คุยกับทูต อับดุลลาห์ อัลชาร์ฮาน จากไข่มุกสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ยุทธศาสตร์”คูเวตใหม่” (จบ)

ย้อนอ่าน ตอน 1  2  3

เหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ.2006 ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของคนไทยทั้งประเทศไม่เสื่อมคลาย

นั่นก็คือ งานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

โดยมีพระประมุขหรือผู้แทนพระองค์จากราชวงศ์ต่างๆ 25 ประเทศทั่วโลกเสด็จมาร่วมถวายพระพรชัยมงคล

“เจ้าผู้ครองรัฐคูเวต ชีคห์ ซาบาห์ อัล-อาเหม็ด อัล-ซาบาห์ ซึ่งเคยเสด็จเยือนไทยมาก่อนแล้วในปี ค.ศ.2003 ก็ได้เสด็จมาเพื่อร่วมงานฉลองครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 9-12 มิถุนายนด้วย” เอกอัครราชทูตคูเวต มร.อับดุลลาห์ อัล-ชาร์ฮาน กล่าว

“ระหว่างสี่ปีที่ผมมาอยู่ที่นี่ ได้สังเกตว่า ประชาชนชาวไทยเคารพรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช อย่างมากมาย ดังนั้น ผมจึงเริ่มต้นติดตามและศึกษาจนทราบว่า พระองค์ท่านเป็นพระราชาที่ทรงงานหนักอย่างไม่ย่อท้อ และนำพาประเทศผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากในหลายๆ ครั้ง เพื่อความผาสุกและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติมาตลอดระยะเวลา 70 ปี”

“ผมจำได้ว่าเคยเห็นภาพขาวดำจำนวนมาก และหนึ่งในจำนวนนั้น คือภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถจี๊ปติดหล่มและลุยโคลนด้วยพระองค์เอง เพราะต้องการใกล้ชิดกับราษฎรซึ่งเปรียบเสมือนแก้วตาและหัวใจของพระองค์ โดยเสด็จไปเยี่ยมราษฎรทุกภาคของประเทศพร้อมด้วยกล้องถ่ายรูปและแผนที่ติดพระองค์เสมอ พระองค์ท่านทรงงานทุกอย่างด้วยความรักที่มีต่อราษฎร”

“ผมเดินทางไปต่างจังหวัดหลายครั้งเพื่อไปเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของทั้งสองพระองค์หลายๆ โครงการซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้ว และไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด ทั้งทิศเหนือ ใต้ ออก ตก ในประเทศไทย ก็จะได้เห็นร่องรอยที่ทรงงานและพระบรมฉายาลักษณ์ของผู้เป็นที่รักของปวงชนชาวไทยทุกแห่งหน จึงไม่ต้องกังขาเลยว่า เหตุใดประชาชนชาวไทยถึงมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น เพราะพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และจะอยู่ในหัวใจของคนไทยตลอดกาล”

“ผมมีความเชื่อว่า คนดีๆ มากมาย เมื่อได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว เขาจากไปเพียงแต่ร่างกาย หากแนวความคิดและปรัชญาของเขาเหล่านั้นจะดำรงคงอยู่เป็นนิรันดร์ อันเป็นประโยชน์สืบทอดถึงคนรุ่นต่อไป”

เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยนานถึงสี่ปี ท่านทูตยิ้มแย้มแล้วตอบว่า

“ผมรักประเทศไทย มีความสบายอกสบายใจที่ได้มาอยู่ อย่างที่พูดมาก่อนแล้วว่า เพราะคนไทยเป็นคนดีและสุภาพมาก ผมจึงไม่เคยเจออะไรที่ทำให้รู้สึกหดหู่สักอย่าง”

“และผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่ได้อำนวยความสะดวกทุกอย่างสำหรับเรา เจ้าหน้าที่ทั้งหลายเสมือนอยู่เบื้องหลังทุกครั้ง คอยช่วยเหลือยามที่เราต้องการ”

