ส่องปฏิกิริยาหลังคำตัดสินจำคุก “ไผ่ ดาวดิน” 2 ปี 6 เดือน คดี ม.112 กรณีแชร์ข่าว

ทีี่มาภาพ : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

(16 สิงหาคม) ก่อนที่ศาลจังหวัดขอนแก่นจะมีคำพิพากษานายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน สมาชิกกลุ่มดาวดิน และว่าที่บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อวานนี้ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความส่วนตัวของนายจตุภัทร์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายจตุภัทร์ ตัดสินใจจะให้การรับสารภาพ หลังต้องเผชิญการพิจารณาคดีแบบปิดลับ การถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีโดยไม่ให้ประกันตัวนานเกือบ 8 เดือน จนกระทั่งในช่วงเวลา 16.00 น. ศาลได้มีคำตัดสินลงโทษจำคุก 5 ปี แต่นายจตุภัทร์ให้การรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน

นายจตุภัทร์ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ ละเมิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการแชร์รายงานข่าวชิ้นหนึ่งของสำนักข่าวต่างประเทศลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกจับในขณะที่มีคนแชร์รายงานข่าวชิ้นเดียวกันนี้ราว 2,600 คน

หลังศาลมีคำตัดสิน นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษาเปิดเผยว่าสำนักข่าวบีบีซีไทยว่า นายจตุภัทร์รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้ เนื่องจากลูกของตนเป็นนักต่อสู้ และยังทำใจยอมรับไม่ได้

“ไผ่ร้องไห้ที่จำเป็นต้องรับ เขาร้องไห้เป็นชั่วโมง เกิดมาไม่เคยร้องไห้ขนาดนี้ พักเที่ยงไม่กินข้าว คิดว่าใช้เวลานึกคิดอะไรบางอย่าง” นายวิบูลย์กล่าว

 

ด้านโลกออนไลน์ บรรดานักกิจกรรมที่รู้จักและร่วมเคลื่อนไหวกับนายจตุภัทร์ มิตรสหายและประชาชนที่ติดตามข่าวคราวของนายจตุภัทร์ต่างแสดงความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่นายจตุภัทร์ได้รับ และให้กำลังใจทั้งนายจตุภัทร์และครอบครัวบุญภัทรรักษาผ่านพ้นช่วงเวลาที่ทุกข์ทนไปให้ได้

ขณะที่กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า การพิพากษาดังกล่าวเกิดขึ้นได้เนื่องจากนายจตุภัทร์ จำเลย ยอมให้การรับสารภาพ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า การรับสารภาพครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้นายจตุภัทร์ออกจากเรือนจำได้โดยเร็วที่สุด เพราะนายจตุภัทร์ได้ถูกคุมขังในระหว่างสอบสวนและพิจารณาคดีโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวมาเป็นเวลาถึง 237 วันแล้ว

แถลงการณ์ยังระบุด้วย กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยขอประณามผู้ที่มีส่วนก่อให้เกิดความอยุติธรรมทั้งหมดในกระบวนการพิจารณาคดีนี้ และขอเป็นกำลังใจให้กับนายจตุภัทร์และครอบครัวบุญภัทรรักษาในการข้ามผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายที่เกิดจากกระบวนการอยุติธรรมนี้ไปให้ได้

ส่วนองค์กรระหว่างประเทศได้มีท่าทีต่อคำตัดสินของนายจตุภัทร์ด้วย โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า

“จากกรณีที่ศาลตัดสินว่า นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน นักกิจกรรมที่เป็นนักศึกษาที่ทำงานส่งเสริมประชาธิปไตย มีความผิด และลงโทษจำคุกสองปีครึ่ง เนื่องจากละเมิดกฎมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย กรณีแชร์บทความจากเว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศ ในเฟซบุ๊กของตนเอง  โจเซฟ เบเนดิกต์ (Josef Benedict) รองผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ สำนักงานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า

“คำพิพากษานี้สะท้อนให้เห็นแนวทางสุดโต่งของทางการ ซึ่งพร้อมจะใช้กฎหมาย เพื่อห้ามการแลกเปลี่ยนความเห็นโดยปราศจากความรุนแรง รวมทั้งการใช้เฟซบุ๊ก เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างยิ่งที่ไผ่ ดาวดินถูกกักขังในเรือนจำรวมเป็นเวลาสองปีกว่า เพียงเพราะการแชร์ข่าวชิ้นเดียว”    

“ไผ่ ดาวดินไม่ควรต้องขึ้นศาลตั้งแต่ต้น และไม่ควรถือว่าการสารภาพนี้ เป็นการยอมรับว่ากระทำผิดทางอาญา ซึ่งศาลไทยมักลดโทษกึ่งหนึ่งให้กับจำเลยที่ยอมสารภาพผิดในคดีเช่นนี้เสมอ ไผ่ ดาวดินต้องได้รับการปล่อยตัวโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข”

ประเทศไทยต้องหยุดใช้สถาบันตุลาการเพื่อคุกคามและลงโทษจำคุกนักกิจกรรมที่ทำงานอย่างสันติ และให้ปฏิบัติตามพันธรกรณีระหว่างประเทศ รวมทั้งการเคารพเสรีภาพในการแสดงออกอย่างจริงจัง””

ทั้งนี้ ตลอดการคุมขังระหว่างการพิจารณาของนายจตุภัทร์ตลอด 237 วัน กลุ่มนักกิจกรรม นักวิชาการและองค์ระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนได้ออกมาเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวและยกเลิกตั้งข้อหากับนายจตุภัทร์มาโดยตลอด พร้อมเรียกร้องให้ยุติการใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือในการละเมิดสิทธิผู้เห็นต่างทางการเมือง ส่วนฝ่ายไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีนายจตุภัทร์ภายหลังผู้แทนพิเศษขององค์การสหประชาชาติด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกได้แสดงความกังวลถึงการพิจารณาคดีแบบปิดลับว่า คดีดังกล่าวยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลซึ่งเป็นกระบวนการอิสระที่รัฐบาลไม่อาจแทรกแซงได้ ทั้งนี้ นายจตุภัทร์ฯ เคยได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559 แต่ต่อมาถูกถอนประกันเนื่องจากนายจตุภัทร์ฯ ได้กระทำผิดซ้ำ ซึ่งขัดต่อเงื่อนไขการประกันตัว