เปิดคำสารภาพโหด ฆ่า 4 ศพหมกสวนยาง ชิงรถหนีก่อนจนมุม อ้างปมแค้นรุกที่ดิน

อาชญากรรม อาชญา ข่าวสด

 

เปิดคำสารภาพโหด

ฆ่า 4 ศพหมกสวนยาง

ชิงรถหนีก่อนจนมุม

อ้างปมแค้นรุกที่ดิน

 

เป็นอีก 1 คดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น สำหรับกรณีฆ่าโหด 4 ศพคาสวนยางที่ จ.ชุมพร

ที่ผู้ก่อเหตุใช้ปืนลูกซองดักยิงสังหารเหยื่ออย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะตามเข้าไปในบ้านพักสังหารคนงานเสียชีวิตคาหมอน ขณะหลับใหล

แถมเผาจักรยานยนต์เพื่อทำลายหลักฐาน ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนีความผิด

ระหว่างที่เจ้าหน้าที่สับสนว่าการก่อเหตุครั้งนี้เกิดจากอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบาดหมางเกี่ยวกับสวนยางพารา หรืออาการหลอนยา ที่พบว่าผู้ก่อเหตุมักเสพยาเสพติดอยู่เสมอ

ในที่สุดก็ติดตามจับกุมได้สำเร็จ พร้อมเปิดปากรับสารภาพ ว่าสาเหตุที่ต้องลงมือเพราะความขัดแย้งเรื่องที่ดินสวนยางพาราจริง

ขณะที่ผู้ตายเข้าไปตัดต้นยางของตัวเองทิ้งกว่า 200 ต้น และยังมีการลักขโมยขี้ยาง จนตัดสินใจลงมือโหดครั้งนี้

เป็นคำให้การของผู้ต้องหา ขณะที่ฝ่ายเหยื่อเสียชีวิตไปหมดแล้ว

ต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องคลี่คลายปมการสังหารโหดครั้งนี้ให้ความจริงปรากฏ

ส่วนการดำเนินคดีก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย

ฆ่าโหด 4 ศพหมกสวนยาง

เหตุหฤโหดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อ พ.ต.ท.พนัส หมุนวงศ์ สว.สอบสวน สภ.นาสัก จ.ชุมพร รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงกันในพื้นที่หมู่ 19 (บ้านตาหลัด) ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

ที่เกิดเหตุห่างจากจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 10 กิโลเมตร ริมถนนเล็กๆ ในหมู่บ้านติดสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ นายประยงค์ สมนึก อายุ 60 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าใกล้เสาไฟฟ้า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าบริเวณลำตัวและศีรษะกว่า 10 รู ศพถูกปิดคลุมด้วยทางมะพร้าวแห้ง ห่างจากศพผู้เสียชีวิตประมาณ 20 เมตร เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนลูกซองสีขาว 2 ปลอก

ศพที่ 2 ห่างจากศพแรกประมาณ 200-300 เมตร เป็นแรงงานชาวเมียนมา ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าเบ้าตาขวา นอนตะแคงคร่อมจักยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ทะเบียน 1กก 5811 ชุมพร ที่ถูกเผาเป็นตอตะโก

ห่างไปอีก 100 เมตร พบบ้านไม่มีเลขที่ หน้าบ้านพบลูกสุนัขนอนตายอยู่ 1 ตัว

ศพที่ 3 คือนายน้อง อายุ 34 ปี เป็นคนงานตัดยางชาวเมียนมา นอนตะแคงจมกองเลือดแห้งกรังอยู่บนแคร่ไม้ สภาพศพยิงด้วยอาวุปืนลูกซองเข้าศีรษะและลำตัวมีบาดแผลหลายรู

ศพที่ 4 คือนายนาย อายุ 51 ปี ถูกยิงด้วยอาวุปืนชนิดเดียวกัน เข้าที่ศีรษะจนกะโหลกเปิด นอนหงายจมกองเลือดอยู่บนที่นอน ศีรษะยังหนุนหมอน เสียชีวิตภายในบ้าน

สอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายประพันธ์ นาคศิริ หรือพันธ์ อายุ 44 ปี ที่มีพฤติกรรมติดยาเสพติด เคยเกิดอาการหลอนยาทุบตีพี่สาวตัวเอง ชอบพบปืนข่มขู่แรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในพื้นที่ และเคยทะเลาะกับนายประยงค์ ในเรื่องที่ดินทำกิน