“และก็ไม่น่าประหลาดใจ เพราะผมได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยว่า คนไทยมักจะคอยช่วยเหลือกันและกันเสมอ มีความอดทนและรักชาติมาก”

“คุณรู้ไหมว่า ครั้งแรก ขณะที่ผมกำลังเดินอยู่ที่สวนลุมพินี ทันใดนั้น จู่ๆ ทุกคนก็หยุดเดินกะทันหันเมื่อมีเสียงเพลงดังขึ้น ซึ่งผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า คือเพลงชาติ นั่นเอง”

“ผมรู้สึกได้ในทันทีว่า คนไทยรักชาติ ยึดมั่นในศาสนาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สิ่งที่ผมได้พบเห็นตอนนี้ไม่ใช่เป็นความบังเอิญ และคนไทยทำงานอย่างหนักเพื่อประเทศของตน ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่า เหตุใดประเทศไทยจึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของปีที่ผ่านมา นับว่าคุณโชคดีมาก”

“สําหรับการท่องเที่ยวของผมในประเทศไทย จังหวัดที่เคยไปเยือนแล้วคือ สกลนคร เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน และตรัง ทุกแห่งล้วนมีความแตกต่างที่น่าสนใจ จึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้”

“ผมได้ไปจังหวัดปัตตานี เพราะคูเวตมีโครงการที่นั่น ได้แก่ การสร้างห้องสมุดสาธารณะ การสร้างมัสยิดที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มการกุศลต่างๆ จากคูเวตเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่คนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือด้วย”

“และผมขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้โอกาสพวกเขามาที่นี่ ด้วยการให้วีซ่าและอำนวยความสะดวกให้พวกเขาได้ไปช่วยเหลือชาวไทยดังที่กล่าวมา”

“ผมเลือก เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ (The Residences at The St. Regis Bangkok) เป็นบ้านพักของผมมาเป็นเวลาสี่ปีแล้ว ที่นี่มีความสะดวกสบาย มีบริการครบถ้วน อยู่ในย่านการค้าและแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพฯ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจร ผมสามารถเดินไปเซ็นทรัลเวิลด์ภายใน 10 นาที ส่วนตลาดจตุจักร ผมก็ไปมาแล้วหลายครั้ง อาหารไทยที่ชอบเป็นพิเศษคือ ต้มยำกุ้ง และส้มตำ ขออย่างเดียวคือ ไม่เผ็ด”

“ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ จากการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน มีการบริการและการดูแลสุขภาพเป็นเลิศ ในวันหนึ่งเมื่อหมดภาระหน้าที่ ต้องอำลาจากประเทศไทย สำหรับผม ประเทศไทยจะประทับอยู่ในใจของผมเสมอ และผมจะต้องกลับมาเยี่ยมเยียนอย่างแน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลืมประเทศไทย และไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวผมเท่านั้น แต่เป็นชาวคูเวตด้วย เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่ดีที่สุด ผมจึงขอให้ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุข มั่นคง และมั่งคั่งตลอดไป”

“สุดท้ายนี้ ผมขอฝากบอกคนไทยว่า คุณทำได้ดีแล้ว ขอให้ถ่ายทอดวัฒนธรรมของคุณไปสู่คนรุ่นใหม่ รักษาความอดทน ความมีใจกว้างระหว่างศาสนา (Religious Tolerance) และโดยเฉพาะรักษาสิ่งที่คุณปฏิบัติต่อชาวต่างชาติเสมอมา นั่นคือ รอยยิ้ม และความสุภาพอ่อนน้อม”

“สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงินตรา เราเรียกว่าวัฒนธรรม อันเป็นความหมายทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ดังนั้น ขอให้เก็บรักษาไว้ให้ดี และส่งต่อไปยังเยาวชนรุ่นใหม่เพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมนี้ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน”