สุรชาติ บำรุงสุข : การรบจบ แต่สงครามไม่จบ! ดุลย์กำลังรบบนคาบสมุทรเกาหลี

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

สงครามเกาหลีเริ่มขึ้นในเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน 1950 (พศ. 2493) กองทัพของเกาหลีเหนือเปิดการรุกข้ามเส้นขนานที่ 38 อย่างรวดเร็ว กองทัพสหรัฐอเมริกาและกองทัพเกาหลีใต้ไม่ได้มีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะรับมือกับการโจมตีที่เกิดขึ้น ในที่สุดสหประชาชาติภายใต้การผลักดันของสหรัฐได้ตัดสินใจเข้าแทรกแซง จนกลายเป็นสงครามใหญ่ครั้งแรกหลังจากการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2

ท่ามกลางความรุนแรงของสงครามนี้ มีความพยายามอย่างมากที่จะหาทางยุติการรบที่เกิดขึ้น และสงครามจากเดือนกรกฎาคม 1951 จนถึงกรกฎาคม 1953 เป็นการรบในแบบที่ถูกตรึงอยู่กับที่ แต่ก็เปิดโอกาสให้การเจรจาสันติภาพได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า จนในที่สุดการเจรจาหยุดยิง (Armistice) ก็เกิดขึ้นที่หมู่บ้านปันมุนจอม (Panmunjom) ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1953 (พศ. 2496)… การรบจบ แต่สงครามยังไม่จบ!

การหยุดยิงยุติศึกในสงครามเกาหลีเช่นนี้ไม่ใช่ “สัญญาสันติภาพ” ที่จะมีนัยถึงการยุติสงคราม ฉะนั้นจึงต้องถือว่า สงครามเกาหลีในปี 1950 จนถึงปัจจุบันนั้น ยังไม่สิ้นสุดลงแต่อย่างใด แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มมีข่าวถึงโอกาสที่การประชุมระดับสูงสุด (summit) ของผู้นำทั้งสองเกาหลีที่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนเมษายน 2018 นั้น อาจจะนำไปสู่การลงนามในสัญญาสันติภาพ อันมีความหมายโดยตรงของการยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ

แต่ผลจากการที่สงครามเกาหลีไม่ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการนั้น ทำให้คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็น “พื้นที่สงคราม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และรูปธรรมของสถานะเช่นนี้ก็คือ การคงกำลังรบขนาดใหญ่ไว้ในพื้นที่ดังกล่าว ดังจะเห็นได้ว่า ไม่เพียงแต่จะมีกองทัพเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้เท่านั้น หากแต่ยังมีกองทัพสหรัฐอีกด้วยทั้งที่อยู่ในเกาหลีใต้ และในพื้นที่ใกล้เคียงคือญี่ปุ่น

ดังนั้นหากตรวจสอบดุลย์กำลังบนคาบสมุทรเกาหลีแล้ว จะเห็นภาพเชิงเปรียบเทียบอย่างสังเขปดังนี้

กองทัพเกาหลีเหนือ:
– กำลังพลรวม 1,190,000 นาย (กองทัพบก 1,020,000 กองทัพเรือ 60,000 กองทัพอากาศ 110,000)
– ยุทโธปกรณ์หลัก
กำลังรบทางบก: รถถังหลัก 3,500 คัน
รถถังเบา 560 คัน
ปืนใหญ่ 21,100 กระบอก
กำลังรบทางเรือ: เรือดำนำ้ติดขีปนาวุธ 1 ลำ
เรือดำนำ้แบบต่างๆ 72 ลำ
เรือฟริเกต 2 ลำ
กำลังรบทางอากาศ: เครื่องบินทิ้งระเบิด 80 เครื่อง
เครื่องบินรบ 465 เครื่อง
กองทัพเกาหลีใต้:
– กำลังพลรวม 630,000 นาย (กองทัพบก 495,000 กองทัพเรือ 70,000 กองทัพอากาศ 65,000)
– ยุทโธปกรณ์หลัก
กำลังรบทางบก: รถถังหลัก 2,434 คัน
ปืนใหญ่ 11,380 กระบอก
กำลังรบทางเรือ: เรือดำนำ้แบบต่างๆ 23 ลำ
เรือลาดตระเวน 3 ลำ
เรือพิฆาต 6 ลำ
เรือฟริเกต 14 ลำ

กำลังรบางอากาศ: เครื่องบินรบ 487 เครื่อง
เครื่องบินที่มีขีดความสามารถในการรบ 80 เครื่อง

กองทัพสหรัฐอเมริกาในเอเชีย:
– กำลังพลสหรัฐในญี่ปุ่น 47,050 นาย
กำลังหลัก กองทัพเรือที่ 7 (โยโกสุกะ)
กองทัพอากาศที่ 5 (โอกินาวา)
กองกำลังนาวิกโยธิน (โอกินาวา)
– กำลังพลสหรัฐในเกาหลีใต้ 28,500 นาย
กำลังหลัก กองทัพบกที่ 8 (โซล)
กองทัพอากาศที่ 7 (โอซาน)
– กำลังพลสหรัฐที่เกาะกวม 5,150 นาย

จากสภาพของการคงกำลังรบดังที่ปรากฏในข้างต้นเห็นได้ชัดว่า สงครามยังไม่จบอย่างแน่นอน แต่วันนี้มีข่าวแล้วว่า โอกาสที่การลงนามสัญญาสันติภาพของสองเกาหลีอาจจะเกิดขึ้น และหากสัญญานี้เกิดขึ้นได้จริงก็น่าสนใจอย่างมากว่า กำลังรบขนาดใหญ่เช่นนี้จะยังคงอยู่ต่อไปอีกหรือไม่ และยังรวมเข้ากับแนวโน้มใหม่ที่เกาหลีเหนืออาจจะยอมยุติโครงการนิวเคลียร์ของตน… การประชุมผู้นำสูงสุดของเกาหลีทั้งสองฝ่าย… การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือ สถานการณ์ความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีกำลังเดินไปสู่ทิศทางที่เป็นบวก

ดังนั้นหากการยุติสงครามเกาหลีเกิดขึ้น และผนวกเข้ากับแนวโน้มใหม่แล้ว ก็อาจจะเห็นถึงภูมิทัศน์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี เกาหลีเหนือยังจำเป็นต้องคงกองทัพขนาดใหญ่ไว้อีกหรือไม่ (หากเปรียบเทียบแล้วมีขนาดใหญ่ของกำลังพลเป็นอันดับ 4 ของโลก) เช่นเดียวกันกองทัพเกาหลีใต้ก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน (ลำดับ 4 ของกองทัพในเอเชีย) แต่ที่สำคัญคือ สหรัฐจะคงกำลังรบไว้ในเกาหลีและในโอกินาวาต่อไปอีกหรือไม่เพียงใด

หมายเหตุผู้เขียน:

การจัดขนาดกองทัพของโลก 5 ลำดับแรก ได้แก่
ลำดับ 1 กองทัพจีน
ลำดับ 2 กองทัพอินเดีย
ลำดับ 3 กองทัพสหรัฐ
ลำดับ 4 กองทัพเกาหลีเหนือ
ลำดับ 5 กองทัพรัสเซีย

การจัดขนาดกองทัพในเอเชีย 5 ลำดับแรก ได้แก่
ลำดับ 1 กองทัพจีน
ลำดับ 2 กองทัพเกาหลีเหนือ
ลำดับ 3 กองทัพปากีสถาน
ลำดับ 4 กองทัพเกาหลีใต้
ลำดับ 5 กองทัพเวียดนาม