สมรภูมิแห่งอำนาจ | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

หลังตัดสินใจจัดหนัก ร่อน “จดหมายน้อย” โพสต์ลงเพซบุ๊ก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ย้อนความหลังตั้งแต่สถานการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งรวมความสรุปว่า

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น เป็นผู้ลงมือ ตัวเองเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.ไปตั้งแต่ พ.ศ.2548 แล้ว จึงทำได้เพียงเฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย

เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” จัดตั้งรัฐบาลเพื่อปฏิรูปบ้านเมืองและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อหวังจะช่วยประคับประครองสถานการณ์ให้คืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว “คสช.” ภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเมือง ตัวเองก็ไม่เชี่ยวชาญ ทำได้เพียงช่วยดูแลเหล่าทัพให้มีเสถียรภาพ

และเมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์แสดงความประสงค์จะทำงานการเมือง อ้างว่าเพื่อสานต่อภารกิจ ตนจึงตัดสินใจตั้งพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งและเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นนายกฯ ตามที่เจ้าตัวปรารถนา

กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีความชัดเจนที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์แยกทางจากพรรคพลังประชารัฐ ในเมื่อท่านตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ก็ไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ ส่วนผมยืนยันว่า จะขอรับผิดชอบและจะไม่มีวันทอดทิ้งพรรคพลังประชารัฐ

ตอนท้ายของจดหมายน้อย พล.อ.ประวิตรทิ้งทุ่นไว้ว่า “3 ป.Forever มาวันนี้ ผมก็ยังมีความรู้สึกเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง จะบอกได้เพียงว่าขอแสดงความยินดีด้วย”

ความรักความผูกพันของ “พี่น้อง 2 ป.” ระหว่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เข้าข่าย “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” แม้ที่ผ่านจะมีปัญหามากด้วยอุปสรรคขวากหนาม ก้าวข้ามพวกนั้นมาได้เพราะมีความสามัคคี ไม่ทิ้งกัน มีปัญหาอะไรเล่าให้สู่กันฟัง จะช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ไข การทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงคนเดียวแก้ไม่ได้ ต้องพึ่งบริการสองคน ซึ่งมีความโดดเด่นกันคนละด้าน

แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้ว พี่น้อง 2 ป.ที่ยืนยงคงกระพัน บน “สมรภูมิแห่งชีวิต” พึ่งพาซึ่งกันและกันดุจสุภาษิตไทย “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” บัดนี้ได้ประกาศ แยกกันเดิน “บนสมรภูมิแห่งอำนาจ”

แต่ “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘อำนาจ’ ไม่มีฟอร์เอฟเวอร์ ตลอดไป ไม่สิ้นสุด ชั่วนิรันดร อย่าว่าแต่พี่น้อง 2 ป.เลย แม้แต่สายโลหิตก็ไว้ใจกันไม่ได้”

 

หลังทิ้งบอมบ์ด้วยจดหมายเปิดใจ “ลุงป้อม” ปกติสุขภาพชำรุดมิต่างอะไรกับสินค้าใกล้เอ็กซ์ปาย คล้ายนมบูด เกิดปาฏิหาริย์มีจริง วิญญาณเก่าหลุดจากร่าง กลับมาฟิตเปรี๊ยะ วันก่อน ขนคณะชุดใหญ่ไปเยือนลำปาง-พะเยา อ้างว่าไปติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล เรื่องที่ดินทำกินและการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ

แต่ภารกิจหลัก กลายเป็นประเด็นทางการเมืองล้วนๆ ตั้งแต่ฉากแรกที่ก้าวเท้าลงจากเครื่องบิน มี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา แกนนำคนสำคัญของพรรคเศรษฐกิจไทย ขนลูกข่ายในสังกัดทั้ง ส.ส. และว่าที่ มาต้อนรับ

บรรยากาศที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อ.พะเยา ยิ่งชัดเข้าไปใหญ่ “ผู้กองธรรมนัส” นำ ส.ส.เศรษฐกิจไทยที่พากันไขก๊อกจากพลังประชารัฐ มายืนตั้งแถวต้อนรับ ทั้ง “จีระเดช ศรีวิลาศ” พะเยา “พรชัย อินทร์สุข” พิจิตร “เกษม ศุภรานนท์” นครสวรรค์ “สมศักดิ์ คุณเงิน” ขอนแก่น “ปัญญา จีนาคำ” แม่ฮ่องสอน “ภาคภูมิ บุญย์ประมุข” ตาก “บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์” บัญชีรายชื่อ