ก่อนหน้านี้นายประยงค์ขับรถกระบะออกจากบ้าน มาต่อน้ำเข้าไปใช้ในบ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นก็หายไปตั้งแต่คืนวาน จนกระทั่งออกตามหาจนพบว่าเป็นศพ เมื่อเช้าวันที่ 16 กรกฎาคม

ส่วนรถกระบะที่นายประยงค์ขับมาหายไป คาดว่านายประพันธ์จะชิงรถหลบหนี

ขณะที่คนงานเมียนมา 2 คนที่พบเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านนั้น เป็นคนงานกรีดยาง ซึ่งอุปนิสัยเป็นคนขยันทำงาน ไม่เที่ยวเตร่

ด้าน พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่ามูลเหตุน่าจะเป็นเรื่องของสวนยางพารา และอาจมีอาการหลอนยา เกิดเหตุเชื่อว่าคนร้ายยิงนายประยงค์เสียชีวิต แล้วขึ้นไปบนสวนยาง เพื่อจะยิงสามพ่อแม่ลูก แต่ไม่พบตัวเพราะย้ายหนีไปก่อนจึงยิงลูกสุนัขตายแทน

จากนั้นไปก่อเหตุยิงคนงานตัดยางดับ 2 รายคาบ้านขณะนอนหลับ ก่อนหลบหนี ระหว่างทางมาเจอชาวเมียนมาอีกคนขี่จักรยานยนต์ตามหาเพื่อนที่ถูกยิงตาย กลับถูกจ่อยิงหัวตายไปด้วยพร้อมจุดไฟเผาทั้งคนทั้งรถ หลังก่อเหตุยิงดับทั้งหมด 4 คนก่อนขับรถของนายประยงค์ผู้เสียชีวิตคนไทยหลบหนี

ก่อเหตุอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายจริงๆ

นาทีจับ

อ้างแค้นรุกที่-ขโมยขี้ยาง

หลังรับทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่สั่งเร่งติดตามไล่ล่า ในที่สุดก็พบว่านายประพันธ์หนีไม่ได้ไกล โดยไปเกิดอุบัติเหตุขับรถตกข้างทาง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 กรกฎาคม ในพื้นที่หมู่ 7 ต.พลายวาส อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนถือปืนหลบหนีติดตัวไปด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พร้อมคณะ นำหมายศาลลงติดตาม พร้อมแกะรอยจากกล้องวงจรปิดจากจุดที่เกิดอุบัติเหตุ ติดตามเส้นทางหลบหนี

จนกระทั่งช่วงเที่ยงของวันที่ 17 กรกฎาคม ตำรวจชุดไล่ล่า ติดตามจนสามารถตะครุบตัวได้ ขณะเดินสะพายกระเป๋าเป้บริเวณถนนภายในหมู่บ้าน ม.5 ต.สองแพรก อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี โดยนายประพันธ์ ฆาตรกร 4 ศพ สวมเสื้อแขนยาวลายสก๊อต เสื้อสีดำคาดไว้ที่เอว กางเกงขายาวสีฟ้า ใส่รองเท้าบู๊ต และสวมหมวกแก๊ปสีดำ มีอาการอิดโรย

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตรวจค้นภายในตัว กระเป๋าเป้และขนำในสวนยางพาราใกล้จุดพบตัว แต่ไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และยังพูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจาก ภ.จว.ชุมพร นำตัวนายประพันธ์เดินทางไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ชัยบุรี พร้อมแบ่งกำลังออกค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อนำมาเป็นหลักฐาน

ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ธงชัย คุมตัวนายประพันธ์ส่งมอบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับให้กับ พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก

โดยนายประพันธ์เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เก็บกดความแค้นมานานแล้ว เนื่องจากนายประยงค์แอบตัดโค่นต้นยางพาราตนที่สวนอยู่ติดกันเสียหายกว่า 200 ต้น ส่วนแรงงานชาวเมียนมา ชอบเข้ามาลักขโมยขี้ยางพาราตนไปขายหลายครั้ง แม้ตนเคยไปบอกไปเตือนแต่ก็ไม่ฟัง ทำให้ตนหมดความอดทน

