้งแนวรับหน้าใหม่อย่าง เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว

ราเยวัชวางแผนแก้ไขปัญหาเกมรับของทัพช้างศึกด้วยการเลือกเซ็นเตอร์ฮาร์ฟดาวรุ่งเข้ามาติดทีมร่วมกับกองหลังรุ่นพี่รายอื่น ทั้ง พุทธินันท์ วรรณศรี, มิก้า ชูนวลศรี และ อดิศร พรหมรักษ์ เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อม และหาคู่เซ็นเตอร์ที่ลงตัวที่สุดในการคุมแนวรับของทีมชาติไทย

ในส่วนของแดนกลางนั้นน่าสนใจว่าราเยวัชจะเลือกผู้เล่นอย่างไรให้ลงตัว เพราะเต็มไปด้วยแข้งฝีเท้าจัดจ้านมากมาย ทั้งนักเตะหน้าเก่า และนักเตะหน้าใหม่ สำหรับในแดนหน้าก็มี ทั้ง ธีรศิลป์, สิโรจน์, ธีรเทพ และ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก เป็นตัวสแตนด์บาย ทำให้น่าจับตามองว่าทัพช้างศึกยุคใหม่นี้จะสไตล์การเล่นเป็นอย่างไร

หลังจากเก็บตัวฝึกซ้อมแล้วราเยวัชจะต้องตัดตัวผู้เล่นให้เหลือ 23 คน วันที่ 3 มิถุนายน เพื่อเตรียมเดินทางบุกอุ่นเครื่องกับอุซเบกิสถาน วันที่ 6 มิถุนายน ก่อนที่ราเยวัชจะประเดิมคุมทีมนัดแรกอย่างเป็นทางการในเกมคัดฟุตบอลโลก 2018 พบยูเออี วันที่ 13 มิถุนายนนี้ ต่อหน้าแฟนบอลในสนามราชมังคลากีฬาสถาน

ช้างศึกยุคใหม่จะมีความแตกต่างจากยุคเดิมไปมากน้อยเพียงใดคงจะได้เห็นในอีกไม่นานนี้ ซึ่งทั้ง 2 แมตช์นี้จะเป็นบทพิสูจน์ครั้งแรกของกุนซือราเยวัชว่าจะมี “ฝีมือ” สมกับ “ดีกรี” หรือเปล่า?