ฉากสุดท้ายยิ่งกว่าละครโรงใหญ่ มีการเดินชักแถวถือพวงมาลัยขึ้นไปคุกเข่ายกมือไหว้ “พล.อ.ประวิตร” บนเวที ขณะที่ “วิรัช รัตนเศรษฐ” รองหัวหน้าพรรคที่ทำหน้าที่โฆษกประกาศผางๆ “เวลานี้ลุงป้อมเปรียบเหมือนพ่อ วันนี้ลูกๆ กลับมาบ้าน มาช่วยพาบ้านพลังประชารัฐให้เข้มแข็งและแข็งแกร่ง ลูกๆ กลับมาบ้านแล้ว พ่อดีใจมากและหุ้งข้าวไว้รอแล้ว”

สรุป “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ขนลูกทีม ส.ส.ในสังกัด ซึ่งมีเหลืออยู่ราว 10 คน กลับบ้านเก่าพลังประชารัฐ ก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ อันเป็นเส้นตาย 90 วันก่อนครบเทอม ตามรัฐธรรมนูญกำหนด

“ผู้กองธรรมนัส” ชงตัวเลขให้ “ลุงป้อม” รับประทานหวานเจี๊ยบว่า ที่ตัวเองรับผิดชอบ จะทำตัวเลข ส.ส.ให้เข้าป้ายได้ราว 20 คน

เรียกได้ว่า ติดลมบนหนัก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ยื่นลากิจในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันถัดมา อ้างว่าอ่อนเพลีย กระดูกไขข้ออักเสบ อาการกำเริบผลจากการลงพื้นที่ภาคเหนือ แต่ที่ไหนได้ “บิ๊กป้อม” กลับไปปรากฏตัวที่ราชบุรี

ยกทัพหลวงไปทั้ง ส.ส.-ท่านนายพลหลายนายที่เป็นคณะทำงาน บุกรังบ้านใหญ่ค่ายเมืองโอ่ง “นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา” หรือ “กำนันตุ้ย” คนดังนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี สามีของ “บุญยิ่ง นิติกาญจนา” ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.

มี ส.ส.ในพื้นที่มาให้การต้อนรับ และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ทั้ง “กุลวลี นพอมรบดี” เขต 1 พปชร. “ชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์” เขต 3 จากประชาธิปัตย์

เท่ากับว่า “บิ๊กป้อม” สามารถคว้าพุงปลามัน ได้บ้านใหญ่ราชบุรีเข้าเสริมทัพ พปชร.ได้อีก 1 ค่ายใหญ่

การเล่นบท ลับ-ลวง-พราง ของ “พล.อ.ประวิตร” ด้วยการลาป่วย โดดร่มประชุม ครม. แต่กรรเชียงมาดูดทีมกำนันตุ้ยได้สำเร็จ เป็นการแย่งซีน “พล.อ.ประยุทธ์” ไปหน้าตาเฉย เนื่องจาก “บิ๊กตู่” วางโปรแกรมอย่างเป็นทางการ กำหนดลงตรวจเยี่ยมพื้นที่ จ.ราชบุรีในวันที่ 19 มกราคม

ภาษาจิ๊กโก๋เรียกว่า “ปาดหน้าเค้ก” กันแบบเฉียดฉิว เนื่องเพราะ “บิ๊กตู่” มาเยือนเมืองโอ่งงวดนี้ ก็มีเป้าหมายจะมาไล่ดูด ส.ส.กลุ่มเดียวกันนี้ไปสังกัดรวมไทยสร้างชาติ และอยู่ระหว่างการตัดสินใจ

“ลุงป้อม” รู้แกว เลยตีเนียน ชิงลงมือก่อน ที่สำคัญ การได้ทีม “กำนันตุ้ย” บ้านใหญ่ราชบุรีไปร่วมทัพ พปชร. สามารถตีแคนนอนไปสู่การตัดสินใจของ “กลุ่มสามมิตร” ได้ทั้ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ให้อยู่ค้ำเก้าอี้ “ลุงป้อม” ที่พลังประชารัฐได้ต่อไปด้วย

เนื่องเพราะ “สมศักดิ์” กับ “กำนันตุ้ย” มีความเคารพรักกันสูงมาก

ถึงตอนนี้ พลังประชารัฐของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ทำท่าจะแข็งแกร่ง ดูดีกว่า “รวมไทยสร้างชาติ” ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”