ด้าน พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก กล่าวว่า หลังรับตัวและสอบปากคำผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าคนไทยและแรงงานชาวเมียนมาจริง เนื่องจากความโกรธแค้นที่นายประยงค์ผู้ตายและแรงงานเมียนมาลักขโมยขี้ยางหลายครั้ง พร้อมให้การว่ายอมรับว่าเสพกัญชาทุกวันหลังจากเปิดเสรี ส่วนอาวุธปืนขณะนี้ยังไม่พบ ข่าวว่ามีการช่วยเหลือจากกลุ่มบุคคลในการพาหนีนั้นอยู่ในระหว่างขยายผล คาดว่ามี 1-2 คน

ยิงคาที่นอน

เร่งสอบสวนสรุปสำนวนโดยเร็ว

เปิดคำสารภาพฆาตรกร

ต่อมาวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) จ.ชุมพร คุมตัวนายประพันธ์ นาคศิริ ผู้ต้องหาฆ่ายิง 4 ศพ ออกจากห้องขัง ควบคุมตัวไปในพื้นที่หมู่ 19 (บ้านตาหลัด) ต.นาสัก อ.สวี พร้อมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

โดยเจ้าหน้าที่แจ้งผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 1.ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 2.วางเพลิงเผาทรัพย์ 3.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน

ทั้งนี้ นายประพันธ์ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุยิงทั้ง 4 ศพจริง โดยเตรียมการมากว่า 1 สัปดาห์โดยซื้อกระสุนปืนลูกซอง 10 นัด และน้ำมันเตรียมพร้อมก่อเหตุ

วันเกิดเหตุเดินขึ้นไปยังบ้านไม่มีเลขที่เป็นบ้านพักคนงานตัดยางชาวเมียนมา ที่มีนายน้อง นอนอยู่หน้าบ้าน เมื่อเห็นก็ชักปืนยิงทันที ก่อนจะเดินเข้าไปยิงนายนายอีกคน ขณะกำลังนอนอยู่ภายในบ้าน ก่อนจะเดินลงมาเจอนายประยงค์และยิงเสียชีวิต จึงใช้ทางมะพร้าวแห้งปิดคลุมร่างไว้

ขณะนั้นคาดว่าน่าจะเห็นชาวเมียนมาขับรถจักรยานยนต์มาหาเพื่อน 2 คนที่ถูกยิงตายไปก่อนหน้า จึงวิ่งลัดป่าสวนยางขึ้นมาดักรอ เมื่อเห็นผ่านมาจึงตะโกนถามว่าไปไหน พร้อมกับจ่อยิงเข้าหัวและเอาน้ำมันที่เตรียมมาราดจุดไฟเผาทันที

จากนั้นเดินไปหาบ้านพักชาวเมียนมาอีกหลังที่เคยถูกนายประพันธ์ข่มขู่สามคนพ่อแม่ลูกไว้แต่ไม่เจอ เลยยิงลูกสุนัขตายแทน

หลังก่อเหตุเดินกลับลงไปเอารถกระบะของนายประยงค์ที่จอดอยู่ใกล้ศพขับหนีออกนอกพื้นที่พร้อมอาวุธปืนมุ่งหน้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนไปเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์

โดยเจ้าหน้าที่นำตัวนายประพันธ์ไปชี้จุดลงมือ ประกอบด้วย 1.ซื้อกระสุนปืนลูกซอง ร้านค้าแห่งหนึ่ง (เลขที่ 79) ม.5 ต.นาสัก 2.ร้านค้าที่ซื้อน้ำมันหมู่ 19 บ้านตาหลัด ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร 3.เป็นจุดที่ยิงนายประยงค์ โดยขึ้นไปยืนยิงบนเนินสูงริมถนนห่างจากตัวผู้ตายประมาณ 6-7 เมตร

4.เป็นจุดที่คนร้ายเอาน้ำมันที่บรรจุอยู่ในขวดน้ำอัดลม หลังก่อเหตุยิง เผา นำมาทิ้งในพงหญ้า 5.คนร้ายนั่งรออยู่ร่องถนนในสวนยางพารา ก่อนที่แรงงานชาวเมียนมาขี่จักรยานยนต์ผ่านมา เมื่อแรงงานชาวเมียนมามาถึง ก็ออกจากจุดนั่งรอพร้อมกับตะโกนถามว่าจะไปไหน สิ้นเสียงจึงชักปืนยิงทันที และนำน้ำมันที่เตรียมมาราดจุดไฟเผา

เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ที่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายต่อไป!!